Categories
สัตว์น้ำ

กุ้งแม่น้ำกับวิถีชีวิตของคนไทย

พฤศจิกายน 2020

กุ้งแม่น้ำกับวิถีชีวิตคนไทย

กุ้งแม่น้ำอาหารจานอร่อยยอดฮิต ราคาแพงที่เราชอบกินกัน คุณเคยรู้บ้างหรือไม่ว่ากุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติมีชีวิตเป็นอย่างไร หรือความเป็นมาของกุ้งแม่น้ำกับวิถีชีวิตคนไทยนั้นผูกพันกันมายาวนานมากแค่ไหน เรากำลังมาบอกเล่าเรื่องราวของกุ้งแม่น้ำในมุมที่คุณยังไม่เคยรู้กัน

กุ้งแม่น้ำ คือ

กุ้งแม่น้ำคือกุ้งที่อยู่อาศัยในบริเวณน้ำจืดเขตร้อน

         กุ้งก้ามกราม หรือกุ้งแม่น้ำ คือ กุ้งที่อยู่อาศัยในบริเวณน้ำจืดเขตร้อน เป็นกุ้งที่มีขนาดใหญ่ โดยมีส่วนหัวใหญ่กว่าลำตัว นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กุ้งแม่น้ำถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมให้เป็นสินค้าส่งออกเท่ากับกุ้งสายพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมบริโภคเนื้อกุ้ง และไม่ค่อยนิยมกินหัวกุ้งหรือมันกุ้งมากนัก และเนื่องจากการที่กุ้งแม่น้ำพบได้ และอาศัยอยู่บริเวณแหล่งน้ำจืด ทำให้สำหรับประเทศไทย เราจะสามารถพบกุ้งแม่น้ำได้ตามเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะเขตจังหวัดอยุธยา

กุ้งแม่น้ำอยุธยา

กุ้งแม่น้ำอยุธยา ถือเป็นกุ้งแม่น้ำที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ

         กุ้งแม่น้ำอยุธยา ถือเป็นกุ้งแม่น้ำที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ อาชีพตกกุ้งแม่น้ำอยุธยาเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน หากคุณได้เคยชมละครย้อนยุคอย่างเรื่องบุพเพสันนิวาส คุณน่าจะได้เคยเห็นความผูกพันของกุ้งแม่น้ำอยุธยา กับวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ด้วยความนิยมในการรับประทานกุ้งแม่น้ำในปัจจุบัน ทำอาชีพงมกุ้งหรือตกกุ้งตามแหล่งน้ำจืด หรือตามลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้รับความนิยมมากขึ้น

เลี้ยงกุ้งแม่น้ำ

         ด้วยความนิยมในการรับประทานกุ้งที่สูงขึ้นมาก รวมถึงราคากุ้งแม่น้ำที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดอาชีพเลี้ยงกุ้งแม่น้ำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามกัน ซึ่งกุ้งแม่น้ำที่มาจากการเลี้ยง เราจะเรียกว่า กุ้งก้ามกราม

กุ้งแม่น้ำที่มาจากการเลี้ยง เราจะเลี้ยงว่า กุ้งก้ามกราม

         อย่างไรก็ตามการเลี้ยงกุ้งแม่น้ำ จะต้องมีการจับพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์มาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติอยู่ดี ซึ่งบ่อกุ้งแม่น้ำที่เหมาะสมจะต้องทำมาจากดินเหนียวหรือดินร่วนที่สามารถอุ้มน้ำได้ดี หรือพูดง่ายๆก็คือ ผู้เลี้ยงจะต้องจำลองบ่อเลี้ยงกุ้งแม่น้ำให้ใกล้เคียงกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากที่สุด นั่นรวมไปถึงน้ำในบ่อที่ต้องมาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีคุณภาพด้วย อาหาของกุ้งแม่น้ำเลี้ยงจะต้องเป็นอาหารเม็ดจมน้ำ เนื่องจากกุ้งแม่น้ำโดยธรรมชาติจะชอบกินพวกซากพืช ซากสัตว์ ที่อยู่ตามพื้นแม่น้ำ

อาหารจานเด็ดจากกุ้งแม่น้ำได้รับความนิยมมากขึ้น

         อาหารจานเด็ดจากกุ้งแม่น้ำอาจจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ปริมาณกุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติปัจจุบันลดลงอย่างน่าเป็นห่วง แม้ว่าจะมีการเลี้ยงกุ้งแม่น้ำมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังคงนิยมที่จะรับประทานกุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติมากกว่าอยู่ดี ทำให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะปล่อยกุ้งแม่น้ำลงสู่ธรรมชาติ เพื่อรักษาสมดุลของท้องน้ำตามธรรมชาติต่อไป

Categories
สัตว์บก

พี่เบิ้มแห่งผืนป่า

พฤศจิกายน 2020

ช้าง ตัวโตขวัญใจของเด็กน้อยมากมาย

ช้าง ตัวโตขวัญใจของเด็กน้อยมากมาย ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ยินข่าว หรือเรื่องราวเกี่ยวกับช้าง เรื่องราวเหล่านั้นมักเป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้ขนาดตัวของพวกมันเลย แต่ทำไมเรื่องราวของช้างถึงน่าสนใจ และเรื่องราวของเจ้าช้างน่าสนใจแค่ไหน เรามาเรียนรู้เรื่องราวของเจ้าช้างเหล่านี้กัน

ประวัติช้าง

ประวัติช้าง ;ช้างมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยไม่แพ้สัตว์ชนิดอื่น

          ช้างมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยไม่แพ้สัตว์ชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นการที่เราใช้ช้างสำหรับการใช้แรงงาน ลงสนามศึก สนามรบ ในการทำยุทธหัตถีตั้งแต่ในสมัยอดีต แต่ที่สำคัญที่สุด คือ เราใช้ช้างเป็นสัตว์ประจำรัชกาล

          ช้างถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ออกลูกเป็นตัว ที่มี 3 สายพันธุ์หลักๆ คือ ช้างแอฟริกา ช้างแอฟริกา และช้างเอเชีย ลักษณะเด่นๆ ของช้างที่ทุกคนน่าจะคุ้นตาก็คือ พวกมันมีตาที่เล็ก หูใหญ่ งวงยาว ตัวใหญ่ และมีผิวหนังที่หนาแต่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ช้างตัวผู้จะมีงาขาวที่ได้วิวัฒนาการมาจากฟัน งวงของช้างนอกจากจะใช้เป็นจมูกสำหรับการหายใจแล้ว งวงของมันยังเปรียบเสมือนแขนที่ไว้ใช้หยิบสิ่งของ หรือหยิบอาหารเข้าปาก หรือดูดน้ำได้

ช้างเอเชีย

ช้างเอเชียตัวผู้จะมีขนาดสูงได้ถึง 3 เมตร

          ปัจจุบันช้างในประเทศไทยมีจำนวนไม่มากนัก และถือว่าน้อยมากหากนับเฉพาะช้างตามธรรมชาติ เนื่องจาก 95 % ของช้างในประเทศไทยจะอยู่ในศูนย์อนุรักษ์ทั้งของรัฐบาลเอง และของเอกชน ช้างในประเทศไทยเป็นช้างเอเชียชนิดหนึ่ง ที่อาจจะมีขนาดเล็กกว่าช้างสายพันธุ์แอฟริกา ช้างเอเชียตัวผู้จะมีขนาดสูงได้ถึง 3 เมตร มีงายาวที่เราเรียกว่าช้างพลาย ส่วนช้างตัวเมียแม้จะมีงา แต่งาของมันเป็นงาที่สมบูรณ์ซึ่งเราจะเรียกช้าวงตัวเมียว่าช้างพัง

ช้างเขาใหญ่

          สถานการณ์ของช้างที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในประเทศไทยอาจจะไม่ค่อยดีนัก ไม่ว่าด้วยปัจจัยใดก็ตาม ทางอุทยานฯก็ได้พยายามทุกวิถีทางในการฟื้นฟู คุ้มครอง ดูแลโขลงช้างที่เหลืออยู่เป็นอย่างดี คุณอาจจะเคยได้ยินข่าว หรือ หากคุณเคยผ่านไปทางอุทยานเขาใหญ่ คุณอาจโชคดีได้เห็นโขลงช้างออกมาเดินตามถนน ทักทายรถที่วิ่งผ่านไปมาเช่น พี่ด้วน พี่โยโย่ พี่งาทองเล็กหรือ พี่ดื้อ เป็นต้น ทำให้ทางอุทยานฯ ได้ตั้งทีมอารักขา หรือที่เราเรียกว่า ชุดเคลื่อนที่เร็วเขาใหญ่ ที่จะคอยดูแลทั้งช้างเขาใหญ่ และรถที่วิ่งผ่านไปมา รวมถึงมีการแจ้งแผ่นพับ ใบปลิว และป้ายแจ้งเตือนเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อเจอโขลงช้างออกมาหากินตามริมถนนทางขึ้นอุทยานฯ

          นอกจากเราที่ต้องช่วยกันดูแลเจ้าช้างเหล่านี้ เพื่อใช้พวกมันได้อยู่ไปชั่วลูกชั่วหลานแล้ว เราต้องไม่ลืมที่จะดูแลผืนป่าที่เป็นเหมือน “บ้าน” ของพวกมันด้วย

Categories
สัตว์บก

เรื่องน่ารู้ของมดน้อยน่าทึ่ง

พฤศจิกายน 2020

“มด” คำนี้มักจะถูกใช้เปรียบเทียบว่าเป็นสิ่งที่เล็กๆ ตามขนาดจิ๋วๆ ของเจ้าสัตว์ตัวน้อยที่เราเรียกว่ามด แม้ว่ามดจะเป็นสัตว์ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป และดูไม่น่าสนใจนัก แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่า มดตัวจิ๋วเหล่านี้มีการดำรงชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ที่จะต้องทำให้คุณทึ่งได้อย่างแน่นอน

ลักษณะมดจะมีลำตัวของมดแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่นั่นคือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง

ลักษณะมด

มดมี 6 ขาจึงนับได้ว่าเป็นแมลงชนิดหนึ่ง เราสามารถพบเห็นมดได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่หนาวเย็นที่สุดอย่างขั้วโลก ไปจนถึงพื้นดินอันร้อนระอุของทะเลทราย ลักษณะมดจะมีลำตัวของมดแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่นั่นคือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง พวกมดมีปากและกรามที่ค่อนข้างแข็งแรงไว้ใช้กัด กิน แทะ ที่เป็นอวัยวะที่สำคัญ เพราะพวกมันใช้ปากทั้งในการจับเหยื่อหาอาหาร รวมถึงไว้ใช้ป้องกันตัว มดมีหนวดไว้ใช้ในการสื่อสาร และมดบางชนิดมีเหล็กในตรงส่วนท้องที่จะทำให้ศัตรูเจ็บปวดได้

มดถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์

พฤติกรรมมด

มดถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมมดที่สามารถใช้ปากของพวกมันในการแบกน้ำหนักได้มากกว่าน้ำหนักของขนาดตัวมันหลายเท่า จนคิดได้เลยว่า “มด” เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่มีความแข็งแรงมาก มดเป็นสัตว์ที่รู้หน้าที่ของตนโดยที่ไม่ต้องมีการสื่อสารใดๆ ซึ่งมดที่ถือว่าเป็นสัตว์ที่อาศัยกันเป็นสังคมใหญ่ พวกมดจะมีการแบ่งหน้าที่ วรรณะกันอย่างชัดเจน ระหว่างมดราชินีซึ่งเป็นมดตัวเมียที่สามารถสืบพันธุ์ได้และมีอยู่เป็นจำนวนไม่มากนักภายในรัง 1 รัง มดตัวผู้ ที่เป็นมดมีปีกมีหน้าที่ผสมพันธุ์และมดงานที่เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมัน ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป มดยังสามารถแยกชนิดของมดกันเองโดยการสัมผัสกลิ่น ซึ่งสารฟีโรโมนในมดแต่ละชนิดจะมีกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน นั่นทำให้หากมีมดสายพันธุ์อื่นหลงทางไปยังรังมดของมัน พวกมันก็จะรู้ได้ และถูกกำจัดในฐานะผู้บุรุกทันที

ที่อยู่อาศัยของมด หรือ รังมด ที่มีการสร้างรังลึกลงไปใต้ดินกว่า 4 เมตร

ที่อยู่อาศัยของมด

อีกหนึ่งความน่าทึ่งของมดก็คือ ที่อยู่อาศัยของมด หรือ รังมด ใครจะเชื่อว่า มด เป็นเหมือนสุดยอดวิศวกร หรือ สถาปนิก เลยทีเดียว รังของมดอาจจะถูกสร้างไว้ใต้ก้อนหิน เศษไม้ บนต้นไม้ หรือตามวัสดุต่างๆ บนพื้นดิน รังของมดจะถูกสร้างลึกลงไป และภายในมีการแบ่งแยกเป็นห้องต่าง ๆ พวกมันจะมีการจัดสรรห้องอย่างชัดเจน เช่น ห้องเก็บอาหาร ห้องเก็บตัวอ่อน ห้องนางพญา อีกทั้งการที่พวกมดจะอาศัยกันอยู่เป็นสังคมขนาดใหญ่ รังของพวกมันก็จะมีขนาดใหญ่พอๆ กับจำนวนของพวกมัน โดยเคยมีการพบว่า มด มีการสร้างรังลึกลงไปใต้ดินกว่า 4 เมตรเลยทีเดียว

มดถึงแม้จะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ แต่พวกมันก็ยังคงมีความน่าอัศจรรย์ และมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศที่จะสามารถใช้พึ่งพากันและกันตามกฎของธรรมชาติไม่น้อยเลย

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เรื่องราวที่น่าสนใจของ “กบ” ที่ไม่ได้แค่ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

พฤศจิกายน 2020

เรื่องราวที่น่าสนใจของ “กบ” ที่ไม่ได้แค่ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำแบบ “กบ” มีความคุ้นเคยกับวิถีชีวิตไทยไม่น้อย อาหารเมนูกบ ที่ถือว่าเป็นได้ทั้งอาหารสุดหรูตามภัตตาคาร หรือ อาหารรสแซบแบบบ้านๆ แต่คุณแน่หรือไม่ว่าของกบ มีประโยชน์แค่สามารถนำมาใช้เป็นอาหารจานเด็ดได้เท่านั้น เพราะเรากำลังจะบอกเล่าเรื่องราวของกบ ที่ไม่ได้เป็นเพียงอาหารที่ ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

เรื่องราวที่น่ารู้ของกบ

เรื่องราวที่น่าสนใจของ “กบ” ที่ไม่ได้แค่ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

กบเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่มีหาง และมีขาหลังที่ยาวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สำหรับการกระโดด มีลิ้นที่สามารถยืดตวัดได้ยาว รวมถึงมีปากที่กว้างมาก วัฏจักรชีวิตของกบแบ่งได้เป็น 4 ระยะหลักที่สามารถแบ่งได้อย่างชัดเจน คือ 1. ช่วงที่เป็นไข่ มีเมือกใสหุ้มและลอยเป็นแพอยู่บนผิวน้ำ 2. วัยลูกอ๊อด มีหัวโต หางยาว และหายใจทางเหงือก 3. วัยลูกกบ ที่จะมีหางเริ่มงอกออกมา พร้อมกับขาคู่หน้า และหางที่จะค่อยๆ หายไป หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ 4. ระยะโตเต็มวัย ที่เหงือกจะหายไป หายใจด้วยปอด ไม่มีหาง และขึ้นมาใช้ชีวิตบนบกอย่างเต็มที่

กบถูกแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ใหญ่ๆ คือ กบนา กบบลูฟร็อก และ กบพันธุ์พื้นเมือง ที่สำหรับคนเลี้ยงกบนับว่ากบทั้ง 3 สายพันธุ์นี้มีลักษณะและวิธีการเลี้ยง ระยะเวลาในการเลี้ยงที่แตกต่ากันพอสมควร ใครๆก็คงรู้แล้วว่าอาหารตามธรรมชาติของกบก็คือแมลง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแมลงที่เราหมายถึงนั้นรวมไปถึง ตัวต่อ ผึ้ง มด ไปจนถึงผีเสื้อ ปลาตัวเล็ก และหอยทาก พวกมันสามารถอาศับอยู่ได้ทุกที่ทั่วโลกตั้แต่ขั้วโลกเหนือไปจนถึงขั้นโลก ใต้ รวมถึงพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัดอย่างทวีปแอฟริกาๆ กบชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้น หรือตามหนองน้ำอื่นๆ ไปจนถึงแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์

ประโยชน์ของกบ

นอกจาก กบ จะใช้ประกอบอาหารได้แล้วพวกมันยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก

อย่างที่เราได้กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าประโยชน์ของกบ นอกจากจะเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมสำหรับการประกอบอาหารรสเลิศ แต่นอกจาก กบ จะใช้ประกอบอาหารได้แล้วพวกมันยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก เช่น กบนักล่าแมลง เนื่องจากโลกนี้มีแมลงจำนวนมาก ธรรมชาติจึงให้กำเนิดนักล่าแมลงอย่างกบเพื่อออกมารักษาสมดุลให้กับธรรมชาติ รวมถึงยังมีการใช้กบเพื่อการศึกษา และการวิจัยทางการแพทย์ ที่เคยถูกค้นพบว่าผิวหนังของกบมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อรา และฆ่าเชื้อไวรัสบางประเภทด้วย หรือหนังของกบก็ยังสามารถนำมาใช้ทำเครื่องดนตรี กระเป๋า และเครื่องหนังได้

กบ นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย และด้วยความที่กบเป็นสัตว์ที่เลี้ยงได้ง่าย ลงทุนไม่สูง ขายออกง่าย และสามารถสร้างกำไรให้กับผู้เลี้ยงกบเป็นอย่างดี ซึ่งน่าจะทำให้อาชีพเลี้ยงกบกลายเป็นอาชีพยอดนิยม และน่าสนใจอีกอาชีพหนึ่งได้ในอนาคตแน่นอน

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

วาฬสีน้ำเงิน พี่เบิ้มแห่งโลกใต้ทะเล

พฤศจิกายน 2020

วาฬสีน้ำเงิน พี่เบิ้มแห่งโลกใต้ทะเล

คุณรู้หรือไม่ว่า วาฬสีน้ำเงิน หรือ ปลาวาฬสีน้ำเงิน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพี่เบิ้มใหญ่แห่งท้องทะเล แม้ว่าพวกมันจะอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก แต่ในความจริงแล้ววาฬสีน้ำเงินมีบรรพบุรุษที่เป็นสัตว์บกสี่ขาก่อน แต่ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไม่พอ หากเราจะบอกคุณว่าวาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ แม้แต่ไดโนเสาร์ก็ยังมีขนาดเล็กกว่าพวกมันเสียอีก

ประวัติของวาฬสีน้ำเงิน

ประวัติของวาฬ : วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีบรรพบุรุษมาจากสัตว์ 4 ขา ตั้งแต่เมื่อ 65 ล้านปีก่อน

จากที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า วาฬสีน้ำเงิน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดในท้องมหาสมุทร พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มวาฬบาลีน ที่มีแผ่นกระดูกไว้คอยกรองอาหารจากน้ำทะเล ซึ่งอาหารของวาฬสีน้ำเงินได้แก่ แพลงตอนหรือสัตว์ทะเลขนาดเล็ก และแน่นอนพวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มวาฬที่ไม่มีฟัน จากประวัติของวาฬที่ค้นพบว่า วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีบรรพบุรุษมาจากสัตว์ 4 ขา ตั้งแต่เมื่อ 65 ล้านปีก่อน จนถึงเมื่อ 10 ล้านปีก่อนพวกมันกลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และด้วยวิวัฒนาการของวาฬทำให้พวกมันกลายเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน และด้วยการที่วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ออกลูกเป็นตัว ใช้เวลาการตั้งท้องเป็นปี ที่ทำให้เราเชื่อว่า วาฬ ไม่ได้เป็นปลา เหมือนที่หลายๆ คนเรียกพวกมันจนติดปากว่า ปลาวาฬ

วาฬสีน้ำเงิน

าฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวถึง 34 เมตร

เคยมีการค้นพบวาฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีความยาวถึง 34 เมตร และมีน้ำหนักได้ถึง 200 ตัน นั่นทำให้เราจะสามารถเจอพวกมันได้ตามท้องมหาสมุทรขนาดใหญ่ ทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงมหาสมุทรอินเดีย หากจะทำให้คุณจิตนาการได้ถึงขนาดอันมโหฬารของมัน คุณอาจจะนึกถึงน้ำหนักลิ้นของมันที่เทียบเท่ากับน้ำหนักของช้างตัวใหญ่ๆ หนึ่งตัวแล้ว หรือขนาดของหัวใจวาฬสีน้ำเงิน ที่ใหญ่พอให้มนุษย์ลงไปว่ายน้ำได้ และแม้ว่า วาฬสีน้ำเงิน จะกินแพลงตอนที่เป็นสัตว์ทะเลตัวเล็กเป็นอาหาร แต่พวกมันสามารถกินแพลงตอนได้ถึง 4 ตันต่อวันเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าวาฬสีน้ำเงินจะเป็นพี่เบิ้มที่น่าเกรงขามแห่งท้องทะเล แต่พวกมันก็ยังคงถูกมนุษย์ล่า ทั้งเพื่อเอาไขมันหรือน้ำมันมาใช้เป็นอาหารไปจนถึงการล่าเป็นประเพณี ที่ทำให้จำนวนประชากรวาฬสีน้ำเงินลดลงอย่างน่าตกใจ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้กลุ่มอนุรักษ์วาฬต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อคุ้มครองกลุ่มวาฬที่เหลืออยู่ ไปจนถึงเพื่อรักษาระบบนิเวศของท้องมหาสมุทรให้มีความสมดุล และคงอยู่ตลอดไป

Categories
แมลง

แมลงเต่าทอง ด้วงสีสวย ช่วยกำจัดศัตรูพืช

พฤศจิกายน 2020

แมลงเต่าทอง ด้วงสีสวย ช่วยกำจัดศัตรูพืช

แม้ว่าใคร ๆ ก็นึกภาพของแมลงเต่าทองออก แต่ในความจริงแล้วแมลงเต่าทองไม่ได้หาดูได้ง่าย ถ้าคุณไม่ได้เป็นเกษตรกร หรือเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับสวนผักผลไม้ ซึ่งแมลงเต่าทองเป็นแมลงที่มีสีสันสวยงาม มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ภายใต้ความสวยงามเหล่านั้น คุณเชื่อหรือไม่แมลงเต่าทองมีประโยชน์ และมีคุณค่ามาก โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่เป็นประเทศแห่งเกษตรกรรม

แมลงเต่าทองมีพิษไหม

นี่น่าจะเป็นคำถามอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนสงสัยว่าแมลงเต่าทองตัวน้อย สีสวยที่เราเห็นนั้นจะสามารถทำอันตรายต่อเราได้หรือไม่ พวกมันมีพิษไหม เดี๋ยวเราจะได้มาหาคำตอบกัน

แมลงเต่าทองมีสีสันสวยงามหลากหลายไปตามแต่ละสายพันธุ์

แมลงเต่าทอง หรือ อันที่จริงแล้วคือ ด้วงเต่าลาย เป็นแมลงปีกแข็งทีมีลำตัวอ้วนกลม เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดเพียง 3-6 มิลลิเมตรเท่านั้น  พวกมันมีสีสันสวยงามหลากหลายไปตามแต่ละสายพันธุ์ มีส่วนท้องและส่วนหัวเป็นสีดำ แต่จะมีจุดสีดำแต่งแต้มตามตัวที่เป็นเอกลักษณ์ แมลงเต่าทองถูกค้นพบแล้วกว่า 100 สายพันธุ์ และถูกคาดเดาว่าพวกมันมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาแล้วกว่า 300 ปี และถึงแม้ว่าพวกแมลงเต่าทองถูกจัดว่าเป็นสัตว์จำพวกกัดแทะ มีกรามที่แข็งแรงเช่นเดียวกับแมลงจำพวกด้วงทั่วไป แต่พวกมันก็ไม่มีพิษ แต่จะสามารถทำให้เราเจ็บปวดจากการกัด และเกิดการระคายเคืองจากน้ำลายของพวกมันเท่านั้น

ประโยชน์ของแมลงเต่าทอง

แมลงเต่าทองทำหน้าที่เหมือนเป็นยากำจัดศัตรูพืชไร้สารพิษให้เกษตรกรได้อย่างเฉียบขาด

ก่อนหน้าเราเคยพูดถึงลักษณะ และสีสันที่สวยงามของแมลงเต่าทองกันไปแล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่างแมลงเต่าทองไม่ได้มีแค่สวยไปวันๆ แต่พวกมันยังมีประโยชน์ต่อเกษตรด้วย ซึ่งประโยชน์ของแมลงเต่าทอง หรือที่มักถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ตัวห้ำแมลง ซึ่งนับว่าเป็นแมลงที่สำคัญมากในระบบนิเวศ พวกมันชอบกิน เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว ตัวอ่อนและไข่ของแมลงศัตรูพืชชนิดอื่น ๆ ที่มักจะก่อความรำคาญ และทำลายพืชผลของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ด้วยวงจรชีวิตของตัวห้ำแมลงที่กินแมลงศัตรูพืชพวกนี้เป็นอาหาร ทำให้ประชากรของแมลงศัตรูพืชลดลงในแบบที่ไม่ต้องพึ่งยาฆ่าแมลง และไม่ทำลายพืชผลของเกษตรกรแม้แต่นิดเดียว

ประโยชน์ของแมลงเต่าทองอีกอย่างหนึ่งก็คือ แมลงเต่าทองสามารถเป็นตัวชี้วัดว่าพื้นที่ทางเกษตรบริเวณนั้นมีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด เนื่องจากหากมีสารเคมี หรือยาฆ่าแมลงตกค้าอยู่มาก พวกแมลงเต่าทองอันแสนบอบบางเหล่านี้ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้

แมลงเต่าทองเป็นแมลงที่มีวงจรชีวิตสั้น ขยายพันธุ์เร็ว ทำให้เกษตรกรหัวใส เลือกที่จะเพาะเลี้ยงและปล่อยเจ้าแมลงเต่าทองให้อยู่ตามสวนไร่การเกษตร เพื่อที่พวกมันจะได้ทำหน้าที่เป็นยากำจัดศัตรูพืชไร้สารพิษให้เกษตรกรได้อย่างเฉียบขาด

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

คางคก สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ถึงจะมีพิษแต่ก็กินได้

พฤศจิกายน 2020

คางคก สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ถึงจะมีพิษแต่ก็กินได้

เด็กในเมืองหลายคนอาจจะรู้สึกสับสนกับคางคก และกบ แต่สำหรับเด็กชาวไร่ ชาวสวน ที่โตมากับท้องทุ่ง ท้องนา อาจจะเคยชิน และแยกระหว่างกบกับคางคกได้ในทันทีที่เห็น แต่ไม่ต้องสับสนอีกต่อไป เพราะเรากำลังจะอธิบายถึงลักษณะคางคก พิษของคางคก และที่สำคัญคุณอาจจะไม่เชื่อว่าคางคกกินได้

ลักษณะคางคก

คางคกในประเทศไทยสามารถพบได้อย่างน้อยถึง 10 ชนิด

 

คางคกเป็นสัตวครึ่งบก ครึ่งน้ำ ที่มีลักษณะทั่วไปคล้ายกบ แต่สิ่งที่สามารถแยกคางคก ออกจากกบได้อย่างชัดเจนก็คือ คางคกจะมีผิวหนังที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ มีคางคกกว่า 500 ชนิดที่ถูกค้นพบแล้วในโลกนี้ ยกเว้นในาวีปออสเตรเลีย และแอนตาร์กติการ์ และสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทย

คางคกในประเทศไทยสามารถพบได้อย่างน้อยถึง 10 ชนิด พวกมันมีรูปร่างค่อนข้างป้อม ไม่ว่องไว มีต่อมพิษอยู่บริเวณหัวตรงหลังหู คางคกจะมีการจำศีลในช่วงฤดูแล้ง และจะออกมาทักทายโลกกันในช่วงฤดูฝน คางคกชอบกินแมลงเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ วงจรชีวิตของคางคกมีความคล้ายกับกบคือ ไข่ ลูกอ๊อด ลูกคางคง และคางคกตัวเต็มวัย พวกมันยังสามารถทนต่อสภาพอากาศ และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทำให้เราสามารถพบคางคกได้ในทุกแห่งของประเทศโดยเฉพาะตามป่า เขา หรือทุ่งหญ้า ไปจนถึงสถานที่รกทึบในเมืองบางแห่ง

คุณเชื่อหรือไม่ว่าถึงแม้พิษคางคกจะร้ายแรง แต่ก็มีบางคนที่บอกว่ามันกินได้

มีคนกลุ่มนึงที่นิยมบริโภคคางคก ไม่ว่าจะเป็นเมนูผัดเผ็ด ผัดกระเพรา แสนอร่อย

ยางคางคก หรือ พิษคางคก อาจได้ขึ้นชื่อว่า มีพิษที่อันตรายและอาจทำให้คุณถึงแก่ชีวิตได้ พิษคางคกประกอบด้วยสารเคมีหลายตัว ที่ส่งผลกับระบบการทำงานของหัวใจ และระบบประสาท พิษคางคกจะกระจายไปทั่วตัวของมัน ไม่ว่าจะเป็นที่ไข่คางคก ผิวหนัง อวัยวะภายใน ที่ไม่ว่าจะโดนตรงไหนก็สามารถทำอันตรายคุณได้ทุกที่ ที่สำคัญพิษของคางคกทนต่อความร้อน ดังนั้นการรับประทานคากคงที่ถึงแม้จะปรุงสุกแล้วก็สามารถทำอันตรายคุณได้เช่นกัน

คางคก สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ถึงจะมีพิษแต่ก็กินได้

แต่ยังมีคนบางส่วนที่นิยมรับประทานคางคกถึงแม้จะรู้ว่าพิษคางคกอันตรายแค่ไหน หากคุณรับประทานพิษคางคกเข้าไป พิษจะส่งผลให้คุณรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน มีอาการสับสน ง่วงซึม ประสาทหลอน ชัก หมดสติ หัวใจเต้นช้าลง และสามารถทำให้คุณเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จากภาวะหัวใจวาย แต่ถึงแม้พิษของคางคกจะร้ายแรงสักแค่ไหน ก็ยังมีคนกลุ่มนึงที่นิยมบริโภคคางคก ไม่ว่าจะเป็นเมนูผัดเผ็ด ผัดกระเพรา แสนอร่อย อีกทั้งคนบางกลุ่มยังเชื่อว่าการรับประทานคางคกจะสามารถช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ด้วย

ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคางคกจะสามารถรับประทานได้จริง แต่การนำคางคกมาปรุงอาหารจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญในการกำจัดผิดของคางคกเท่านั้น แต่หากคุณไม่มั่นใจพอ หรือไม่เคยทำมาก่อน เราขอแนะนำว่าไม่เสี่ยงรับประทานคางคกเด็ดขาด นั่นก็เพื่อจะรักษาชีวิตของตัวคุณเอง

Categories
สัตว์ปีก

นกแก้ว สัตว์แสนฉลาดที่พูดได้ จริงหรือไม่?

พฤศจิกายน 2020

หลายคนเชื่อว่านกแก้วเป็นนกที่ฉลาดที่สุด เนื่องจากพวกมันสามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ รวมถึงพฤติกรรมการลอกเลียนแบบในสิ่งที่ผู้เลี้ยงนกทำให้นกแก้วเห็นเป็นประจำ และที่สำคัญหลายคนเชื่อว่านกแก้วสามารถพูดภาษาคนได้ นั่นคือเรื่องจริงหรือไม่ คุณสามารถหาคำตอบได้ที่นี่

นกแก้ว สัตว์แสนฉลาดที่พูดได้ จริงหรือ?

ลักษณะนกแก้ว

          ก่อนอื่นเราลองมาดูลักษณะนกแก้วแสนรู้นี้กันก่อน นกแก้วมีลักษณะที่ค่อนข้างหลากหลายตามแต่ละสายพันธุ์ แต่สิ่งที่ทำให้นกแก้วมีลักษณะที่เด่นกว่านกชนิดอื่นก็คือ พวกมันมีจะงอยปากที่หนาและสั้น จะงอยปากบนค่อนข้างคมและแข็งแรง พวกมันมีนิ้วเท้าอยู่ทั้งสองด้าน โดยอยู่ที่ด้านหน้าสองนิ้ว และด้านหลังอีกสองนิ้ว ทำให้พวกมันเป็นนกที่สามารถปีนป่ายได้เก่งเป็นพิเศษ หรืออาจใช้นิ้วเท้าของพวกมันฉีกอาหารได้เป็นชิ้นๆ ด้วย อาหารของนกแก้วได้แก่ พืชผัก ผลไม้ รวมถึงเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ด้วย

ลักษณะนกแก้ว พวกมันมีจะงอยปากที่หนาและสั้น จะงอยปากบนค่อนข้างคมและแข็งแรง

นกแก้วพูดได้จริงหรือ?

          นกแก้วถือเป็นนกที่ฉลาดที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากมีการค้นพบว่านกแก้วมีเซลล์ประสาทอยู่ที่สมองส่วนหน้ามากเป็นพิเศษ พวกมันจึงมีพฤติกรรมที่สามารถเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนกแก้วแอฟริกันเกรย์ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนกแก้วฉลาดที่สุด หลายคนเชื่อว่านกแก้วพูดได้ แต่สิ่งที่เราคิดว่านกแก้วพูดได้นั้น เป็นเพียงอีกพฤติกรรมหนึ่งในการลอกเลียนแบบเสียงของมนุษย์ ซึ่งการออกเสียงของนกแก้วไม่ได้มาจากกล่องเสียงเหมือนกับมนุษย์ แต่เสียงของนกแก้วเกิดจากการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อถุงลม และเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณนั้นทำให้เกิดเสียงขึ้นมา อย่างน้อยเราก็ยังคงยืนยันได้ถึงความฉลาดในการลอกเลียนแบบได้ของนกแก้วอยู่ดี เนื่องจากมีนกแก้วบางตัวที่สามารถลอกเลียนเสียงเพลงชาติได้จนจบเพลงเลยด้วยซ้ำ

นกแก้วแอฟริกันเกรย์ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนกแก้วฉลาดที่สุด

วิธีเลี้ยงนกแก้ว

          ด้วยความฉลาดของนกแก้วที่ทำให้หลายคนที่ชื่นชอบความแสนรู้ของมันเลือกที่จะเลี้ยงนกแก้วไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่เราจะมีวิธีเลี้ยงนกแก้วอย่างไรให้พวกมันแสนรู้อย่างที่เราต้องการ

เราจะมีวิธีเลี้ยงนกแก้วอย่างไรให้พวกมันแสนรู้อย่างที่เราต้องการ

          สิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงนกแก้ว หรือการฝึกนกแก้ว คือ นกแก้วที่คุณเลี้ยงจะต้องเลี้ยงตั้งแต่ตอนที่พวกมันยังเล็กๆ ซึ่งคุณจะต้องจำไว้เสมอว่านกแก้วแม้จะเป็นสัตว์ที่ฉลาด แต่พวกมันไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง เหมือนสุนัข ดังนั้นการฝึก หรือการเลี้ยงนกแก้วจะต้องเริ่มตั้งแต่ตอนที่พวกมันเป็นลูกนก หรือที่เราเรียกว่าลูกป้อนเพื่อจะได้สร้างความคุ้นเคยและให้นกแก้วรู้สึกว่าเราเป็นพ่อแม่ของมัน ในตอนที่นกแก้วรู้สึกว่าเราเป็นพ่อแม่ของมันแล้ว ความคุ้นเคยจะทำให้การฝึกหรือการเลี้ยงนกแก้วของคุณจะง่ายขึ้น

          นกแก้วเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนฉลาด สามารถเลียนเสียงต่างๆ รอบตัวได้ สีสัน ลักษณะนกแก้วสวยงามชวนมอง แต่หากคุณต้องการเลี้ยงนกแก้วสักตัว อย่าลืมศึกษาวิธีเลี้ยงนกแก้วให้เป็นอย่างดีด้วย เพราะคุณคงไม่ต้องการให้นกแก้วตัวโปรดของคุณกลายเป็นนกแก้วที่แสนโชคร้ายแน่นอน

Categories
สัตว์เลื้อยคลาน

งู เป็นสัตว์ที่น่ากลัวจริงหรือ?

พฤศจิกายน 2020

งู” คำง่ายๆ สั้นๆ ที่หลายคนเพียงแค่ได้ยินก็ทำให้ขนลุกได้ เนื่องจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับงูส่วนใหญ่ มักจะกล่าวถึงงูว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีพิษ และเป็นอันตราย แต่ในโลกแห่งความจริงนี้ “งู” เป็นสัตว์ที่น่ากลัวจริงหรือไม่เราลองมาดูกัน

งู เป็นสัตว์ที่น่ากลัวจริงหรือ?

งูออกหากินตอนไหน

          หากเราจะพูดถึงความอันตรายของ “งู” เราก็ต้องมาดูกันตอนที่พวกมันออกล่าเหยื่อ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว งูจะเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างขี้กลัว ชอบหลบหลีกหนีจากผู้คน ถึงแม้ว่างูจะมีการเคลื่อนที่ที่ปราดเปรียวและว่องไว มีประสาทสัมผัสรับรู้ที่ดี แต่พวกมันจะไม่กัด ยกเว้น หากพวกมันรู้สึกว่าโดนรุกราน และในขณะที่พวกมันกำลังหิว

งูมักจะออกหากินในเวลากลางคืน

          งูมักจะออกหากินในเวลากลางคืน พวกมันจะชอบที่ชื้นแฉะ หรือบริเวณแหล่งน้ำต่าง ๆ และสิ่งที่คุณควรรู้ไว้อีกอย่างคือ งูทุกตัวจะว่ายน้ำได้ อาหารที่โปรดปรานของเจ้างูทั้งหลายก็คือ สัตว์ทุกชนิดที่ตัวเล็กกว่า ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น จิ้งจก หนู กระต่าย ไปจนถึงเก้ง หรือกวาง ยิ่งพวกมันกินสัตว์ที่ตัวใหญ่มากแค่ไหน การออกหาอาหารครั้งต่อไปจะยิ่งทิ้งช่วงห่างมากแค่นั้น

ชนิดของงู

เราสามารถแบ่งงูออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือ งูมีพิษ และงูไม่มีพิษ

          งูมีพิษ ก็คืองูที่จะใช้พิษในการป้องกันตัวไม่ว่าจะเป็นตอนที่มันรู้สึกว่าถูกคุกคาม หรือแม้แต่ตอนที่พวกมันออกล่าเหยื่อ ซึ่งความร้ายแรงของพิษงูจะขึ้นอยู่กับชนิดของงู ซึ่งงูมีพิษบางชนิดอาจทำให้เหยื่อของมันที่มีขนาดใหญ่กว่าถึงแก่ชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที งูมีพิษที่เราจะคุ้นชินกันดี ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม เป็นต้น

งูมีพิษ ก็คืองูที่จะใช้พิษในการป้องกันตัว

          งูไม่มีพิษ คือ งูที่ไม่มีต่อมในการผลิตพิษและไม่มีเขี้ยวพิษ แต่งูไม่มีพิษจะมีฟันที่แหลมคม และใช้กล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากของมันในการบีบรัดเหยื่อจนทำให้เหยื่อ หรือสัตว์ที่คุกคามมันถึงแก่ชีวิต ทำให้งูไม่มีพิษส่วนใหญ่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่างูที่มีพิษ อย่างเช่น งูเหลือม งูหลาม หรืองูแสงอาทิตย์

งูไม่มีพิษ คือ งูที่ไม่มีต่อมในการผลิตพิษและไม่มีเขี้ยวพิษ

          เราอาจเคยได้รับความรู้ว่าให้หนีห่างออกจากงูให้ได้มากที่สุด บางคนเลือกที่จะทำร้ายพวกมัน เหมือนคำที่เราเคยได้ยินบ่อย ๆ ว่า “ตีงู ต้องตีให้ตาย” แต่จริง ๆ แล้ว งู ก็ไม่ได้อยากทำร้ายเรา เช่นเดียวกับสัตว์อื่น ๆ ที่ต้องป้องกันตัวเมื่อพวกมันรู้สึกถูกคุกคาม ดังนั้นหากเราต้องเผชิญหน้ากับงู เราก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายมัน เพียงเราต้องศึกษาวิธีการหลีกเลี่ยง วิธีปฏิบัติที่จะทำให้เจ้างูทั้งหลายรู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังคุกคามพวกมัน หรือวิธีที่ดีที่สุด คือ คุณควรจะโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ที่มีความชำนาญในการจัดการกับงูเหล่านั้น

Categories
สัตว์บก

ควาย กับการท่องเที่ยวสุดฟิน

พฤศจิกายน 2020

ควายที่แต่เดิมเป็นสัตว์ป่าที่มนุษย์ได้จับมาฝึกฝน เลี้ยงดูเพื่อการใช้แรงงาน ทำให้ควายกับมนุษย์มีความผูกพันกันจนถึงปัจจุบัน คุณน่าจะเคยได้เห็น ควาย หรือ อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับควายมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นในแง่ของประวัติศาสตร์ หรือ การประกอบอาชีพหลักของประเทศไทยของเรา อย่างการทำนา แต่ปัจจุบัน ควาย เป็นมากกว่านั้น เพราะพวกมันได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศด้วย

จากควายป่า ที่ถูกมนุษย์นำมาฝึกฝนในอดีต กลายเป็นความผูกพันในปัจจุบัน

หากเราจะพูดถึงประวัติควาย ง่ายๆ ตามลักษณะที่เราเห็นก็คือ พวกมันเป็นสัตว์ประเภทเคี้ยวเอื้อง ที่มีขนาดใหญ่ มีสีดำและมีเขาโค้ง ควายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25 ปี นอกจากนั้น คำว่า ควาย ตามพจนานุกรมยังกล่าวไว้อีกว่า ควาย หมายถึง คนโง่ เซ่อ หรือคนตัวใหญ่ที่ไม่ฉลาด ที่เรามักจะได้เห็นอยู่ทั้งในคำพังเพย อย่างเช่น คำเปรียบเปรยที่ว่า โง่เป็นควาย หรือสุภาษิตต่าง ๆ เช่น สีซอให้ควายฟัง เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน เป็นต้น นั่นทำให้คำว่าควายถือเป็นคำที่ส่อถึงความไม่สุภาพด้วย ทำให้มีการใช้คำว่า “กระบือ” หรือ “ทุย” ในการใช้เรียกควายแทน เพื่อเป็นการไม่แสดงการดูถูกสัตว์ที่มีคุณประโยชน์กับชาติ ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ หรือการประกอบอาชีพ มาตั้งแต่สมัยโบราณ

ควายอยู่คู่กับชาวนาไทยมาตั้งแต่โบราณ

อย่างไรก็ตามแม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป วิวัฒนาการของโลกก้าวไปจนมีการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาช่วยแทนการใช้ควายไถนาแล้ว แต่ควายก็ยังคงไม่หมดประโยชน์ไปเลยแม้แต่น้อย เพราะมีนักธุรกิจหัวใสบางส่วนได้ใช้ควายมาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้งในเชิงวัฒนธรรม หรือ สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ อย่างเช่นที่ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ฟาร์มควายนมเชิงท่องเที่ยว คันนาค่าเฟ่ เป็นต้น

ควาย มีส่วนช่วยในการส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะ ควายเผือก ที่มีลักษณะโดดเด่น ซึ่งควายเผือกเหล่านี้เกิดจากการกลายพันธุ์ หรือความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งพวกมันจะมีสีขาวอมชมพูตลอดทั้งตัว รวมถึงเขาของมันด้วย และต้องยอมรับว่าควายเผือกทำให้การท่องเที่ยวชมควายดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากควายเผือกเป็นควายที่หาดูได้ยากเลยทีเดียว

ควายเผือกที่ดูแปลกตา และหาดูได้ยาก

อีกปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวชมควายได้รับความนิยมก็คือ การที่ควายไทยใกล้สูญพันธ์แล้ว เนื่องจากควายไม่ได้รับความนิยมในหมู่เกษตรกรในการเลี้ยงควายไว้ใช้งานอีกต่อไป ทำให้ปัจจุบันเราสามารถหาดูควายได้ยากขึ้น ซึ่งควายส่วนใหญ่มักจะถูกเลี้ยงไว้ตามคาเฟ่ หรือฟาร์ม ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองได้มีโอกาสนำบุตรหลาน ออกไปชมสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์นี้มากขึ้น