นกเพนกวิน สัตว์ปีกที่บินไม่ได้แต่ว่ายน้ำเก่ง

นกเพนกวินเป็นสัตว์ปีกที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกรับเป็นสัตว์ปีกอีกชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถบินได้เหมือนกับสัตว์ปีกชนิดอื่น เป็นคำถามกันอย่างมากมายว่านกเพนกวินนั้นจะมีปีกไว้เพื่อสิ่งใดเมื่อไม่สามารถบินได้แบบนกชนิดหรือ หลายคนที่เคยดูสารคดีก็คงจะรู้คำตอบกันดีอยู่แล้วว่านกเพนกวินมีปีกไว้เพื่ออะไร เราสามารถลองดูในสารคดีเปรียบเทียบในความเป็นจริงได้ว่าปีกของนกเพนกวินนั้น เขาสร้างมาเพื่อการว่ายน้ำ การ Control ตัวเองอยู่ในน้ำให้สามารถที่จะหาอาหารกินได้อย่างรวดเร็ว เพราะอาหารประจำของเพนกวินนั้นคือปลาจากท้องทะเล

นกเพนกวินกินอย่างอื่นนอกจากปลาหรือไม่

นกเพนกวินเป็นนกที่อาศัยอยู่ในเมืองหนาวและอยู่บนน้ำแข็ง เขาอาศัยอยู่บนพื้นท้องทะเลอาหารการกินหลักของเขานั่นก็คือปลาตัวเล็กที่เขาสามารถหาได้ ในปัจจุบันมีการรณรงค์เรื่องนี้เป็นอย่างมากด้วยมีการหาปลาอย่างต่อเนื่องทำให้แหล่งอาหารของนกเพนกวินนั้นเกิดปัญหานกเพนกวินจำเป็นที่จะต้อง หาแหล่งอาหารกันใหม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาในเรื่องของอาหารที่ไม่เพียงพอสำหรับนก และเพนกวินก็ไม่สามารถที่จะกินอาหารชนิดอื่นได้นอกจากป่า ตอนนี้โลกกำลังตื่นตัวในเรื่องนี้เป็นอย่างมากมีการจำกัดวงการหาปลาการหาสัตว์ทะเลกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อแบ่งพื้นที่ในการหากินระหว่างคนกับเพนกวินอย่างชัดเจนเพราะถ้าไม่เช่นกันไม่นานนักนกเพนกวินก็จะลดจำนวนถึงขั้นอาจสูญพันธ์ได้

นกเพนกวินนั้นเป็นสัตว์สังคม

นกเพนกวินจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ครั้งละเป็นพันตัวหรือเป็นหมื่นตัว สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดก็คือเวลาที่เจอลมหนาวพัดมาจะมีการเกาะกลุ่มกันเป็นก้อนอยู่กันเป็นกลุ่มหนาแน่น แล้วจะมีการสลับปรับเปลี่ยนตัวเองตัวที่อยู่ด้านในเมื่อได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่จะสลับออกมาอยู่ด้านนอกให้ตัวด้านนอกนั้นเข้าไปรับข้อมูลด้านในแทน จะสลับปรับเปลี่ยนกันแบบนี้อยู่ตลอดเวลาจนกว่าลมหนาวนั้นจะพัดผ่านไป ถือว่าเป็นสัตว์สังคมที่น่ารักและไม่เอาเปรียบกันเลย

นกเพนกวินเป็นสัตว์ที่ออกลูกตัวเดียว

นกเพนกวินเป็นสัตว์ที่ออกลูกได้ครั้งละ 1 ตัว เวลาที่นกเพนกวินออกลูกนั้นตัวผู้จะเป็นคนดูแลทั้งหมด ตัวเมียจะมีหน้าที่ดูแลลูกเวลาที่พัดหลงกันในกลุ่ม สัญญาณที่ใช้เรียกกันระหว่างลูกและแม่จะเป็นสัญญาณที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างมากและจะรู้กันดีว่าสัญญาณนี้เป็นของลูกและเป็นของแม่รู้กันเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น ไม่ว่าจะพัดหลงหากันไม่เจออย่างไรส่งเสียงเรียกกันเพียงไม่กี่ครั้งก็จะได้เจอกันแล้ว นี่ก็ความมหัศจรรย์ที่โลกได้สร้างสรรค์มาอย่างแท้จริง