Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลาซีลาแคนท์ ตำนานสิ่งมีชีวิตลึกลับดึกดำบรรพ์ ผู้ครองมหาสมุทรมานานกว่า 400 ปี

สิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์ที่อยู่บนโลกนี้มาอย่างยาวนาน “ปลาซีลาแคนท์” จริง ๆ แล้วปลาชนิดนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1938 ปลาซีลาแคนท์ได้ถูกค้นพบอีกครั้งในคอโมโรส เคนยา แทนซาเนีย โมซัมบิก มาดากัสการ์ และในกวาซูลู-นาทัลประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ Latimeria chalumnae การค้นเจอครั้งนี้เป็นความบังเอิญที่ปลาได้ติดอวนชาวประมง

ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นปลาสายพันธุ์ที่ทุกคนคิดว่าได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ต่อมาประวัติการค้นพบอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1999 ที่เกาะซูลาเซวี อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่สอง Latimeria menadoensis ที่พบตามธรรมชาติ ส่วนในประเทศไทยเองได้ค้นพบชิ้นส่วนของซากดึกดำบรรพ์ปลาซีลาแคนท์ โดยศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่บ้านคำพอก อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร อายุเกือบ 400 ปี

fossil fish1

ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับปลาซีลาแคนท์ ซากฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สามารถค้นพบในประเทศไทย

ปลาซีลาแคนท์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คนคิดว่าเป็นปลาที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงปลายยุคครีเทเชียสประมาณ 65 ล้านปีก่อน แต่ว่าได้มีการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่และพิสูจน์แล้วว่าเป็นปลาซีลาแคนท์จริง ดังนั้นจึงเป็นปลาโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ปลาชนิดนี้ไม่ได้หาเจอง่าย เพราะถึงแม้จะดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ แต่ก็มีปริมาณประชากรเหลือน้อยมาก จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสัตว์สูญพันธุ์ เพราะมีชีวิตอยู่เหลือเพียงแค่ 2 สปีชีส์เท่านั้น

ลักษณะโครงสร้างร่างกาย

จากการศึกษาพบว่าปลาชนิดนี้มีลักษณะเด่นที่ครีบ ซึ่งจะเป็นพูเนื้อขนาดใหญ่ 4 ครีบ และครีบที่หางจะแตกออกแยกกันเป็น 3 พู มีเกล็ดที่บาง มีอวัยวะคล้ายตะขออยู่ด้านหน้าของกะโหลกซึ่งเป็นอวัยวะพิเศษที่ใช้ในการตรวจจับหาเหยื่อ ซึ่งถ้าหากโตเต็มที่แล้วจะมีขนาดยาวถึง 1.8 เมตร น้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัมเลยทีเดียว

ถิ่นค้นพบปลาสายพันธุ์นี้

หลายคนพออ่านมาถึงตรงนี้ คงเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมว่าปลาซีลาแคนท์อยู่ไหน ปัจจุบันแหล่งที่อยู่มีเพียงแค่สองที่เท่านั้น ได้แก่ บริเวณชายฝั่งเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซีย และตามแนวชายฝั่งทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ซึ่งน่าสลดใจที่ว่าประชากรของมันเหลือเพียงแค่หลักร้อยตัวเท่านั้น 

ปัจจัยเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

ปลาซีลาแคนท์มีเหตุหลายปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงสูญพันธุ์เนื่องจากโตช้า อัตราการสืบพันธุ์ต่ำ สามารถมีลูกมีหลานได้น้อย จึงทำให้จำนวนประชากรลดน้อยลงทุก ๆ ปี ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์หายาก ที่ไม่ได้พบเจอกันง่าย ๆ 

อายุขัย

จากผลการศึกษาวิจัยล่าสุดของทางฝรั่งเศส ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology พบว่าปลาชนิดนี้มีอายุขัยนานนับร้อยปี และมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมว่าซีลาแคนท์เป็นปลาที่โตช้ามาก ๆ เพศเมียจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่อช่วงอายุประมาณเกือบ 60 ปี และเพศผู้เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช่วงประมาณอายุระหว่าง 40-69 ปี 

fossil fish2

ปลาซีลาแคนท์ หนึ่งในฟอสซิลที่ยังคงมีชีวิตอยู่

ปลาซีลาแคนท์ ถึงแม้จะมีฟอสซิลปลาเอาไว้อวดโฉมให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่าพวกมันเคยสวยงามและยิ่งใหญ่มากขนาดไหน แต่ปัจจุบันก็ยังเป็นปลาดึกดำบรรพ์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะเหลือน้อยเต็มทีอย่างน้อยก็ยังไม่สูญพันธุ์ พวกเราสามารถที่จะยังคงหาวิธีและแนวทางในการอนุรักษ์ปลาชนิดนี้เอาไว้ได้ ปลาซีลาแคนท์เป็นสัตว์น้ำที่เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ หากเทียบขนาดกับปลาส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร พวกมันดำรงเผ่าพันธุ์มานานกว่า 400 ปี สามารถเอาชีวิตรอดจากการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่คร่าชีวิตสัตว์ดึกดำบรรพ์อื่น ๆ ไปมากมาย ในประเทศไทยก็มีการค้นพบซากฟอสซิลกระดูกขากรรไกรของปลาซีลาแคนท์ที่บ้านคำพอก อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เป้นการค้นพบครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ animal2you.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : https://ufaball.bet/

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

กั้งตั๊กแตน สิ่งมีชีวิตสุดแกร่งที่แสนอร่อยใต้ท้องทะเลไทย

กั้งตั๊กแตน เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในทะเล โดยมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Mantis shrimps ชื่อวิทยาศาสตร์ Harpiosquilla harpax ซึ่งเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์เศรษฐกิจของไทย เนื่องจากบางสายพันธุ์สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารแสนอร่อยได้หลากหลายเมนู คนไทยชอบกินกันมาก ๆ เนื่องจากว่าเนื้อของกั้งตั๊กแตนมีรสชาติที่อร่อย เนื้อนุ่ม สามารถนำมาปรุงอาหารได้โดยที่ไม่เสียรสชาติ จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กั้งตั๊กแตนมีชื่อวิทยาศาสตร์หลายชื่อขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมัน โดยวันนี้อยากให้ทุกคนทำความรู้จักกับกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่มีความพิเศษกว่าชนิดอื่น ๆ สวยงามสะดุดตา และมีความลับอันน่าทึ้งที่น่าค้นหา เป็นสิ่งมีชีวิตสุดแกร่งในท้องทะเล

กั้งตั๊กแตนสายพันธุ์ 7 สี ที่สายตาดีที่สุดในโลก แถมยังรัวหมัดหนักดั่งกระสุนปืน

กั้งตั๊กแตนถ้าพูดถึงสายพันธ์ธรรมดากั้งตั๊กแตนทะเลทั่วไปที่เรามักนำมากินเป็นอาหาร อาจจะไม่น่าสนใจเสียสักเท่าไหร่ ดังนั้นวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋ว แต่หมัดหนักที่สุดในโลก มันสามารถออกหมัดได้รัว ๆ อย่างกับยิงปืน มาพร้อมกับระบบสายตาที่ดีที่สุดในโลก การมองเห็นชัดแจ๋วไม่ว่าจะในน้ำทะเลที่เค็มจัด พื้นดิน หรือบนฟ้า ไม่มีสัตว์ชนิดในบนโลกนี้จะตาดีเท่านี้แล้ว

Sea locust crayfish

ลักษณะโครงสร้างพิเศษ

กั้งตั๊กแตนสายพันธุ์เจ็ดสีนี้ เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และมันมีความพิเศษกว่ากั้งตัวอื่น ๆ นอกจากความสวยงามของสีสันบนลำตัวที่มีมากถึง 7 สีแล้ว ยังมีดวงตาที่กลมโตกลิ้งได้อย่างอิสระรอบทิศทาง มาพร้อมกับเซลล์รับแสงมากถึง 12 สี จึงทำให้สามารถมองเห็นทุกอย่าง ทุกสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่ากล้องวงจรปิด และที่น่าทึ่งก็คือดวงตาของมันสามารถมองเห็นแสงโพลาไรซ์ได้อีกด้วย 

สัตว์น้ำตัวจิ๋วที่มีหมัดหนักกว่าคน

นอกจากตาจะดีแล้วกั้งตั๊กแตนสายพันธุ์ 7 สีนี้ ยังมีสิ่งที่ทำให้เราชวนทึ้งได้อีก เพราะมันมีหมัดที่เร็วและแรงมาก โครงสร้างขาคู่หน้าที่คล้ายกับกำปั้นของมนุษย์ สามารถใช้จับเหยื่อ และใช้ในการโจมตีกระแทกเหยื่อได้อีกด้วย เชื่อไหมว่ากั้งตั๊กแตน 7 สีสามารถต่อยกระดองหอยแข็ง ๆ แตกได้สบายเพียงใช้เวลาไม่กี่วินาที นักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่า “แรงดีดของขาคู่หน้าของมันมีแรงมากกว่า 1000 เท่า เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวของมันเอง” พวกเขาเชื่อว่ามันสามารถทำให้กระจกตู้ปลาหนา ๆ แตกได้ง่าย เพียงแค่รัวไม่กี่มัด ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถดีดขาหนาได้รัว ๆ เร็วกว่ากระสุนปืนขนาด .22 มม. ดีดได้มากกว่า 50,000 ครั้ง โดยที่ขาหน้าไม่ได้รับการบาดเจ็บหรือกระทบเทือนใด ๆ เลย เรียกว่าเป็นสัตว์ตัวขนาดเล็ก แต่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ขนาดตัวเต็มวัย จะมีขนาดตัวยาวประมาณ 20 เซนติเมตร เท่านั้น

Sea locust crayfish2

ถิ่นที่อยู่อาศัย

กั้งสายพันธุ์นี้ไม่ชอบอาศัยอยู่ในน้ำลึก พบได้บริเวณความลึกไม่เกิน 20 เมตร ในแถบอินโต-แปซิฟิก บริเวณเกาะกวมไปจนถึงแอฟริกาตะวันออก ส่วนในประเทศไทยเองก็สามารถพบได้ในทางฝั่งอ่าวไทย และพบมากที่สุดในฝั่งทะเลอันดามัน

บทสรุป

กั้งตั๊กแตน อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าเป็นสัตว์ทะเลที่มีหลากหลายชนิด และสามารถพบได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่นิยมกินกัน แต่ไม่ได้หากินง่ายเท่ากับพวกกุ้ง กั้งตั๊กแตน ราคาจะค่อนข้างแรงมาก ซึ่งอาจจะราคาพุ่งสูงไปที่กิโลกรัมละ 1,200 บาท เลยทีเดียว ถึงแม้จะแพงแต่รับรองว่าคุ้ม เพราะเนื้อรสชาติดี ทำอาหารได้หลากหลายเมนู นอกจากสายพันธุ์ที่กินกันทั่วไปแล้ว ยังมีอีกสายพันธุ์หนึ่งที่สวยงาม

และมีความพิเศษมาก ๆ ก็คือกั้งตั๊กแตนสายพันธุ์ 7 สี เป็นสิ่งมีชีวิตที่ระบบตายอดเยี่ยมยอดมาก ทัศนียภาพกว้างขวาง และการมองเห็นชัดแจ๋วในทุกสิ่งแวดล้อม ทีเด็ดของมันคือมีขาคู่หน้า ที่เปรียบเสมือนกับกำปั้น ซึ่งแข็งแรงมาก ต่อยหนักรัว ๆ กระสุนปืนยังแพ้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนาดความยาวไม่ถึง 20 เซนติเมตร จะมีหมัดที่หนักทำให้กระดองหอย หรือกระจกตู้ปลาแตกได้สบาย ๆ เรียกได้ว่ากั้งตั๊กแตนสายพันธุ์เจ็ดสีนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ใต้ท้องทะเล ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน หาตัวเปรียบได้ยากมาก animal2you.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : https://sa-game.bet/

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

เรื่องเล่าของฉลาม สัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่มีความหลากหลายของรูปทรง 

เรื่องเล่าของฉลาม เมื่อเอ่ยถึงฉลาม คนทั่วไปมีภาพของฉลามในใจว่ามันเป็นสัตว์ทะเลที่ดุร้าย น่ากลัว แต่ในโลกของความจริงคนเราถูกสุนัขกัดบ่อยกว่าฉลามหลายหมื่นหลายแสนเท่า ส่วนเสือในป่านั้นก็ร้ายกว่าฉลามในทะเลราว ๒๐ เท่า สถิติคนที่ถูกฉลามกัดตายในแต่ละปีประมาณ ๒๕ คน ถึงแม้สถิติการถูกฉลามงาบในแต่ละประเทศจะไม่ปรากฏ แต่ในอเมริกาได้มีการสำรวจพบว่าในปี ๒๕๔๑ คนถูกฉลามโจมตี ๕๔ ครั้ง ในปี ๒๕๔๒ มี ๕๘ ครั้ง และปี ๒๕๔๓ มี ๗๙ ครั้ง

เรื่องเล่าของฉลาม

สาเหตุที่คนถูกฉลามรังแกมากขึ้นเพราะทะเลมีคนลงเล่นน้ำมากขึ้น เวลาคนไปว่ายน้ำในบริเวณที่มันอาศัยอยู่ และในขณะนั้นมันหิว มันก็อาจนึกผิดคิดว่าคนเป็นปลาน่ากิน แต่เมื่อฟันที่แหลมคมของมันกระทบเนื้อคนมันก็รู้ทันทีว่า นั่นไม่ใช่เหยื่อที่มันต้องการ มันจึงคายแล้วว่ายน้ำหนี ทิ้งคนให้มีบาดแผลเหวอะหวะเรียบร้อย แต่สำหรับฉลามที่ดุร้าย มันใช้วิธีว่ายน้ำเข้าชนเหยื่อและอ้าปากกัดแล้วกัดอีก มีผลให้เหยื่อเสียเลือดมากจนตาย

เรื่องเล่าของฉลาม  นับว่าเป็นปลากระดูกอ่อน ที่มีความหลากหลายสูงมาก และมีขนาดใหญ่อีกด้วย

เรื่องเล่าของฉลาม

ทั่วโลกมีฉลามมากกว่า 500 ชนิด แบ่งได้เป็น 8 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะทางกายภาพ ฉลามมีความหลากหลายของรูปทรง สีสัน และขนาด มีตั้งแต่ฉลามวาฬที่เป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวใหญ่ที่สุดมีรายงานว่ามีความยาวถึง 20 เมตร หนักถึง 42 ตันจากไต้หวัน แลถปลาฉลามหายากมากในกลุ่มปลาฉลามหลังหนาม ที่โตเต็มที่มีความยาวไม่ถึง 20 เซนติเมตร พบเฉพาะแถบอเมริกากลาง

เรื่องเล่าของฉลาม

ฉลามแต่ละชนิดยังมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป และพบได้ในทุกมหาสมุทรทั่วโลก แม้แต่ในแม่น้ำ ลำคลอง ปากแม่น้ำ ป่าชายเลน บางชนิดอาศัยเฉพาะในน้ำเย็น บางชนิดชอบอาศัยในน้ำอุ่น บางตัวเดินทางท่องไปทั่วโลก แต่บางตัวก็อาศัยอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ตัวเองเกิด

เรื่องเล่าของฉลาม

และในส่วนของลักษณะเฉพาะทางชีววิทยาของฉลามที่แตกต่างจากปลากลุ่มอื่นๆ ส่วนใหญ่ คือพวกมันโตช้า กว่าจะเจริญเติบโตจนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อาจต้องใช้หลายปี ฉลามหัวบาตรใช้เวลา 15-20 ปีกว่าจะพร้อมผสมพันธุ์ และออกลูกคราวละไม่กี่ตัว ฉลามหัวบาตรออกลูกคราวละ 6-8 ตัวเท่านั้นและใช้เวลาอุ้มท้อง 10-11 เดือน ยาวนานกว่าคนเสียอีก

เรื่องเล่าของฉลาม

เรื่องเล่าของ ฉลาม นับว่าเป็นสัตว์ทะเลที่มีขนาดใหญ่ และเป็นที่เลื่องลือกันว่ามีฟันแหลมคมเป็นอาวุธประจำตัว และฉลามแต่ละชนิดยังมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำเค็ม

เต่าทะเล วิวัฒนาการที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรได้ตลอดเวลา

เต่าทะเล ถือว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง ที่มีมนุษย์เคยค้นพบเมื่อสมัย 130 ล้านปีก่อน แถมยังเคยพบซากโบราณฟอสซิลก่อนหน้านั้นไม่น้อยกว่า 200,000,000 ปี โดยส่วนใหญ่นั้น จะพบในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่น รวมไปถึงทะเลทั่วโลก มีมากมายหลากหลายชนิดให้คุณสามารถพบเจอได้ แต่ในประเทศไทยนั้นพบเต่าทะเลเพียง 5 ชนิดเท่านั้น โดยมีเต่าบางชนิดที่ไม่เคยพบขึ้นวางไข่ในประเทศไทย เลยในตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงในการสูญพันธุ์นั่นเอง เต่าทะเลถือว่าเป็นสัตว์ที่ชอบเดินทางอยู่เป็นประจำ เพราะเต่าทะเลเป็นสัตว์น้ำอนุรักษ์ ชอบว่ายน้ำหาแหล่งกินแบบไกลบ้าน เพื่อจะผสมพันธุ์และเลือกแหล่งวางไข่แถวชายหาด เมื่อพวกมันวางไข่เสร็จสิ้นจะหายไปเลย รีบคลานลงหาดทรายในเวลาค่ำคืนไปในมหาสมุทรลึก เพื่อหนีศัตรูตามธรรมชาติ ถือว่าเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร เพราะลูกเต่าจากไข่จะมีโอกาสรอดเพียง 1 ใน 1,000 ตัวเท่านั้น

เต่าทะเล ลักษณะจำเพาะที่น่าสนใจ

เต่าทะเล

เต่าทะเลเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลได้ตลอดเวลา เป็นส่วนช่วยทำให้ระบบนิเวศของแนวปะการังนั้น อยู่ในความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้ และทำให้ปะการังมีสุขภาพที่ดี แถม เต่าทะเลสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ยังมีบทบาทสำคัญ ในการรักษาความเป็นสมดุลของห่วงโซ่อาหาร ภายในมหาสมุทรได้อีกด้วย ในปัจจุบันนับว่ามนุษย์ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน เนื่องจากจำนวนเต่าทะเลทั่วโลกนั้นได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก โดยเต่าทะเลนั้นเป็นระบบนิเวศให้แก่ตัวของมันเอง พวกมันจะหาแหล่งที่อยู่อาศัยให้แก่สัตว์อื่นๆ และเป็นตัวช่วยสร้างสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างสายพันธุ์ต่างๆได้อีกด้วย เช่น บน กระดองของเต่าทะเลบางชนิด จะมีแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์เลยทีเดียว มีลักษณะเหมือนกับสัตว์ร้ายเลื้อยคลานทั่วไป แต่อาจมีความแตกต่างหลายอย่าง ช่น 

เต่าทะเล
  • กระโดงของเต่าทะเล สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ จะเป็นเกร็ดปกคลุมร่างกาย เพราะจะทำให้มีวิวัฒนาการที่สามารถว่ายน้ำ และมีรูปทรงเป็นรูปวงรี รูปหัวใจด้วย
  • ขาและหัวของเต่าทะเลนั้น ไม่สามารถที่จะหดไปในกระดองของมันได้ 
  • เต่าทะเลบางตัว สามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรได้ระยะเวลากว่า 100 ไมล์ และว่ายน้ำได้เร็วถึง 35 กม.ต่อชั่วโมงกันเลยทีเดียว 
  • เต่าทะเล สัตว์น้ำอนุรักษ์ นั้นมีลำไส้ที่มีขนาดใหญ่มาก เพื่อช่วยในการย่อยอาหารได้ดี
  • มีจำนวนไขมันมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานจำพวกอื่น เพื่อจะทำให้พวกมันนั้น มีความอบอุ่นแก่ร่างกายอยู่เสมอ
เต่าทะเล

เต่าทะเลนับว่าเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน แต่พวกมนุษย์นั้นชอบจะจับทะเลมาโดยบังเอิญ และส่วนมากก็จะนำไปรับประทาน หรือนำกระดองไปทำเครื่องประดับ ซึ่งมีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ไปอย่างมาก และอย่างที่เรากล่าวไปว่าการวางไข่ของ เต่าทะเลรักษาความสมบูรณ์ของมหาสมุทร  แต่ละหนึ่งรอบ อาจจะมีความเสี่ยงในการรอดที่น้อยนิด ในตอนนี้หลากหลายประเทศจึงมีโครงการอนุรักษ์เพาะพันธุ์เต่าทะเล รวมไปถึงออกกฎหมายเพื่อปกป้องอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลาฉลาม สัตว์ที่ถือกำเนิดมาอย่างยาวนาน

ปลาฉลาม นับว่ามีอาวุโสสูงกว่าไดโนเสาร์ถึง 200 ล้านปี โดยฉลามตัวแรกของโลก ถือกำเนิดในทะเลตั้งแต่ 400 ล้านปีก่อน ปลาฉลาม ปลาที่ใหญ่ที่สุดในทะเล โดยเฉพาะในอดีตที่ฉลามมีลำตัวยาวถึง 40 เมตร แม้ว่าในปัจจุบันฉลามจะมีลำตัวยาวแค่ 0.15 ถึง 12 เมตรก็ตาม มันก็ยังเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในทะเล ไม่นับรวมกับปลาวาฬเพราะปลาวาฬจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 

ปลาฉลาม ผู้รักษาสมดุลแห่งท้องทะเล

ปลาฉลาม

ฉลามเป็นปลากระดูกอ่อนที่มีความหลากหลายสูง ซึ่งบนโลกใบนี้มีฉลามมากกว่า 500 ชนิด แบ่งได้เป็น 8 กลุ่มใหญ่ๆ เนื่องจาก ปลาฉลาม มีหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไปด้วย บางชนิดก็อาศัยอยู่ในเฉพาะน้ำเย็น และบางชนิดก็ชอบที่จะอาศัยในน้ำอุ่น ฉลามบางตัวอาจจะเดินทางท่องโลกแต่บางตัวก็มีนิสัยขี้ขลาดอยู่เฉพาะบริเวณที่ตัวเองเกิด ปลาฉลาม โตช้ากว่าปลากลุ่มอื่นๆ การเจริญเติบโตของฉลามต้องใช้เวลาหลายปี บางสายพันธุ์อาจใช้เวลาถึง 15 ถึง 20 ปี ความสำคัญของปลาฉลาม คือ น่านน้ำแห่งไหนที่มีปลาฉลามอาศัยอยู่ก็จะเป็นหลักประกันความสมดุลทางโครงสร้างของน่านน้ำแห่งนั้น เพราะ ปลาฉลาม เป็นนักล่าลำดับสูงสุด มีหน้าที่กำจัดพวกปลาที่มีความเชื่องช้าหรือป่วยใกล้ตาย ให้หมดไปจากน่านน้ำแห่งนั้น ช่วยรักษาและคัดสรรอื่นๆ ให้มีความแข็งแรง รวมทั้งยังช่วยรักษาสมดุลย์ประชากรในทะเลให้อยู่ในระดับพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจนเกิดความเสียหายให้กับน่านน้ำนั้นๆ

ปลาฉลาม

การมีฉลามอยู่ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลเป็นอย่างยิ่ง หากทะเลแห่งไหนไม่มีฉลาม สิ่งที่ตามมาก็คือห่วงโซ่อาหารในทะเลแห่งนั้นจะเกิดความพังพินาศ เพราะเมื่อผู้ล่าสูงสุดแห่งท้องทะเลสูญหายไปสิ่งที่ตามมาก็คือผู้ล่าระดับรองรองจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนทำให้เกิดการล่าปลากินพืชมากขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งนำไปสู่สภาวะปะการังเสื่อมโทรมและจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศโดยรวมครั้งใหญ่ในที่สุด ความสำคัญของฉลามต่อท้องทะเลนั้นเป็นความสำคัญที่มีความยิ่งใหญ่มหาศาล จนเกิดเป็นคำพูดว่า ฉลามมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลไม่ต่างอะไรกับการที่มีเสือดำรงชีวิตอยู่ในป่า ในปัจจุบันคนเราได้ประโยชน์จากฉลามมากมายนอกจากฉลามจะทำหน้าที่ดูแลระบบนิเวศทางทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว อวัยวะแทบทุกส่วนของฉลามก็ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เช่นกัน จึงทำให้หากฉลามเกิดการสูญพันธุ์ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ประหลาดใจสักเท่าไหร่

ฉลาม สัตว์ที่ปลอดมะเร็ง

ปลาฉลาม

ด้วยร่างกายอันกำยำ หน้าตาอันโหดร้าย และพลังทั้งหมดคือฉลามมี ก็คงจะทำให้หลายคนทราบดีว่า ฉลาม เป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง มากไปกว่านั้นการวิจัยได้เผยให้เห็นว่า ปลาฉลาม เป็นสัตว์ที่ปลอดมะเร็ง จากการสำรวจพบว่า ฉลามไม่เป็นมะเร็งเลย นักชีวเคมีได้สันนิษฐานและกล่าวไว้ว่า ต่อมในตัวฉลาม จะต้องมีฮอร์โมนพิเศษบางชนิดที่เมื่อขับออกมาแล้วทำให้ตัวฉลามปลอดมะเร็ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

พะยูน ที่มาของความอ้วนเทอะทะ น่ารัก

พะยูน ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่ง และสัตว์น้ำชนิดแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายแมวน้ำ ที่สามารถพบได้ในทะเลเขตอบอุ่นใน พื้นที่กว้างขวาง ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลของแอฟริกาตะวันออก ทะเลอันดามัน อ่าวไทย และโอเชียนเนีย โดยปกติแล้วพะยูนมักจะไม่ชอบอาศัยอยู่ในที่น้ำขุ่น และยังเชื่อกันอีกว่าพะยูนเคยอาศัยหากินอยู่บนบก และมีบรรพบุรุษที่ใกล้เคียงกับช้าง เมื่อราวหลายล้านปีมาแล้ว ได้มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ซึ่ง พะยูนได้ลงไปอยู่ในน้ำและไม่กลับขึ้นมาบนบกอีกเลย

พะยูน ความน่ารักของเจ้าสัตว์อ้วน

พะยูน

แนวโน้มเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ตัวอ้วนกลม ลำตัวใหญ่ และมีรูปร่างคล้ายกระสวย ตัวมีสีเทาอมชมพู บริเวณริมฝีปาก จะมีขนเหมือนหนวดของแมว มีขนาดดวงตาเล็ก แม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่มีสายตาไม่ค่อยดี แต่จะมีหูที่เป็นรูเล็กๆไม่มีใบหู ที่มีสัมผัสไวต่อการได้ยิน เหล่าพะยูนจึงจำเป็นต้องใช้เสียงเพื่อการสื่อสาร และมีลักษณะอื่น ดังนี้

  • พะยูนมีรูจมูกที่มีลิ้นเปิดปิด ครีบทั้งสองจะดัดแปลงมาจากขาคู่หน้าทั้งสองข้าง ไว้พะยูงตัว และขุดหาอาหาร 
  • ตัวผู้บางตัวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีฟันหน้าสองซี่เพื่อขุดอาหาร และแย่งชิงคู่ กับอีกฝ่าย ส่วนในตัวเมียจะมีนมสองเต้าขนาดเท่านิ้วก้อย ไว้สำหรับเลี้ยงลูกอ่อน
  • ใช้ปอดในการหายใจ จึงต้องหายใจบริเวณผิวน้ำ 1-2 นาที แล้วจึงดำกลับลงไปในใต้ทะเลอีกครั้ง 
  • เมื่อต้องการพักผ่อน พะยูนจะดิ่งตัวลงเป็นแนวตรงเพื่อทำการนอนพักผ่อน โดยสามารถหายใจอยุ่บนพื้นทะเลได้ถึง 20 นาทีแล้วกลับไปยังใต้น้ำทะเลอีกครั้ง 
  • ปกติแล้วพะยูน จะมีอายุยืนยาวมากราว 70-90 ปี เมื่ออายุ 9-10ปี ก็สามารถสืบพันธุ์ได้ 
  • ระยะเวลาตั้งครรภ์ของพะยูนเพศเมีย ใช้เวลา 9-14 เดือน จะมีลูกได้หนึ่งตัว ไม่เกินสองตัว ลูกพะยูนจะมีน้ำหนักตัวแรกเกิดประมาณ 15 – 20กิโลกรัม พะยูนเป็นสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม และจะเลี้ยงด้วยหญ้าอ่อนทะเล ประมาณ 2-3สัปดาห์ จะหย่านมเมื่ออายุประมาณ 8 เดือน โดยแม่พะยูน จะเลี้ยงลูกไปจนโตเต็มที่และมีขนาด 2เมตร ถึง3 เมตร มีน้ำหนักอยุ่ที 300 กกิโลกกิโลกรัมโดยประมาณ
พะยูน

จากการสำรวจพบว่าพะยูนกินหญ้าทะเลเป็นอาหาร และสาหร่ายทะเลอีกเล็กน้อย จะไม่เลือกหรือเจาะจงว่าเป็นหญ้าชนิดไหน ซึ่งพฤติกรรมของพะยูน จะเริ่มหากินหญ้าทะเลในช่วงน้ำขึ้น จะใช้เวลาในการหากินประมาณ 2 -3 ชั่วโมง และสลับกับการขึ้นมาหาใจบนผิวน้ำ 1-2 นาที แล้วจึงดำกลับไปกินหญ้าใต้ทะเลอีกครั้ง ซึ่งบางตัวจะหากินหญ้าบริเวณใกล้เคียงที่เดิมๆ ในขณะที่บางตัว จะว่ายน้ำเพื่อเปลี่ยนสถานที่กินหญ้าไปไกลประมาณ 1-5 เมตร ซึ่งหญ้าทะเลเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญต่อพะยูนเป็นอย่างมากแต่บางพื้นที่ ก็ประโยชน์กับชาวประมงในพื้นที่เช่นเดียวกัน ในขนาดที่น้ำลงมาก จะพบว่าพะยูนจะเปลี่ยนไปอาศัยอยู่ในร่องน้ำที่ห่างจากชายฝั่งทะเล ประมาณ 4-5 กิโลเมตร เพื่อย้ายที่พักอาศัย และแหล่งอาหาร พะยูนอาจออกมาหากินในช่วงกลางวันและกลางคืน ส่วนมากจะออกมาหาอาหาร ในช่วงน้ำขึ้นของตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากคน และสิ่งแวดล้อม พะยูนเป็นสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งไม่มีอวัยวะที่เป็นอาวุธไว้ป้องกันตัวใดๆ มีเพียงร่างกายที่มีขนาดลำตัวใหญ่ หนังหนา เพื่อป้องกันอันตรายจากการกัด หรือโดนทำร้ายจากสัตว์อื่นๆ เช่น ฉลาม เท่านั้น

พะยูน

จากการศึกษาข้อมูลยังพบว่า การเพิ่มประชากรของพะยูนนั้นยังมีปริมาณน้อยกว่าการตาย ร้อยละ 5 ต่อปีนั้นหมายความว่า มีแนวโน้มเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์  อีกหนึ่งชนิด ในประเทศไทยพบยังสามารถพบได้ทั้งอ่าวไทย และทะเลฝั่งอันดามัน โดยพบกลุ่มใหญ่ที่สุด ในบริเวณทะเลจังหวัดตรัง รวมประชากรพะยูน ในประเทศไทยเหลือไม่มากนัก เนื่องจากสภาพอากาศและแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ และการล่าของมนุษย์ ทำให้การผสมพันธุ์ของพะยูนลดน้อย และการตายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://ufaball.bet เว็บแทงบอลอันดับ1

Categories
ความรู้ สัตว์จืด สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

สัตว์น้ำ น่ารู้ สิ่งมีชีวิตที่สำคัญอย่างหนึ่งของโลก

สัตว์น้ำเค็ม

สัตว์น้ำ น่ารู้

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าบนโลกใบนี้มีพื้นน้ำมากกว่าพื้นดิน แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสัตว์น้ำทุกตัวนั้นไม่ได้อยู่แค่ในทะเล เนื่องจากยังอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดรวมไปถึงหนองน้ำอื่นๆอีกด้วย และ สัตว์น้ำ หนึ่งในประเภทของสัตว์โลก  ก็ไม่ได้มีแค่สิ่งมีชีวิตที่เป็นจำพวกปลา เนื่องจากยังมีสาหร่าย ฟองน้ำและสิ่งมีชีวิตอื่นๆมากมายที่ถูกจัดอยู่ในจำแนกของ สัตว์น้ำ น่ารู้ 

สัตว์น้ำ น่ารู้ การปรับตัวต่อวิกฤติของโลก จากอยู่บนบก สู่การอพยพลงน้ำ

หลายท่านคงจะได้ยินถึงวิกฤติและสถานการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นั่นก็คือการที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ โดยสถานการณ์ครั้งนั้นมีผลกระทบรุนแรงต่อสัตว์และสิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลายประเภท รวมไปถึงสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์บก โดย สัตว์น้ำ น่ารู้ นั้นถือว่าเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลานและเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังมาก่อน พยามปรับตัวและเปลี่ยนแปลงวิธีการดำรงชีวิตเพื่อให้อยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมในขณะนั้น จึงกลายมาเป็น สัตว์น้ำ วิวัฒนาการสูง มาหลาย 1,000,000 ปี แน่นอนว่ากว่าจะมาเป็นสัตว์น้ำทุกวันนี้ก็ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายรูปแบบมากมาย เพราะสภาพแวดล้อมของบนบกและในน้ำนั้นมีความแตกต่างกันไปทำให้สัตว์เรานั้นจำเป็นจะต้องเปลี่ยนสรีระร่างกายรวมไปถึงการหากินด้วย เมื่อก่อนอาจจะมีขา จนตอนนี้ขาได้หายไปกลายเป็นคลีบและหางแทน สัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิตในธารา ที่มีมากมายหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการดำรงค์ชีวิต รวมไปถึงแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น

สัตว์น้ำเค็ม
  • สัตว์น้ำ หนึ่งในประเภทของสัตว์โลก ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หนอง ห้วย ที่มีความเข้มข้นของปริมาณน้ำต่ำกว่า 0.05 ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแหล่งน้ำนี้นั้นจะมีเกล็ดปกคลุมอยู่ทั่วตัว ซึ่งจะไม่ยอมให้น้ำซึมผ่านนอกจากบริเวณที่เป็นเหงือก จะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซหายใจเท่านั้นที่น้ำผ่านได้ โดยธรรมชาติปลาน้ำจืดจะไม่ค่อยดื่มน้ำเลย แตกต่างจากปลาทะเลในแหล่งน้ำเค็ม เพราะปลาน้ำจืดจะไม่ทำให้ร่างกายมีน้ำมากเกินความจำเป็น
สัตว์น้ำจืด
  • สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำเค็ม โดยจะมีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากปลาแหล่งน้ำจืดมากนัก แต่จะมีความปรับปรุงตัวได้ดีกว่า และที่สำคัญปลาส่วนใหญ่ที่อยู่ในแหล่งน้ำเค็มเช่น มหาสมุทร ทะเล จะมีมวลกระดูกที่หนาแน่นกว่า ลอยตัวได้ดีกว่านั่นเอง

ซึ่งโลกของเรานั้นได้รับประโยชน์มากมายของการมี สัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิตในธารา ทั้งในเรื่องของการดำรงชีพและที่สำคัญเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศต่างๆให้อยู่ในสภาวะสมดุลย์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่มี สัตว์น้ำ น่ารู้ อาจจะทำให้ธรรมชาตินั้นเกิดความผิดปกติได้ เนื่องจากทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกันเพราะสัตว์น้ำบางชนิดช่วยทำหน้าที่ที่ส่งผลดีต่อแหล่งน้ำที่ตนเองได้เป็นอาศัยอยู่มากมาย

 

 

 

 

GCLUB จีคลับ เว็บไซต์พนันออนไลน์ บริการคาสิโนออนไลน์ 24 ชั่วโมง ด้วยระบบที่เป็นมาตรฐานระดับสากลออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และรวดเร็ว ไว้คอยให้บริการท่าน

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลาแมนดาริน จอมหวงถิ่นและวิธีจีบสาวเท่ห์ๆในสไตล์แมนดาริน

สัตว์น้ำเค็ม

              ปลาแมนดาริน ( Mandarinfish ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Synchiropus splendiddus เป็นปลาน้ำจืดที่จัดอยู่ในวงศ์ Callionynidae มีหน้าตาคล้ายปลาบู่แต่ไม่ได้อยู่วงเดียวกันกับปลาบู่ สามารถพบปลาแมนดารินในทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ โดยมักจะเป็นการอาศัยอยู่ตามบริเวณแนวปะการังที่มีกระแสน้ำไม่แรงมากนักและมักจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามโขดหิน

              ปลาแมนดารินเป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีความยาวได้ไม่เกิน 80 เซนติเมตร โดยเป็นปลาที่มีสีสันฉูดฉาดมีสีตัดกันสลับไปมาดูสดใส มีผิวเรียบและลื่น ยิ่งในช่วงที่มีการผสมพันธุ์หรือมีการต่อสู้กันปลาแมนดารินตัวผู้จะแสดงสีสันที่ชัดเจนมากกว่าช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตเพศของปลาแมนดารินได้โดยให้สังเกตที่บริเวณครีบหลัง ซึ่งตัวผู้จะมีครีบหลังที่ยาวยื่นออกมาให้เห็นได้ชัดเจน ส่วนตัวเมียจะไม่มีครีบหลัง

การหาอาหารและวิธีการเอาตัวรอดตามสไตล์ของปลาแมนดาริน

              อาหารของปลาน้ำจืดชนิดนี้จะเป็นจำพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก โดยมันจะใช้ครีมบริเวณท้องซึ่งเป็นครีบที่มีขนาดใหญ่ช่วยพยุงตัวคลานไปตามพื้นทะเลเพื่อหาอาหาร และมีครีบบริเวณหางช่วยในการบังคับทิศทาง เมื่อมันต้องเผชิญอันตรายมันจะปล่อยเมือกพิษออกมาเพื่อป้องกันตัวจากศัตรูหรือจากปลาที่มีขนาดใหญ่กว่า 

              ปลาแมนดารินมักจะแสดงนิสัยก้าวร้าวออกมาโดยเฉพาะเวลาที่ต้องการรักษาอาณาเขตของตนจากปลาชนิดเดียวกัน โดยมันจะกางครีบออกมาให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้และพยายามขับสีผิวให้มีสีเข้มที่สุดเพื่อที่จะทำการข่มขู่ฝ่ายตรงกันข้าม แต่หากมีการต่อสู้เกิดขึ้นมันจะปล่อยเมือกพิษออกมาทำลายคู่ต่อสู้ในทันที 

วิธีการจีบสาวและการผสมพันธุ์ของปลาแมนดาริน

              จัดว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีวิธีการจีบสาวที่สุดแสนจะอ่อนหวานมากเลยทีเดียว ช่างแตกต่างกับพฤติกรรมเวลาที่ต้องปกป้องอาณาเขตโดยสิ้นเชิง โดยเจ้าปลาแมนดารินตัวผู้จะพยายามทำตัวให้มีสีสันสวยงามขึ้นมากกว่าในช่วงเวลาปกติอย่างเห็นได้ชัด และจะจีบโดยใช้วิธีว่ายน้ำเกี้ยวสาวไปรอบๆเพื่อให้สาวๆได้ชื่นชมความงดงามของตนเหมือนกับจะพยายามทำตัวให้สาวๆหลงเสน่ห์ยังไงอย่างงั้น เมื่อตัวเมียมีใจจะปล่อยไข่ออกมาและไข่จะลอยไปตามกระแสน้ำตัวผู้จึงจะทำการปล่อยน้ำเชื้อเข้าไปผสม

              หลังจากนั้นจะใช้เวลาเพียง 14 ชั่วโมงเท่านั้นในการฟักไข่โดยปริมาณอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 28 องศา โดยเมื่อลูกปลาถึงเวลาที่จะต้องออกมาสู่โลกภายนอก มันจะใช้หัวดันเปลือกไข่ออกมาทีละนิดๆ จนสามารถหลุดออกมาได้ในที่สุด

 

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปูแมงมุมญี่ปุ่น ปูที่มีขายาวที่สุดในโลก

สัตว์น้ำเค็ม

        เมื่อนึกถึงปูหลายๆคนอาจจะนึกถึงเมนูอาหารที่แสนอร่อยและอาจจะเป็นของโปรดของใครหลายๆคนด้วยนะคะ   ปูเป็นสัตว์น้ำที่มีลักษณะทางกายภาพคือ  มีกระดองหุ้มตัว  ไม่มีกระดูกสันหลัง  มี 10 ขา  มีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ ทั่วโลก  ในแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีขนาดแตกต่างกันออกไปและมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของสายพันธุ์   วันนี้เราจะพามาดูสายพันธุ์ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น  “ สายพันธุ์ที่มีขายาวมากที่สุดในโลก ” จะยาวขนาดไหนไปดูกันเลยค่ะ

มารู้จักกับปูแมงมุมญี่ปุ่น  สัตว์ที่มีขายาวที่สุดในจำพวกสัตว์ขาปล้อง

         ปูแมงมุมญี่ปุ่น ( Japanese spider crab ) ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ทาคาชิกามิ   จัดอยู่ในสกุล Macrocheira  เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยราวๆ 20 กิโลกรัม  มีขนาดลำตัวกว้างประมาณ 30-40 เมตรและยาวประมาณ 20 ซ.ม.  ส่วนขามีความยาวมากถึง 5.5 เมตร จึงถือว่าเป็นสัตว์ที่มีขายาวมากที่สุดในจำพวกสัตว์ที่มีขาปล้อง   ลำตัวมีสีส้มแต้มด้วยจุดสีขาวเป็นลายตามตัว  โดยตัวเมียจะมีส่วนขาและส่วนก้ามที่สั้นกว่าตัวผู้   มันเป็นสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยนแม้จะมีลักษณะดุร้ายก็ตาม 

แหล่งที่อยู่อาศัยที่สามารถพบได้บ่อยๆและการเอาตัวรอด

          มักจะพบปูแมงมุมญี่ปุ่นได้ในน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่น  บริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาะฮนชูและอ่าวโตเกียวยาวลงมาจังหวัด คาโกชิมะ และจบที่ประเทศไต้หวัน   โดยสามารถพบได้ในน้ำที่มีอุณหภูมิ 10-13 องศา  ที่ความลึก50-600 เมตร   เจ้าปูขายาวนี้มีปุ่มหนามและกระดองที่แข็งแรงเพื่อให้มันสามารถป้องกันตัวเองจากอันตรายได้   มันมักจะอำพรางตัวโดยการซ่อนตัวภายใต้ฟองน้ำ  สัตว์อื่นๆที่อยู่รอบๆตัว  รวมถึงทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆตัว   ซึ่งการที่เปลือกของมันขรุขระไม่เรียบเนียนก็ทำให้มันได้เปรียบในการพรางตัวโดยเฉพาะการพรางตัวอยู่ตามโขดหินใต้น้ำ   มันมักจะออกหากินในเวลากลางคืนโดยการซุ่มดักจับสัตว์ตัวเล็กๆมาเป็นอาหาร  ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังคงถูกมนุษย์ล่าเพื่อนำมาเป็นอาหารในเมนูจานพิเศษอยู่ดี   นั่นก็เพราะว่ามันมีรสชาติที่อร่อย  เนื้อแน่น  มีรสหวาน  จึงทำให้มีการล่ามันมาเพื่อจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายในราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวและไม่แน่ว่าในอนาคตหากยังมีการนิยมล่าอยู่แบบนี้อาจทำให้มันสูญพันธุ์ก็ได้

 

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลานกแก้ว ปลาทะเลสีสวยและวิธีการกางมุ้งนอนที่ไม่เหมือนใคร

สัตว์น้ำเค็ม

ปลานกแก้ว

ปลานกแก้ว ปลาทะเลสีสวยและวิธีการกางมุ้งนอนที่ไม่เหมือนใคร

 

ปลานกแก้ว ( Parrotfishes ) เป็นปลาทะเลที่มีสีสันสดใสและมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ ด้วย  ลักษณะลำตัวแบนเรียว เกล็ดเรียงสวยหลากหลายสีสัน สามารถมองเห็นได้ชัดในระยะไกล เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดราวๆ 30-40 เซนติเมตร จัดว่าเป็นปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ในบรรดาปลาทะเลที่มีสีสันสวยงามด้วยกัน  มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ จะมีฟันเรียงติดกันเป็นแผงยื่นออกมาข้างนอกทั้งบนและล่าง  โดยจะเรียงซ้อนกันสองแถวทั้งบนและล่าง ทำให้ปากมีลักษณะเป็นจะงอยยื่นออกมาเหมือนปากนกแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “ปลานกแก้ว ”  

นอกจากนี้ยังมีลักษณะอื่นๆที่คล้ายนกอีก เช่น การมีสีสันที่หลากหลายและเด่นชัด สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล  และมีลักษณะการว่ายน้ำที่คล้ายๆกับลักษณะการกางปีกบิน คือจะมีการกางคลีบที่อยู่ข้างลำตัวและหุบเข้า-ออก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว ดูแล้วก็เป็นความงดงามที่คล้ายนกกางปีกบินนั่นเอง

ปลานกแก้ว-1

วิถีการใช้ชีวิตของปลานกแก้ว

ปลานกแก้วมักอาศัยอยู่ตามท้องทะเลที่มีสภาพแวดล้อมและแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำใสสะอาด เจ้าปลาทะเลชนิดนี้หากินโดยการใช้ฟันที่แหลมและแข็งแรงแทะกินสาหร่ายที่งอกอยู่ตามแนวปะการังต่างๆ  รวมถึงใช้ฟันขูดกินผิวปะการังขนาดเล็ก  โดยมีระบบกระเพาะอาหารที่สามารถคัดแยกสาหร่ายและฝุ่นผงออกจากกันได้ จากนั้นจึงขับถ่ายออกมา มีการวิจัยพบว่าปลานกแก้วที่มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม สามารถผลิตฝุ่นทรายได้มากถึง 1 ตัน เลยทีเดียว ปลาชนิดนี้จึงมีความสำคัญต่อระบบนิเวศของท้องทะเลอีกชนิดหนึ่ง 

ในส่วนของการผสมพันธุ์จะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่จะมีช่วงที่สูงที่สุดคือ ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม เมื่อมีอายุระหว่าง 2-4 ปี โดยเมื่อปฏิสนธิแล้วพวกมันจะจับคู่กันและตัวเมียจะปล่อยไข่ให้จมลงในน้ำ  จากนั้นจะฟักตัวภายใน 25 ชั่วโมงและจะเริ่มออกหาอาหารได้ใน 3 วันให้หลัง  สังเกตว่าเจ้าปลาทะเลชนิดนี้มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมากๆ และต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองตั้งแต่เกิด  เมื่อยังเล็กมันจะกินพวกพืชและสัตว์ตัวเล็กๆ เข้มแข็งจริงๆนะ..   

ปลานกแก้ว

วิธีการนอนของปลานกแก้ว  “ นอนยังไงให้ไร้การรบกวน ”

เมื่อออกหากินมาตลอดทั้งวันแล้ว  ตกกลางคืนเจ้าปลานกแก้วก็จะนอนพักผ่อนเอาแรงบ้าง  ซึ่งปลาทะเลชนิดนี้มีวิธีการนอนที่น่าทึ่งมากๆ โดยมันจะมองหาทำเลที่นอนตามซอกหินหรือซอกปะการังที่เหมาะสม  จากนั้นมันจะเข้าไปจับจองหาที่นอนและกางมุ้งนอนค่ะ  ใช่ค่ะ..มันกางมุ้งนอนเพื่อป้องกันอันตรายและการรบกวนจากปรสิตต่างๆ โดยมันจะปล่อยเมือกเหนียวๆออกมาคลุมตัวเองเอาไว้ หากมีศัตรูจะเข้ามาทำร้ายมันจะรู้สึกตัวได้ในทันทีและเผ่นหนีเอาตัวรอดได้ทันทีเลยล่ะค่ะ เป็นการใช้ชีวิตที่รอบคอบจริงๆนะเนี่ย!