Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

กบแก้ว เจ้าสัตว์ตัวน้อยที่มาพร้อมความโปร่งใสและสีสันโดดเด่นสะดุดตา

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

           กบแก้ว สายพันธุ์เอกวาดอร์ หรือ Hyalinobatrachium yaku เป็นสายพันธุ์ที่เพิ่งถูกค้นพบ เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่จัดอยู่ในตระกูล Centrolenidae พบได้ในพื้นที่ป่าฝนในประเทศแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ประเทศบราซิล คอสตาริกา โคลัมเบีย กัวเตมาลา ฮอนดูรัส เม็กซิโก และปานามา กบแก้วมีจุดเด่น คือ ผิวมีความโปร่งใสราวกับแก้วสามารถมองทะลุเห็นอวัยวะภายในได้อย่างชัดเจนจึงเป็นที่มาของชื่อ กบแก้ว นั่นเอง

ลักษณะโดยทั่วไปของกบแก้ว 

           กบแก้ว เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่มีลำตัวยาวประมาณ 0.8 นิ้ว มี 4 ขา ผิวมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ ตัวมีสีเขียวหรือน้ำตาลแตกต่างกันไปซึ่งในส่วนของสีผิวจะมีสีอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ กบแก้วมีผิวหนังโปร่งใสสามารถมองทะลุไปเห็นอวัยวะภายในได้อย่างชัดเจน มีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีอยู่ทั้งหมดราวๆ 150 สายพันธุ์ ก่อนหน้านี้ได้พบอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ประเทศเปรูนั่นก็คือ H. pellucidum แต่สายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจและสายพันธุ์ที่มีความโปร่งใสมากที่สุดก็คือสายพันธุ์ Hyalinobatrachium yaku ของประเทศเอกวาดอร์นั่นเอง

ลักษณะการวางไข่และการขยายพันธุ์ของกบแก้ว

           กบแก้วสามารถออกไข่ได้ครั้งละประมาณ 18-30 ฟอง โดยจะวางไข่บนใบไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับบริเวณริมน้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้และบางครั้งอาจจะเห็นพวกมันกระโดดอยู่บนผิวน้ำไปมา การขยายพันธุ์กบแก้วจะทำได้ก็ต่อเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมเท่านั้น เนื่องจากกบแก้วเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเปราะบางมากจึงทำให้การขยายพันธุ์เป็นไปได้ยาก ต้องรอให้มีความเหมาะสมทางธรรมชาติและความสมดุลทางธรรมชาติเสียก่อน ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงการปล่อยให้ขยายพันธุ์เองตามธรรมชาติ

สาเหตุที่ทำให้กบแก้วตกอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจที่จะพยายามศึกษาว่าเพราะเหตุใดกบแก้วจึงวิวัฒนาการตัวเองมาให้มีความโปร่งใสเช่นนี้ ซึ่งอาจจะดูผิดวิสัยของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั่วไป โดยมีการสันนิษฐานว่าอาจมีการวิวัฒนาการให้ตัวโปร่งใสเพื่อการพรางตัวที่แนบเนียนและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้มากขึ้น นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเจ้ากบแก้วสามารถเดินทางไกลเพื่อไปขยายพันธุ์ได้ โดยรายงานพบว่าสามารถขยายพันธุ์ได้ไกลถึง 110 กิโลเมตร จากจุดที่เป็นแหล่งที่อยู่ของมัน และอาจมีการขยายพันธุ์ไกลออกไปเรื่อยๆ

           แต่ในปัจจุบันกลับพบว่ากบแก้วมีจำนวนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และมีภาวะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้เนื่องจากมลพิษทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยและการถูกคุกคามจากมนุษย์ โดยอิงข้อมูลปัจจุบันพบว่ากบแก้วทั่วโลกเหลืออยู่ประมาณ 5,000 ตัวเท่านั้น หากเราไม่เริ่มช่วยกันอนุรักษ์ตั้งแต่ตอนนี้อีกไม่นานคนรุ่นลูกรุ่นหลานอาจจะไม่มีใครได้เห็นและอาจไม่มีใครรู้จักกบแก้วตัวเป็นๆอีกต่อไปก็ได้

 

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

“สิงโตทะเล”มีขนเหมือนสิงโตบนบกหรือไม่

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

มีเด็กตัวเล็กเข้ามาถามว่าสิงโตทะเลนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร หน้าตาเหมือนกับสิงโตที่เราเห็นในสวนสัตว์กันหรือไม่ ผู้ใหญ่บางคนก็ยังไม่เคยรู้และยังไม่เคยเห็นกับสิงโตทะเลมาก่อน ก็ไม่สามารถที่จะตอบให้กับเด็กได้สำหรับผู้ที่รู้แล้วก็คงจะตอบได้ไม่ยากมากนักว่ามันหน้าตาเป็นเช่นไร ต้องบอกโดยพื้นฐานกันก่อนว่าสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณน้ำทะเลไม่ได้เป็นสัตว์บกแต่อย่างใดพื้นผิวของเขาจะอยู่ตามชายหาดตามสถานที่ต่างๆ สิ่งที่เห็นได้อย่างเด่นชัดของสิงโตทะเลมันก็ขนาดตัวที่ใหญ่และเมื่อโตเต็มวัยก็จะมีเขี้ยวที่ยาวตามไปด้วย

อาหารการกินของสิงโตทะเล

สิงโตทะเลใช้ชีวิตคล้ายๆกับแมวน้ำจะว่าไปแล้วหลายคนที่ไม่เคยได้เห็นตัวจริงอาจจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่า ตัวไหนคือสิงโตทะเลและตัวไหนคือแมวน้ำ เพราะถ้าสิงโตทะเลนั้นขนาดยังไม่โตเต็มวัยจะมีความละม้ายคล้ายคลึงกับแมวน้ำเป็นอย่างมากและการใช้ชีวิตการหากินต่างๆก็จะไม่ได้แตกต่างจากแนวหน้า ด้วยความที่อาศัยอยู่ริมทะเลอยู่ตามชายหาดอาหารหลักของพวกเขาก็คือปลาในท้องทะเลสิ่งมีชีวิตตัวเล็กในท้องทะเลนั่นเอง

ขนาดความใหญ่โตของสิงโตทะเล

สิงโตทะเลนั้นมีขนาดความใหญ่โตที่จัดได้ว่าเกือบจะเท่ากับรถยนต์คันเล็กๆ 1 คันกันเลยทีเดียว น้ำหนักเมื่อโตเต็มวัยนั้นมีน้ำหนักมากกว่า 1000 กิโลกรัมขึ้นไป และเมื่อตัวใหญ่ขนาดนั้นสิ่งที่ตามมานั่นก็คือสัตว์ใหญ่มักจะดุร้ายสัตว์ชนิดนี้จัดว่าเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดุร้ายเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ตัวใหญ่และมีพลังมหาศาลสามารถทำลายทุกสิ่ง เคยมีคนได้ถ่ายคลิปวีดีโอตอนที่สิงโตทะเลนั้นทำการทำลายรถที่จอดอยู่ที่ริมหาดเขาสามารถคลิกรถให้กลับด้านอีกข้างอย่างง่ายดาย ลองนึกดูง่ายๆถ้าเกิดว่ามาทำร้ายคนก็คงจะเสียชีวิตไม่ทันที แต่ถ้าสิงโตทะเลอยู่บนบกเราก็ค่อนข้างจะปลอดภัยเป็นอย่างมากเพราะการเคลื่อนตัวของสิงโตทะเลบนบกนั้นเคลื่อนตัวได้ช้า ไม่เหมือนกับการได้อยู่ในท้องทะเลเมื่อไหร่ที่อยู่ในน้ำสิงโตทะเลจะมีความปราดเปรียวเป็นอย่างมากเรียกว่าเก่งในน้ำแต่ช่วงเช้าบนบก

ปัจจุบันสิงโตทะเลมีจำนวนเท่าไหร่

ปัจจุบันสิงโตทะเลมีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก เพราะมีคนที่ต้องการหนังของเขาไปทำเครื่องประดับทำเครื่องนุ่งห่มต่างๆ รวมถึงเขี้ยวที่มีความยาวและสวยงามก็มีคนอยากจะนำไปประดับบารมีของตนเองไว้ ก็เลยมีการล่าอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ใครที่มีไว้ครอบครองก็ถือว่าผิดกฎหมายถูกจับอย่างแน่นอน ปล่อยให้เขาอยู่ในระบบนิเวศควบคุมระบบนิเวศถือว่าดีที่สุด

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

‘แมวน้ำ’ หน้าตาจะเหมือนแมวขนปุยหรือไม่

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

หลายคนรู้จักแมวน้ำกันเป็นอย่างดีแต่ก็มีบางคนที่ยังไม่รู้จักแล้วนะมาก่อน แค่พูดคำว่าแมวหลายคนก็คิดว่าก็น่าจะคล้ายๆกันมีขนปุกปุยน่ารักดวงตาที่สดใส ยิ่งโดยเฉพาะเด็กที่ยังไม่รู้จักว่าการพ้องเสียงชื่อแมวเหมือนกันนั้น แต่รูปร่างหน้าตานี้ไม่ได้เหมือนกันแม้แต่นิดเดียวเลย จะว่าไปแล้วแมวน้ำนั้นหน้าตาจะไปละม้ายคล้ายคลึงกับสิงโตทะเลมากกว่าแต่รู้หรือไม่ว่าแมวน้ำนั้นก็เป็นสัตว์ที่น่ารักไม่น้อย ถ้าถูกฝึกและถูกสอนเป็นอย่างดีก็กลายเป็นสัตว์ที่แสนรู้แสนฉลาดโชว์ความสามารถได้หลากหลาย หลายคนที่เคยได้ดูแมวน้ำโชว์การละเล่นโชว์การแสดงต่างๆก็เกิดหลงรักไปโดยไม่รู้ตัว

อาหารการกินของแมวน้ำ

แมวน้ำเป็นสัตว์ที่อยู่ริมชายหาดทะเลจะอาศัยอยู่บนบุกเป็นส่วนใหญ่แต่เวลาที่หาอาหารก็จะใช้วิธีการลงทะเลหาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยจำพวกปลาเล็กปลาน้อย หรือกุ้งหอยปูปลาต่างๆมากินเป็นอาหาร ทักษะการล่าอาหารของแมวน้ำ มีลีลาเฉพาะตัวเป็นอย่างมากเมื่อเวลาที่อยู่ในน้ำเขาจะมีลีลาที่โดดเด่นการว่ายน้ำที่รวดเร็ว เมื่อไหร่ที่เจอเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นปลาเล็กปลาน้อยหรือจะเป็นปลาที่ขนาดใหญ่พอตัวที่สามารถจะจับได้ เขาจะมีลีลาในการว่ายน้ำตามปลาตัวนั้นอย่างไม่ลดละเมื่อตั้งเป้าจะจับปลาแล้วไม่ว่าปลาจะว่ายน้ำเร็วเท่าไหร่ แต่สำหรับแมวน้ำนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมากเมื่อพุ่งไปที่เป้าหมายแล้วแทบจะไม่มีคำว่าพลาดกันเลย

นิสัยแมวน้ำนั้นดุร้ายไม่ใช่เล่น

แมวน้ำนิสัยไม่ได้น่ารักเหมือนกับแมวบ้านที่เราเลี้ยงกัน โดยพื้นเพของเขาแล้วจะมีความดุร้ายพอตัวโดยเฉพาะตอนที่เขาเลี้ยงลูกจะมีความสงสารลูกเป็นอย่างมาก ใครที่เข้าใกล้โดยคิดว่าแมวน้ำนั้นน่าจะมีความน่ารักเหมือนกับที่เราได้เห็นในสวนสัตว์อาจจะคิดผิดก็เป็นได้ การที่เจอสัตว์ในธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านการเลี้ยงหรือผ่านการฝึกฝนมาก่อนทางที่ดีที่สุดเราควรจะอยู่ห่างมองแต่เพียงสายตาใครๆ หรืออยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่เวลาที่เราไปเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติ ศึกษาพฤติกรรมของเขาจากการบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่จะเป็นการดีที่สุด ถ้าไม่มีความรู้และไม่เข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ แนะนำให้อยู่ห่างไว้ก่อนเพื่อป้องกันตัวเองก่อนที่ภัยจะมาถึงดีที่สุด

แมวน้ำเป็นสัตว์ที่ฝึกได้

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าหรือสัตว์ที่เลี้ยงน่ารักสวยงามเราสามารถประดับมาฝึกได้ ถ้าเราเข้าใจพฤติกรรมของเขาไม่ว่าจะฝึกด้วยวิธีการแบบไหนให้เรียนรู้หรือให้เชื่อฟังคำสั่งก็สามารถที่จะฝึกสอนได้ตลอด แต่ถ้าจะนำมาฝึกจริงๆควรจะเลือกแมวน้ำที่มีอายุน้อยเข้าตำราอย่างที่ทุกคนว่าไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก ถ้าโตเกินวัยไปก็จะฝึกยากไปตามอายุก็เช่นกัน

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เรื่องของซาลาแมนเดอร์ สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำสุดเจ๋ง

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

ซาลาแมนเดอร์ สามารถรักษาตัวเอง หรือเยียวยาตัวเองได้ด้วยการงอกอวัยวะขึ้นมาใหม่

ซาลาแมนเดอร์ เป็นชื่อเท่ห์ๆ ของสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ที่หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินแต่ชื่อ แต่สำหรับบางคนซาลาแมนเดอร์ถือเป็นสัตว์เลี้ยงแสนคูล ที่ใครมีไว้ในครอบครองก็ดูเจ๋งสุด

การงอกใหม่ของซาลาแมนเดอร์

เรื่องของซาลาแมนเดอร์ สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำสุดเจ๋ง

ซาลาแมนเดอร์ เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง มีรูปร่างคล้ายตะกวด ซาลาแมนเดอร์ส่วนใหญ่มีขาหน้า 2 คู่ และมีหาง พวกมันมีลักษณะผิวหนังที่คล้ายกับสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำอื่นๆ พร้อมทั้งมีต่อมเมือกที่ผิวหนังทีาช่วยในการหายใจ และมีต่อมพิษสำหรับการป้องกันตัว รวมถึง เพื่อใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามด้วย ในประเทศไทยจะสามารถพบเจ้าซาลาแมนเดอร์นี้ได้ตามภูเขาสูงของทางภาคเหนือหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างเช่น ดอยอินทนนท์ ดอยเชียงดาว ดอยสุเทพ เป็นต้น

ซาลาแมนเดอร์ตัวโตเต็มวัยแต่ละสายพันธุ์มีขนาดที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ 3 เซนติเมตร ไปจนถึงขนาด 2 เมตร แต่ความน่าสนใจเกี่ยวกับซาลาแมนเดอร์ก็คือ พวกมันสามารถรักษาตัวเอง หรือเยียวยาตัวเองได้ด้วยการงอกอวัยวะขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นขา หาง หรือแม้แต่การซ่อมแซมหัวใจ หรือ สมองของมันเองได้ โดยที่เนื้อเยื่อส่วนที่เสียหายของซาลาแมนเดอร์จะถูกเปลี่ยนเป็นสเต็มเซลล์ ที่เจริญเติบโตไปเป็นเนื้อเยื่อต่าง ๆ กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท จนสามารถทดแทนอวัยวะที่หายไปได้อย่างสมบูรณ์ ดูๆไปแล้วก็รู้สึกอิจฉาเจ้าซาลาแมนเดอร์นี่เสียจริง

ความน่าทึ่งของซาลาแมนเดอร์ 7 ปีอยู่นิ่งๆ ก็ไม่เป็นไร

ซาลาแมนเดอร์ถ้ำ หรือที่เรียกว่าตัวโอล์ม

อีกความน่าสนใจของเจ้าซาลาแมนเดอร์ก็คือ ซาลาแมนเดอร์สามารถอาศัยอยู่จุดเดิมๆ แบบไม่ขยับเขยือนไปไหนเลยได้นานถึง 7 ปี ความน่าทึ่งของซาลาแมนเดอร์สายพันธุ์นี้เป็นซาลาแมนเดอร์ถ้ำ หรือที่เรียกว่าตัวโอล์ม ที่โดยปกติแล้วจะมีลักษณะตาบอด ชอบอาศัยอยู่ตามถ้ำมืดที่มีธารน้ำไหลในแถบยุโรปกลางหรือยุโรปตะวันออก ตัวโอล์มมักจะใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้า และสามารถมีชีวิตยืนยาวถึง 100 ปี และอีกความน่าทึ่งของซาลาแมนเดอร์สายพันธุ์นี้ก็คือ พวกมันจะมีการเคลื่อนไหวเพื่อการผสมพันธุ์ทุกๆ 12 ปีครึ่ง ที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีสัตว์สายพันธุ์ไหนนิ่งได้เท่าซาลาแมนเดอร์ถ้ำ หรือตัวโอล์มนี่อีกแล้ว

ซาลาแมนเดอร์อาจเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่มีหน้าตาประหลาด ทำให้เหล่าบรรดาผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกนิยมมีไว้ในครอบครอง อย่างไรก็ตามหากคุณไม่แน่ใจว่ามีความพร้อมในการเลี้ยงหรือไม่ เราขอแนะนำว่าให้ปล่อยมันอยู่ตามธรรมชาติ น่าจะทำให้พวกมันมีความสุขมากกว่า

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

อึ่งอ่าง กับการป้องกันตัวที่แสนชาญฉลาดของมัน

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

อึ่งอ่าง กับการป้องกันตัวที่แสนชาญฉลาด

เราอาจเคยได้ยินนิทานเกี่ยวกับอึ่งอ่างที่พองตัวจนท้องแตกตายกันมาแล้วเกือบทุกคน แต่คุณรู้หรือไม่ว่านั่นคือวิถีการป้องกันตัววิธีหนึ่งของอึ่งอ่าง เราจะแนะนำให้คุณรู้จักอึ่งอ่างมากขึ้นใน อึ่งอ่าง กับการป้องกันตัวที่ชาญฉึ่ลาด

อึ่งอ่าง ชนิดและลักษณะทั่วไป

อึ่งอ่าง หรือ ที่บางคนเรียกสั้นๆ ว่า อึ่ง เป็นสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ที่พบได้มากในเขตทวีปเอเชีย อึ่งอ่างมีลักษณะเฉพาะตัวที่คล้ายกบ แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ซึ่งโดยทั่วไปอึ่งอ่างจะมีลำตัวเป็นเมือกลื่น และมีลักษณะลำตัวที่อ้วนกลมกว่ากบ อาหาร หรือ เหยื่อของเจ้าอึ่งอ่างได้แก่ แมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีพิษ มด ปลวก เป็นต้น พวกมันชอบใช้ชีวิตส่วนใหญ่ใต้ดิน พวกมันจะขุดดินลึกลงไปแล้วหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น และเมื่อฝนตกพวกมันจะพากันออกมาหาอาหารกินบนดิน ทำให้เราจะสามารถพบเห็นอึ่งอ่างได้ในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆ วัน

อึ่งอ่าง กับการป้องกันตัวที่แสนชาญฉลาด

เราสามารถพบอึ่งอ่างได้ถึง 436 ชนิด และ สามารถพบได้ 3 ชนิดในประเทศไทย ได้แก่

  1. อึ่งอ่างบ้าน หรือ อึ่งยางมีลำตัวเป็นสีน้ำตาลเข้ม แซมด้วยสีเหลืองที่ข้างลำตัว และบริเวณปากที่ส่วนหัว พวกมันมีขนาดโตเต็มที่อยู่ที่ประมาณ 7 เซนติเมตร มีลำตัวที่อ้วนกลม มีส่วนหัวกว้าง ผิวหนังเรียบลื่น แต่มีตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วลำตัว
  2. อึ่งอ่างปากขวด หรือ อึ่งเผ้า เป็นอึ่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาอึ่งที่สามารถหาพบในประเทศ อึ่งชนิดนี้ไม่ได้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากมีการจับอึ่งปากขวดไปบริโภคเป็นจำนวนมาก รวมถึงอึ่งปากขวดยังสามารถนำไปขายได้ราคาดีด้วย
  3. อึ่งอ่างก้นขีด มีลักษณะทั่วไปเหมือนอึ่งอ่างบ้าน แต่จะมีขีดสีเหลืองอยู่ที่บริเวณก้น มีขนาดเล็กกว่า และหาเจอได้ยากที่สุดในบรรดาอึ่งทั้ง 3 ชนิด
อึ่งอ่างที่มีวิธีการป้องกันตัวในแบบที่แตกต่างออกไป

การป้องกันตัวของอึ่งอ่าง

ไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนก็จะมีวิถีการป้องกันตัวที่แตกต่างกัน นั่นรวมไปถึงอึ่งอ่างที่มีวิธีการป้องกันตัวในแบบที่แตกต่างออกไป ซึ่งตัวการป้องกันของอึ่งอ่าง ก็คือ เมื่อพวกมันรู้สึกมีภัย พวกมันก็จะสูดลมหายใจเข้าท้องจนลำตัวพองอ้วนกลม คาดหวังที่จะใช้ขนาดที่ใหญ่ขึ้นของมันในการข่มขวัญศัตรู แต่หากมีศัตรูที่พยายามจะจับตัวมัน มันจะปล่อยเมือกลื่นๆ สีขาวออกมาเพื่อให้ศัตรูจับตัวมันได้ยากขึ้นด้วย

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าใครก็รักชีวิตของตน และพยายามสุดวิถีทางในการรักษาเอาตัวรอดเพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป รวมถึงอึ่งอ่าง ถึงแม้ว่าระบบนิเวศได้มีการจัดสรรผู้ล่า และผู้ถูกล่าให้ดำรงอยู่ในธรรมชาติไว้อย่างลงตัวแล้ว ดังนั้นมนุษย์ผู้อยู่บนยอดของพีระมิดห่วงโซ่อาหารก็ควรจะล่าแค่เพื่อการดำรงชีวิตอยู่เท่านั้นไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เรื่องราวที่น่าสนใจของ “กบ” ที่ไม่ได้แค่ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เรื่องราวที่น่าสนใจของ “กบ” ที่ไม่ได้แค่ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำแบบ “กบ” มีความคุ้นเคยกับวิถีชีวิตไทยไม่น้อย อาหารเมนูกบ ที่ถือว่าเป็นได้ทั้งอาหารสุดหรูตามภัตตาคาร หรือ อาหารรสแซบแบบบ้านๆ แต่คุณแน่หรือไม่ว่าของกบ มีประโยชน์แค่สามารถนำมาใช้เป็นอาหารจานเด็ดได้เท่านั้น เพราะเรากำลังจะบอกเล่าเรื่องราวของกบ ที่ไม่ได้เป็นเพียงอาหารที่ ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

เรื่องราวที่น่ารู้ของกบ

เรื่องราวที่น่าสนใจของ “กบ” ที่ไม่ได้แค่ร้องอ๊บๆ และกระโดดได้

กบเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่มีหาง และมีขาหลังที่ยาวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สำหรับการกระโดด มีลิ้นที่สามารถยืดตวัดได้ยาว รวมถึงมีปากที่กว้างมาก วัฏจักรชีวิตของกบแบ่งได้เป็น 4 ระยะหลักที่สามารถแบ่งได้อย่างชัดเจน คือ 1. ช่วงที่เป็นไข่ มีเมือกใสหุ้มและลอยเป็นแพอยู่บนผิวน้ำ 2. วัยลูกอ๊อด มีหัวโต หางยาว และหายใจทางเหงือก 3. วัยลูกกบ ที่จะมีหางเริ่มงอกออกมา พร้อมกับขาคู่หน้า และหางที่จะค่อยๆ หายไป หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ 4. ระยะโตเต็มวัย ที่เหงือกจะหายไป หายใจด้วยปอด ไม่มีหาง และขึ้นมาใช้ชีวิตบนบกอย่างเต็มที่

กบถูกแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ใหญ่ๆ คือ กบนา กบบลูฟร็อก และ กบพันธุ์พื้นเมือง ที่สำหรับคนเลี้ยงกบนับว่ากบทั้ง 3 สายพันธุ์นี้มีลักษณะและวิธีการเลี้ยง ระยะเวลาในการเลี้ยงที่แตกต่ากันพอสมควร ใครๆก็คงรู้แล้วว่าอาหารตามธรรมชาติของกบก็คือแมลง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแมลงที่เราหมายถึงนั้นรวมไปถึง ตัวต่อ ผึ้ง มด ไปจนถึงผีเสื้อ ปลาตัวเล็ก และหอยทาก พวกมันสามารถอาศับอยู่ได้ทุกที่ทั่วโลกตั้แต่ขั้วโลกเหนือไปจนถึงขั้นโลก ใต้ รวมถึงพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัดอย่างทวีปแอฟริกาๆ กบชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้น หรือตามหนองน้ำอื่นๆ ไปจนถึงแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์

ประโยชน์ของกบ

นอกจาก กบ จะใช้ประกอบอาหารได้แล้วพวกมันยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก

อย่างที่เราได้กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าประโยชน์ของกบ นอกจากจะเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมสำหรับการประกอบอาหารรสเลิศ แต่นอกจาก กบ จะใช้ประกอบอาหารได้แล้วพวกมันยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก เช่น กบนักล่าแมลง เนื่องจากโลกนี้มีแมลงจำนวนมาก ธรรมชาติจึงให้กำเนิดนักล่าแมลงอย่างกบเพื่อออกมารักษาสมดุลให้กับธรรมชาติ รวมถึงยังมีการใช้กบเพื่อการศึกษา และการวิจัยทางการแพทย์ ที่เคยถูกค้นพบว่าผิวหนังของกบมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อรา และฆ่าเชื้อไวรัสบางประเภทด้วย หรือหนังของกบก็ยังสามารถนำมาใช้ทำเครื่องดนตรี กระเป๋า และเครื่องหนังได้

กบ นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย และด้วยความที่กบเป็นสัตว์ที่เลี้ยงได้ง่าย ลงทุนไม่สูง ขายออกง่าย และสามารถสร้างกำไรให้กับผู้เลี้ยงกบเป็นอย่างดี ซึ่งน่าจะทำให้อาชีพเลี้ยงกบกลายเป็นอาชีพยอดนิยม และน่าสนใจอีกอาชีพหนึ่งได้ในอนาคตแน่นอน

Categories
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

คางคก สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ถึงจะมีพิษแต่ก็กินได้

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

คางคก สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ถึงจะมีพิษแต่ก็กินได้

เด็กในเมืองหลายคนอาจจะรู้สึกสับสนกับคางคก และกบ แต่สำหรับเด็กชาวไร่ ชาวสวน ที่โตมากับท้องทุ่ง ท้องนา อาจจะเคยชิน และแยกระหว่างกบกับคางคกได้ในทันทีที่เห็น แต่ไม่ต้องสับสนอีกต่อไป เพราะเรากำลังจะอธิบายถึงลักษณะคางคก พิษของคางคก และที่สำคัญคุณอาจจะไม่เชื่อว่าคางคกกินได้

ลักษณะคางคก

คางคกในประเทศไทยสามารถพบได้อย่างน้อยถึง 10 ชนิด

 

คางคกเป็นสัตวครึ่งบก ครึ่งน้ำ ที่มีลักษณะทั่วไปคล้ายกบ แต่สิ่งที่สามารถแยกคางคก ออกจากกบได้อย่างชัดเจนก็คือ คางคกจะมีผิวหนังที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ มีคางคกกว่า 500 ชนิดที่ถูกค้นพบแล้วในโลกนี้ ยกเว้นในาวีปออสเตรเลีย และแอนตาร์กติการ์ และสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทย

คางคกในประเทศไทยสามารถพบได้อย่างน้อยถึง 10 ชนิด พวกมันมีรูปร่างค่อนข้างป้อม ไม่ว่องไว มีต่อมพิษอยู่บริเวณหัวตรงหลังหู คางคกจะมีการจำศีลในช่วงฤดูแล้ง และจะออกมาทักทายโลกกันในช่วงฤดูฝน คางคกชอบกินแมลงเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ วงจรชีวิตของคางคกมีความคล้ายกับกบคือ ไข่ ลูกอ๊อด ลูกคางคง และคางคกตัวเต็มวัย พวกมันยังสามารถทนต่อสภาพอากาศ และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทำให้เราสามารถพบคางคกได้ในทุกแห่งของประเทศโดยเฉพาะตามป่า เขา หรือทุ่งหญ้า ไปจนถึงสถานที่รกทึบในเมืองบางแห่ง

คุณเชื่อหรือไม่ว่าถึงแม้พิษคางคกจะร้ายแรง แต่ก็มีบางคนที่บอกว่ามันกินได้

มีคนกลุ่มนึงที่นิยมบริโภคคางคก ไม่ว่าจะเป็นเมนูผัดเผ็ด ผัดกระเพรา แสนอร่อย

ยางคางคก หรือ พิษคางคก อาจได้ขึ้นชื่อว่า มีพิษที่อันตรายและอาจทำให้คุณถึงแก่ชีวิตได้ พิษคางคกประกอบด้วยสารเคมีหลายตัว ที่ส่งผลกับระบบการทำงานของหัวใจ และระบบประสาท พิษคางคกจะกระจายไปทั่วตัวของมัน ไม่ว่าจะเป็นที่ไข่คางคก ผิวหนัง อวัยวะภายใน ที่ไม่ว่าจะโดนตรงไหนก็สามารถทำอันตรายคุณได้ทุกที่ ที่สำคัญพิษของคางคกทนต่อความร้อน ดังนั้นการรับประทานคากคงที่ถึงแม้จะปรุงสุกแล้วก็สามารถทำอันตรายคุณได้เช่นกัน

คางคก สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ถึงจะมีพิษแต่ก็กินได้

แต่ยังมีคนบางส่วนที่นิยมรับประทานคางคกถึงแม้จะรู้ว่าพิษคางคกอันตรายแค่ไหน หากคุณรับประทานพิษคางคกเข้าไป พิษจะส่งผลให้คุณรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน มีอาการสับสน ง่วงซึม ประสาทหลอน ชัก หมดสติ หัวใจเต้นช้าลง และสามารถทำให้คุณเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จากภาวะหัวใจวาย แต่ถึงแม้พิษของคางคกจะร้ายแรงสักแค่ไหน ก็ยังมีคนกลุ่มนึงที่นิยมบริโภคคางคก ไม่ว่าจะเป็นเมนูผัดเผ็ด ผัดกระเพรา แสนอร่อย อีกทั้งคนบางกลุ่มยังเชื่อว่าการรับประทานคางคกจะสามารถช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ด้วย

ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคางคกจะสามารถรับประทานได้จริง แต่การนำคางคกมาปรุงอาหารจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญในการกำจัดผิดของคางคกเท่านั้น แต่หากคุณไม่มั่นใจพอ หรือไม่เคยทำมาก่อน เราขอแนะนำว่าไม่เสี่ยงรับประทานคางคกเด็ดขาด นั่นก็เพื่อจะรักษาชีวิตของตัวคุณเอง