Categories
แมลง

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กของโลก

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว ลักษณะสำคัญที่คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นแมลง รู้จักมด วงจรชีวิตหลายรูปแบบ วิวัฒนาการสำคัญที่กำเนิดมาช้านาน

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว ลักษณะสำคัญที่ควรทำความรู้จัก

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว

ถ้าให้พูดถึงสัตว์ที่มีลักษณะขนาดเล็ก คนหลายคนอาจจะนึกถึง มดซึ่งแน่นอนว่าบนโลกของเรานั้นมีมดมากมายหลากหลายลำดับ และมดนั้นนับว่าเป็นแมลง ที่มีการสร้างเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่มาก รู้จักมด วงจรชีวิตหลายรูปแบบ บางรังอาจจะมีจำนวนประชากรหมดมากกว่า 1,000,000 ตัว มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นมดงาน ที่ทำหน้าที่หาอาหาร หรือมดที่ซ่อมแซมรัง และยังมีเป็นมดที่คอยปกป้องรังจากศัตรู ดูแลตัวอ่อนมาก รู้จักมดสัตว์ตัวจิ๋ว ซึ่งลักษณะของการแบ่งวรรณะที่พบบ่อยที่สุด คือมดเพศผู้และมดราชินีเพศเมียที่ทำหน้าที่สืบพันธุ์ ซื้อมดนั่นอาจสร้างความรำคาญให้กับคน เนื่องจากชอบของหวาน และอาจจะมีหลายหลายคนที่ต้องการจะกำจัด แต่คุณทราบหรือไม่ว่ามดก็เป็นสิ่งขนาดเล็กที่มีจำนวนมหาศาล และเป็นสิ่งที่มีจำนวนเกือบ 2ใน3 ของระบบนิเวศ รู้จักมด สัตว์ที่ปรับตัวได้ ซึ่งนับว่าเป็นความสำคัญต่อการรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติ

รู้จักมด ความเก่าแก่ของสิ่งมีชีวิตชนิดเล็ก

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว

มดเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสัตว์ตัวน้อยๆ ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนดินให้มีรูพรุน ทำให้มีน้ำแล้วออกซิเจน ลงไปถึงรากของพืช รู้จักมด สัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ อาจจะมีอายุที่อยู่บนโลกมานานกว่ามนุษย์ มากกว่า 100,000,000 ปีกันเลยทีเดียว เพราะฟอสซิล ที่พบนั้นมีอายุเก่าแก่ เพื่อเป็นสิ่งระบุว่ามดคือสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมากที่สุด มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของโลกเลยก็ว่าได้ แม้ว่ามดจะเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ไม่มีร่างกายใหญ่โต แต่ก็เป็นสิ่งพิเศษที่โลกนี้นั้นขาดไม่ได้ โดยพฤติกรรมของมดส่วนใหญ่นั้น จะอยู่กันเป็นรัง และมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว
  • มด จะมีการติดต่อสื่อสารกัน โดยปล่อยสารที่เรียกว่าฟีโรโมนออกมาแล้ว มดตัวอื่นก็จะรับการพูดคุยผ่านทางหนวดและขาคู่หน้า 
  • มดคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถติดต่อผ่านเสียง เพื่อเป็นการเตือนภัยได้อีกด้วย หากอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย รู้จักมด วงจรชีวิตหลายรูปแบบ จะสามารถเรียกเพื่อนต่างๆ มาช่วยได้ 
  • มดคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเอาอาหารได้ทั้งกลางวันและกลางคืน กินได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซากพืช หรือดูดอาหารจากของเหลว และสิ่งที่มนุษย์รำคาญที่สุดคือการที่มดตอมอาหารนั่นเอง
  • รู้จักมด สัตว์ที่ปรับตัวได้ไว สิ่งมีชีวิตที่ผสมพันธุ์เฉพาะบนที่สูงเท่านั้น เช่น บนต้นไม้
  • ราชินีของมดจะทำหน้าที่วางไข่เท่านั้น ไม่ทำงานอย่างอื่น คอยควบคุมพฤติกรรมภายในรัง
  • สภาพอากาศฤดูกาล อุณหภูมิ ความชื้น มีอิทธิพลสูงมากในการผสมพันธุ์ หากภายในรังนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับมดเพศผู้ก็จะทำหน้าที่ประสมพันธุ์สร้างมดต่อไปได้เรื่อยๆ
รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว

ในปัจจุบันมีการค้นพบหมดมากกว่า 12,000 ชนิด ซึ่งจะพบมากในเขตร้อนของภูมิภาคอาเซียน และนักวิทยาศาสตร์ก็คาดว่าอาจจะมีมดอีก 1,000 ชนิด ที่ไม่ยังไม่ค้นพบ รู้จักมด สัตว์ที่ปรับตัวได้ไว เป็นสิ่งมีชีวิตแมลงที่มีวิวัฒนาการสูง สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และสามารถอยู่รอดได้ทุกช่วงเวลามีอายุมานานหลาย 1,000,000 ปี แต่นั่นก็เพราะว่ามดมีพฤติกรรมต่างๆ ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ผ่านมาด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
แมลง

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก น่าหลงใหลแฝงไปด้วยสีสันตามธรรมชาติ

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก กระจายพันธุ์ทั่วทั้งภูมิประเทศหนาวเย็นและแห้งแล้ง จำแนก แมลงผีเสื้อ สามมหาวงศ์ แต่มีวงจรชีวิตที่แสนสั้น

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก วิวัฒนาการยาวนานหลายล้านปี

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก

ผีเสื้อนั้น ถือว่าเป็นวันลาอีกหนึ่งอย่างที่มีความสวยงามด้วยปีกของพวกมันที่แตกต่างกันไปของแต่ละตัว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล และตื่นตาตื่นใจ หลายๆครั้งที่คนอาจจะมองเห็นผีเสื้อเวียนไปตามต้นไม้ ดอกไม้เพราะอยากจะได้รับความสนุก และที่สำคัญนั้นจะทำให้มัน ได้รับน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เป็นอาหารและช่วยดอกไม้ในการผสมพันธุ์ไปในตัวอีกด้วยแมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยให้โลกนั้นมีความงดงามอีกหนึ่งอย่าง โดยจากการสันนิษฐานของนักชีวะวิทยานั้น กล่าวว่า แมลงผีเสื้อสามมหาวงศ์ มีวิวัฒนาการมาจากแมลงปอและแมลงเต่าทอง เมื่อ 280,000,000 ปีก่อน แต่ในปัจจุบันนั้นโลกมีผีเสื้อถึง 7,000 ชนิด ส่วนประเทศไทยของเรามีผีเสื้อประมาณ 900 ชนิดเท่านั้น

แมลงผีเสื้อสัตว์ปีกสวยงามของโลก ความแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น

แมลงผีเสื้อเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ว่าเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกภายใน ทำให้ลำตัวของมันนั้นมีแค่เนื้อเยื่อบางๆ ที่เป็นเปลือกห่อหุ้ม ซึ่งอาจจะมีความบอบบางมากในการดำเนินชีวิต ลักษณะรูปร่างของแมลงผีเสื้อ สร้างสมดุลธรรมชาติ  นั้น หลายคนอาจจะไม่ทราบเพราะเห็นเพียงจุดเด่นแค่ปีกของมัน แต่คุณทราบหรือไม่ว่าลักษณะลำตัวของผีเสื้อนั้น มีสิ่งแปลกใหม่ที่แตกต่างจากสัตว์ประเภทอื่น เช่น

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก
  • ตาของผีเสื้อมีเลนส์ตานับหนึ่งพันดวง ที่แมลงผีเสื้อสัตว์ปีกสวยงามของโลก นั้นสามารถมองเห็นได้อย่างละเอียด
  • แมลงผีเสื้อ สามมหาวงศ์ มีหนวดหนึ่งคู่ ที่ทำหน้าที่ดมกลิ่นและมีหนวดหนึ่งอัน สำหรับการดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้
  • ในช่วงเวลาที่มันไม่ได้กินอาหารนั้น หนวดจะถูกวงเก็บม้วนให้เป็นเกลียว
  • ผีเสื้อมีปีกสองคู่ และมีเส้นไปเป็นโครงร่างจึงเปรียบเสมือนโครงกระดูกของลำตัว ซึ่งสีสันของผีเสื้อนั้นจะเป็นลักษณะ ที่ผู้เชี่ยวชาญจำแนกว่ามันคือชนิดใด
  • แมลงผีเสื้อ วงจรชีวิตพิศวง  สิ่งที่คุณทราบอยู่แล้ว ว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างที่ไม่เหมือนกัน ตั้งแต่การเป็นไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และเป็นผีเสื้อ
แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก

การสืบพันธุ์ของผีเสื้อนั้น จะมีตัวผู้ที่สนใจตัวเมียที่มีปีกสีเดียวกัน เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์เสร็จแล้ว อีกไม่นานมันก็จะวางไข่ตามใบพืชที่เหมาะสม เพื่อที่จะให้เสบียงในตัวหนอนของพวกมัน จะวางไข่ใต้ต้นไม้เป็นกลุ่มๆ ได้ หลังจากวางไข่ 2-3วันนอนได้ ไข่ผีเสื้อจะออกมาอีก 5-10 วันต่อมา หนอนก็จะใช้ปากของมันเจาะเปลือกไข่ให้แตก แล้วกินเปลือกไข่ของตัวเองเป็นเมนูแรกในการดำรงชีวิต หลังจากเป็นหนอนมันก็จะกลายเป็นดักแด้ มีการขับใยเหนียวๆ ออกมาขอหุ้มตัวเพื่อป้องกันตนเอง ตอนที่เป็นดักแด้นั้นพวกมันไม่ต้องการอะไรเลย แมลงผีเสื้อ สามมหาวงศ์ จะอยู่ในกรอบและใช้เวลา 7-10 วันในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนเอง จนกลายเป็นผีเสื้อ

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก

ผีเสื้อนั้นถือว่าเป็นอีกสัตว์ชนิดหนึ่งที่จะอพยพไปเดินทางไกลๆ สามารถบินได้ถึง 3,000 กิโลเมตร และแมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลกบางชนิดก็สามารถบินข้ามทะเล รวมไปถึงภูเขาเอลป์ แต่ตอนนี้นั้นผีเสื้อ ไม่ได้เป็นแค่สัตว์ในธรรมชาติ เพราะยังมีมนุษย์หลายคนนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์สวยงามอยู่ในกรง หากคุณเคยรู้จักกับ แมลงผีเสื้อ สร้างสมดุลธรรมชาติ อาจจะคุ้นชินกับผีเสื้อกลางวันและผีเสื้อกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งสวยงาม และเป็นแมลงยอดฮิตในขณะนี้ที่มนุษย์นำไปเลี้ยงดู

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์บก

ลิงกัง สัตว์ที่เก่ง และแข็งแกร่งว่องไวที่สุด

หากพูดถึงสัตว์ที่เก่ง และฉลาด ส่วนมากแล้วต้องนึกถึงลิงเป็นอันดับแรกเลยก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ลิงกัง เหนือ และลิงกังใต้ ซึ่งเดิมทีลิงกังใต้จัดให้เป็นชนิดย่อยของลิงกังเหนือ แต่จะปัจจุบันได้ถูกแยกออกเป็นอีกชนิดต่างหาก ลิงกังสัตว์ป่าแสนซน มีรูปร่างลักษณะ อ้วนขนสั้น มีสีเทา หรือน้ำตาล ขนบนหัวจะขึ้นวนเป็นก้นหอย ส่วนตรงใต้ท้องจะมีสีเทาจางเกือบขาว บริเวณหลังเป็นสีน้ำตาลไหม้ หางสั้น 13-14 เซนติเมตร มีขาที่ยาว น้ำหนักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 4.7 – 14.5 กิโลกรัม ซึ่งตัวเมียจะมีขนาดตัวเล็กกว่าตัวผู้ และมีขนปรกหน้าผากน้อยกว่าตลิงตัวผู้

ลิงกัง มีความสามารถ มาทั้งความฉลาดเฉลียว

ในประเทศไทย ลิงกังเป็นที่รู้จักกันและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ลิงกังเป็นสัตว์ที่มีความสามารถมากมาย จึงทำให้คนส่วนหนึ่งนำมาเลี้ยง และฝึกฝน ให้ทำตามคำสั่งต่างๆ 

ลิงกัง
  • เช่นการแสดงละครลิง ที่ใช้ ลิงกังออกไปแสดงความสามารถให้ผู้คนซื้อบัตรเข้ามาชม ความน่าแสนรู้ และยังสร้างรายได้ให้กับเจ้าของอีกด้วย 
  • อีกหนึ่งความสามารถที่คนไทยมักนิยมฝึกให้ปีนต้นมะพร้าว เพราะลิงกังมีความซุกซน ว่องไว และมีฟันที่แข็งแรง จึงสามารถเก็บลูกมะพร้าวได้ ทำให้ ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลายเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ต่างพากันมาเยี่ยมชมความน่ารักของเจ้าลิงกัง สำหรับการฝึกให้ลิงเก็บลูกมะพร้าวนั้น จำเป็นต้องใช้ลิงตัวผู้ เพราะมีขนาดที่ใหญ่กว่าตัวเมีย และแข็งแรงกว่า ลิงที่ใช้ฝึกฝนจะอยู่ในช่วงอายุ 3-5 เดือน และต้องเป็นลิงที่เชื่อง นิสัยดี เชื่อฟัง ไม่ดุร้าย มีสุขภาพที่แข็งแรง ฟันไม่มีความผิดปกติ เพราะจะส่งผลต่อขั้วมะพร้าว ซึ่งเป็นผลที่ชาวเกษตรส่งออกตลาด โดยการฝึกจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับทักษะ และความฉลาดของลิง 
ลิงกัง

เนื่องจาก ลิง กัง จะเป็นสัตว์ที่มีความสามารถมากมาย จึงทำให้ผู้คนส่วนนึงลักลอบจับ โดยผิดกฏหมาย เพื่อมาหาผลประโยชน์ และหารายได้ที่เป็นกอบเป็นกำจากพวกมัน ลิงกังจัดเป็นลิงที่มีสมาชิกในฝูง น้อยกว่าลิงชนิดอื่น ที่มีไม่เกิน 40-45ตัวในฝูง ส่วนมากแล้วจะพบเจอได้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบได้ในหลายประเทศ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในป่าทึบ ป่าดิบชื้นบริเวณเชิงเขา และชอบเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆไม่ค่อยอยู่เป็นที่ ส่วนบางตัวจะออกหากินแบบเดี่ยว ไม่เข้าฝูง ลิงกังชอบมาอยู่ตามพื้นดินมากกว่าอยู่บนต้นไม้ แต่เวลานอนจะขึ้นนอนบนต้นไม้ ลิงกังจะเริ่มผสมพันธุได้ต่อเมื่อมีอายุ ราว 3 – 4ปี และยังผสมพันธุ์ได้ทุกฤดูกาล โดยใช้ระยะเวลาในการตั้งครรภ์ประมาณ 5-7เดือน ออกลูกเพียงแค่ 1ตัว ตัวผู้อาจจะผสมพันธุ์กับลิงตัวอื่นที่ไม่ใช่คู่ได้อีกหลายตัว ซึ่งจะไม่มีคู่ที่แน่นอน ลิง กังจะออกหากินในเวลากลางวัน อาหารหลักส่วนมากจะเป็นผลไม้ป่า และนอกจากผลไม้แล้วยังมี แมลง เมล็ดพืช ใบไม้ ตัวอ่อนปลวก และปู เป็นต้น ลิงกังจัดเป็นสัตว์ที่รักความสงบ ค่อยข้างเงียบ ไม่ชอบส่งเสียงมากมายนัก นอกเสียจากเวลาต่อสู้กันเท่านั้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันออนไลน์ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
สัตว์บก

แพนด้า หมีอ้วนขี้เล่น  เป็นมิตรอัธยาศัยดี

หมียักษ์ขี้เล่นที่ใครเห็น ก็ต้องตกหลุมรักในความอ้วนของมัน แพนด้า อาศัยอยู่บนเทือกเขา บางพื้นที่ของจีน ซึ่งในอดีตเชื่อว่า อาศัยอยู่กระจัดกระจายไปทั่วภาคใต้และตะวันออกของจีน จนไปถึงภาคเหนือของพม่า และเวียดนาม แต่ปัจจุบันแพนด้าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด ชนิดหนึ่งในโลก โดยพบเห็นได้ในพื้นที่แคบๆบนป่าเขาของจีนเท่านั้น จากการสำรวจล่าสุด แพนด้าที่เลี้ยงในกรง มีเพียง 239 ตัวอยู่ที่จีน และอีก 27 ตัวที่อยู่ต่างประเทศ มีการคาดการณ์ว่าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติมีเพียง 1590 ตัวทั่วโลก แต่จากการศึกษาในปี คศ 2006 พบว่ามีประชากรที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติเพิ่มจำนวนขึ้น แต่เชื่อว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่แน่นอนที่จะย้ายชื่อของแพนด้าออกจากรายชื่อสัตว์ตัวใหญ่แสนขี้เกียจ ถึงแพนด้าจะจัดอยู่ในวงศตะกูลของหมี แต่พฤติกรรมของมัน แตกต่างจากหมีทั่วไปโดยสิ้นเชิง

แพนด้า ทำความรู้จักหมีอ้วนตัวนี้ให้ดีกว่าเดิม

แพนด้า
  • แพน ด้า หมีที่กินพืชเป็นอาหาร มีรูปร่างที่อ้วนตุ๊ต๊ะ มีขนนุ่มปุกปุย มีขนสีดำรอบดวงตา ใบหู บ้า และขาทั้ง 4 ข้าง ส่วนบริเวณอื่นของร่างกายจะเป็นสีขาว 
  • นิสัยส่วนตัวของเจ้าแพนด้า มักรักสันโดษไม่ชอบสุงสิงกับใคร จนได้รับฉายาว่าผู้สันโดษแห่งป่าไผ่ มีแค่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม่เบ่งบานเท่านั้นที่เราแพลนน่าจะออก มาหาคู่ จึงทำให้ แพนด้าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์
  • เป็นนักปีนป่ายตัวยง ถึงแพนด้าจะตัวอ้วนเทอะทะอย่างนี้ แต่ที่จริงแล้ว ยังชอบปีนป่าย ซึ่งมีประโยชน์ในการหลบหนีศัตรู และหาอาหาร ของมัน
  •  อาหารที่โปรดปราณของแพนด้า ปกติแล้วแพนด้า จัดอยู่ในประเภทสัตว์กินเนื้อ 90 % ของอาหารที่มันกิน แต่กลับกลายเป็นใบไผ่ ที่แพนด้าเลือกกินถึงเ 99 % เพราะมันกินไปไผ่มากกว่า 20 สนิท เละจะเลือกใบไผ่ตามฤดูกาลที่มีรสชาติแตกต่างกันไป และยังมีหน่อไม้ บางทีก็จะกินข้าวโพด และตัวตังกุยป่าอีกด้วย แพนด้ามักใช้ชีวิตใกล้แหล่งน้ำเนื่องจาก ชอบกินน้ำเป็นชีวิตจิตใจบางครั้งอยู่ไกลแค่ไหน ก็ยังต้องดั้นด้นไปหาตามหุบเขา เพื่อให้เจอแหล่งน้ำ และก็กินอย่างชื่นหัวใจ
แพนด้า

ซึ่งบางทีก็พบว่ามันก็กินไข่ ปลา และแมลงบางชนิด ในใบไผ่อีกด้วย นี่คือสิ่งที่แพนด้าแตกต่างจากหมีชนิดอื่นที่กินเนื้อเป็นอาหารหลัก แม้ว่าใบไผ่เป็นพืชให้พลังงานน้อย แต่แพนด้าก็ยังเลือกที่จะกิน ใบไผ่ โดยจะใช้เวลาในการกินใบไผ่ถึงวันละ 16ชั่วโมง ในปริมาณไม่ต่ำกว่า 18กิโลกรัมต่อวัน และขับถ่ายมากถึงวันละ 40 ครั้ง ทำให้ในช่วงฤดูหนาวแพนด้า ไม่จำเป็นต้องจำศีลเหมือนกับหมีชนิดอื่นๆ เนื่องจากใบไผ่ให้พลังงานสะสมไม่เพียงพอ

แพนด้า

และแพน ด้าตัวเมียมีอาการติดสัตว์เพียง 1-2วันเท่านั้น และออกลูก รวมถึงเลี้ยงลูกในธรรมชาติ ให้อยู่รอดและเติบโตได้ยากมาก เป็นสาเหตุที่ทำให้แพนด้าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ที่แพร่ขยายพันธุ์ได้ยากด้วยในรอบปี เนื่องจากแพนด้า เลือกกินใบไผ่ที่ค่อนข้างมีโภชนาการและพลังงานน้อยดังนั้นจึงต้องจำกัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและพักผ่อน ใช้เวลานอนหลับให้มากๆ เพื่อประหยัดพลังงาน แพนด้าใช้เวลากับการกิน 54% เพื่อการพักผ่อน ส่วน 43% เพื่อการพักผ่อน และให้เวลากับการเล่นแค่ 2%เท่านั้นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันออนไลน์ที่กำลังมาแรง

Categories
สัตว์บก

เฟอเรท สัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก ซุกซนเหมือนเด็ก

เฟอเรท สัตว์เลี้ยงที่ทุกคนอาจคุ้นเคยตากันมาบ้างแล้ว เฟอเรทเป็นสัตว์นักสำรวจที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป และนิยมเลี้ยงกันมากในอเมริกา นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์นักล่าที่มีขนาดเล็กที่สุด จะถูกนำเข้ามาในฐานะของสัตว์ที่ฝึกใช้สำหรับล่ากระต่าย ซึ่งเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ ที่ชอบล่าสัตว์ขนาดเล็กตามโพรงดิน เช่น หนู หรือกระต่ายเป็นอาหารอยู่แล้ว เฟอเรทเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกมนุษย์นำมาเป็นสัตว์เลี้ยงกันมาถึง 2500ปีแล้ว สัตว์นำเข้าที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกัน ไม่แพ้แมว และสุนัขเลย ในเมืองไทย 

เฟอเรท หากใครได้ลองเลี้ยงแล้วรับรองว่าจะตกหลุมในความน่ารักแน่นอน

เฟอเรท
  • สัตว์นักล่าที่มีขนาดตัวเล็กที่สุด มีลักษณะลำตัวยาว คล่องแคล่วว่องไว โดยมีลำตัวยาวประมาณ 44-60 เซนติเมตร ในความยาวทั้งหมดครึ่งหนึ่งจะเป็นหาง ซึ่งมีน้ำหนักตัวราว 1-2.5 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อเทียบแล้วเฟอเรทมีขนาดตัวที่เล็กกว่าแมว แต่อย่างไรก็ตามน้ำหนักตัวจะยังไม่คงที่ เพราะขึ้นอยู่กับการกินเป็นหลัก ถ้ากินเยอะก็สามารถมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าแมวก็ได้
  • สัตว์ 4 ขา ที่แต่ละขาจะมี 5 นิ้ว ขนฟู มีขนาดดวงตาเล็ก กับหู 2 ข้าง ที่งอกออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ละตัวจะสีขนที่แตกต่างกันออกไปตามสายพันธ์ที่นำมาผสมพันธุ์กัน หากโตเต็มที่แล้วจะมีฟัน 34-36 ซี่ โดยจะกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร และจะไม่ถูกกับผัก และผลไม้ ถ้าหากเผลอกินเข้าไปอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ว่าได้
เฟอเรท

ซึ่ง เฟอเรทเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความใกล้ชิดกับคนมาก ซึ่งมีความซุกซนติดเล่น ติดเจ้าของ ถึงจะมีความขี้เล่น แต่ก็ยังมีความขี้กลัว และขี้ตกใจอีกต่างหาก เฟอเรทมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ในตัว และจะปล่อยกลิ่นสาปออกมาทุกครั้งเมื่อรู้สึกตกใจ เฟอเรทมีนิสัยชอบสำรวจ อยากรู้อยากเห็น เป็นนักขุดคุ้ย คล่องแคล่วว่องใวต่อการสัมผัสภายนอก ถ้าเจ้าของเลี้ยงนอกกรง ก็ต้องคอยดูแลและระมัดระวัง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ชอบนำสิ่งของเข้าปาก บางครั้งอาจเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยจะใช้เวลาในการนอนพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง และจะตื่นใช้ชีวิตวิ่งเล่น 12-18 ชั่วโมงเลยทีเดียว

เฟอเรท

ซึ่งตัวผู้จะมีลำตัวที่ใหญ่กว่าตัวเมีย และสามารถสังเกตได้จากอวัยวะสืบพันธุ์ ถ้าจะเปรียบเทียบแล้วก็คล้ายกับแมว สามารถมองจากสายตาได้ เฟอเรทเป็นสัตว์ที่ขาดเซ็กส์ไม่ได้ ต้องมีการผสมพันธุ์อยู่ตลอด สังเกตได้ง่ายๆเมื่อพร้อมจะผสมพันธ์แล้ว ตัวผู้จะลูกอัณฑะที่ใหญ่ขึ้น ตัวเมียจะมีอวัยวะเพศที่บวมเปล่ง หากเพศเมียไม่ได้รับการผสมพันธุ์จะเกิดอาการภาวะเลือดจาง ทำให้ท้องบวม ตัวเหลืองซีด ขนร่วงจนหมดตัว ขณะเดียวกันเพศผู้จะมีอาการผิดปกติที่ต่อมลูกหมากทำให้ป่วยได้ ซึ่งจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงควรป้องกันด้วยการทำหมัน เพื่อเป็นการรักษาชีวิตของพวกมันไว้ได้ หากไม่ได้ทำการผสมพันธุ์

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com แทงบอลออนไลน์ได้ที่นี่

Categories
สัตว์บก

กระรอก สัตว์เลี้ยงที่มีขนหางที่ฟูเป็นเอกลักษณ์ใครก็ต้องรัก

เมื่อพูดถึง กระรอก สัตว์เลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลิน หลายคนต้องรู้จักกันดี เนื่องจากมีการนิยมเลี้ยงกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในประเทศไทยเมื่อลองนึกดูดีๆจะพบว่า จะสามารถเห็นกระรอกได้ทั่วไปโดยส่วนมาก จะเห็นกันตามกำแพง เสาไฟ ต้นไม้ และป่าข้างทาง โดยอยู่ทั่วพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่แพร่กระจายอยู่ฝั่งพม่า ลาว และกัมพูชา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำพวกสัตว์ฟันแทะ ที่มีขนาดลำตัวเล็ก มีขนปุกปุยปกคลุมทั่วร่าง หางเป็นพวงฟูสวยงาม คล้ายพวงองุ่น มีปลายจมูกที่ยื่นยาวอกมา ใบหูยาวใหญ่ กรงเล็บที่แหลมคม ดวงตากลมโตน่ารัก มีความยาวตั้งแต่ปลายจมูกถึงโคนหางประมาณ 21-22 เซนติเมตร มีความยาวของหางที่เท่ากับลำตัว มีหูที่ยาวถึง 1.9-2.3 เซนติเมตร ด้วยความน่ารักของมัน ทำให้กระรอกหลายชนิดนิยมเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ โดยแพร่หลาย

กระรอก เป็นสัตว์ที่เป็นนักจัดระเบียบที่เก่งที่สุด

กระรอก
  • กระรอกเป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางวัน โดยกินผลไม้เป็นอาหารหลัก บางครั้งก็จะกิน ใบไม้ ดอกไม้ เมล็ดพืช หรือจะเป็นแมลง และเปลือกไม้ โดยเฉพาะกระรอกขนาดใหญ่อย่างพญากระรอก บางครั้งก็ยังกินไข่นกเป็นอาหารอีกด้วย 
  • กระรอกเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวมาก ชอบอาศัยอยู่บนต้นไม้ตามป่าดงดิบ แห้งแล้ง ไปจนถึงสวนผลไม้ ที่เป็นแหล่งอาหารที่เจ้า กระรอก โปรดปราน รวมไปถึงสวนสาธารณะ และแหล่งชุมชน พบทั้งที่ชอบรวมกลุ่มกันเป็นฝูง และอยู่ตามลำพัง ซึ่งจะมีกรงเล็บที่แหลมคมใว้เพื่อหยิบจับอาหารแล้ว ก็ยังมีไว้เพื่อยึดติดกับต้นไม้เพื่อกระโดดจากต้นหนึ่ง ไปยังอีกต้นหนึ่งด้วย
กระรอก

แม้สมองของเจ้ากระรอกจะมีเพียงขนาดเท่าเมล็ดถั่ว แต่กลับมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูง รวมถึงการจัดระเบียบอาหารอันเป็นเลิศ ด้วยความสามารถพิเศษในการแยกชนิดของถั่ว เพื่อการจัดเก็บ และกักตุนอาหาร ช่วยให้กระรอกจดจำข้อมูลง่ายๆ เพื่อย่นเวลาสำหรับการหาอาหาร ไปจุดๆหนึ่งเพื่อหาถั่วที่ปรารถนา สำหรับกระรอกที่ปีๆหนึ่ง เก็บเสบียงถั่วไว้ได้ถึง 3000-10000 ชิ้น โดยจะฝังลึกประมาณ 1นิ้ว ใต้พื้นดิน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับรัง

กระรอก

แต่บางครั้งก็จะพยามหาที่ซ่อนแปลกใหม่ เพื่อป้องกันกระรอกตัวอื่นหรือนกบางชนิดขโมยไปกิน ซึ่งบางครั้งด้วยความเจ้าเล่ห์ในการขุดซ่อนอาหาร จึงทำให้ กระรอกมีนิสัยขี้ลืมและความจำสั้น ทำให้ลืมไปว่าตัวเองนั้นขุดฝังอาหาร หรือโยกย้ายเมล็ดถั่วไปไว้ที่ไหนบาง เนื่องจากมีจำนวนที่มาก เพราะส่วนใหญ่แล้วกระรอกจะหาอาหารเพื่อเก็บซ่อนไว้ถึง 90% แต่อีก 10% พวกมันหาไม่เจอ ดังนั้น กระรอกจึงเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในการสืบพันธุ์ และการอยู่รอดของต้นไม้ใหญ่หลายๆต้น จึงทำให้ในทุกๆปี ต้นไม้ที่งอกเงยออกมาจำนวนหลายล้านต้น อาจเป็นฝีมือของเจ้ากระรอกชาวสวนตัวจิ๋ว ที่ทำให้ผลไม้ และเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ในอนาคตด้วยฝีมือของกระรอก สัตว์นักปลูกต้นไม้มือทอง ก็เป็นได้

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เข้าเล่นฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

Categories
ความรู้ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เต่าญี่ปุ่น เต่าที่มีแก้มสีแดงทำให้หลายคนหลงรักเมื่อพบเจอ

เต่าชนิดนี้เป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อว่าเดินช้าที่สุด นับเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกหลายสิบปีมาแล้ว ซึ่งที่จริงแล้ว เต่าญี่ปุ่น เป็นเต่าแถบประเทศอเมริกา เหตุที่ชื่อ เต่าญี่ปุ่นเพราะในประเทศไทย มีพ่อค้าชาวญี่ปุ่นคนแรกที่นำเต่าชนิดนี้ออกมาจัดจำหน่ายในประเทศ จึงเรียกกันติดปากว่าเต่าญี่ปุ่น แต่ในปัจจุบันประเทศไทยเราสามารถมีฟาร์มเพาะพันธุ์เต่าชนิดนี้อย่างแพร่หลาย และยังมีสีใหม่ๆออกมาให้เห็น เช่น เต่าญี่ปุ่นสีเผือกกระดองเหลือง ตัวสีขาว หรือจะเป็นสีพาสเทลที่หายาก และมีความสวยละลานตาอีกมาก จากผลสำรวจพบว่าทำให้ผู้คนในประเทศแห่กันนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเต่าญี่ปุ่นจัดเป็นชนิดย่อยของเต่าแก้มแดง มีถิ่นกำเนิดอยู่พื้นที่ชุ่มน้ำ 

เต่าญี่ปุ่น สัตว์ที่ผู้คนมากมายยกให้เป็นสัตว์นำโชค

เต่าญี่ปุ่น
  • เป็นเต่าที่เลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลินใจ จัดเป็นเต่าที่เลี้ยงง่ายเนื่องจากเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่มีความน่ารัก ในการเลี้ยงจึงจำเป็นต้องมีพื้นที่แห้ง เผื่อว่ามันจะขึ้นมาผึ่งตัวบนบก ถ้าขนาดยังเล็กก็จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ แต่ถ้ายิ่งเต่าตัวใหญ่มากเท่าไรก็ต้องเปลียนปล่อยมาเท่านั้น เพื่อจะไม่ให้สิ่งปฏิกูลของเสียได้หมักหมมค้างอยู่ในน้ำ ไม่อย่างนั้นแล้วเต่าอาจไม่กินอาหาร และมีอาการป่วยตามมา เนื่องจากเต่าญี่ปุ่นเป็นสัตว์เลือดเย็น จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ ที่แสงแดดเข้าถึง เพื่อให้เค้าได้ออกไปผึ่งแดดเผื่อรับวิตามิน และกระตุ้นระบบการทำงานในร่างกาย
เต่าญี่ปุ่น

เต่าญี่ปุ่นเป็นสัตว์กินไม่เลือก กินทั้งพืช และสัตว์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำอาหารเต่าชนิดเม็ด นำเข้ามาจำหน่ายมากมาย เพื่อสะดวกสบายในการเลี้ยงมากขึ้น แต่ข้อเสียคือมีราคาที่แพง ซึ่งถ้าเต่าขนาดเล็กก็ยังกินไม่เยอะ แต่ถ้าเต่ามีขนาดโตขึ้น ก็อาจจะกินสลับกับผักบุ้งซึ่งเป็นอาหารหลัก และอาหารเม็ดเป็นอาหารเสริมก็ได้ 

เต่าญี่ปุ่น

ลักษณะของเต่าแรกเกิดจะมีกระดองเป็นสีเขียว เมื่อโตขึ้นสีจะเข้มออกคล้ำ เท้าทั้ง 4ข้าง มีผังผืด ที่ใช้ในการว่ายน้ำ เมื่อมีอายุถึง 2 ปี ก็เข้าสู่วัยผสมพันธุ์ และมักมีการผสมพันธุ์กันในน้ำ ระหว่างเดือนมีนาคม – มิถุนายน จากนั้นตัวเมียก็จะขึ้นมาวางไข่บนบก ใช้เวลาในการฟักเป็นตัวราว 60-75วัน สามารถมีชีวิตอายุยืนยาวที่สุด มีอายุขัยประมาณ 50-60ปี จึงทำให้จากเต่าน่ารักแรกเกิดที่นำมาเลี้ยง เมื่อเติบใหญ่จะมีขนาดตัวถึง 1ฟุต และไม่น่ารักเหมือนเดิม เลยกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมเช่นกัน เนื่องจากเจ้าของอาจนำไปปล่อยในแหล่งน้ำเพื่อกลับคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งเต่าญี่ปุ่นจะสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างดี ทำให้มีการแพร่ขยายพันธุ์ และแย่งอาหารกับเต่าเจ้าถิ่น ที่อยู่ในพื้นเมืองของไทยอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บไซต์พนันออนไลน์ที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน