Categories
สัตว์ปีก

นกเพนกวิน สัตว์ปีกที่บินไม่ได้แต่ว่ายน้ำเก่ง

สัตว์ปีก

นกเพนกวินเป็นสัตว์ปีกที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกรับเป็นสัตว์ปีกอีกชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถบินได้เหมือนกับสัตว์ปีกชนิดอื่น เป็นคำถามกันอย่างมากมายว่านกเพนกวินนั้นจะมีปีกไว้เพื่อสิ่งใดเมื่อไม่สามารถบินได้แบบนกชนิดหรือ หลายคนที่เคยดูสารคดีก็คงจะรู้คำตอบกันดีอยู่แล้วว่านกเพนกวินมีปีกไว้เพื่ออะไร เราสามารถลองดูในสารคดีเปรียบเทียบในความเป็นจริงได้ว่าปีกของนกเพนกวินนั้น เขาสร้างมาเพื่อการว่ายน้ำ การ Control ตัวเองอยู่ในน้ำให้สามารถที่จะหาอาหารกินได้อย่างรวดเร็ว เพราะอาหารประจำของเพนกวินนั้นคือปลาจากท้องทะเล

นกเพนกวินกินอย่างอื่นนอกจากปลาหรือไม่

นกเพนกวินเป็นนกที่อาศัยอยู่ในเมืองหนาวและอยู่บนน้ำแข็ง เขาอาศัยอยู่บนพื้นท้องทะเลอาหารการกินหลักของเขานั่นก็คือปลาตัวเล็กที่เขาสามารถหาได้ ในปัจจุบันมีการรณรงค์เรื่องนี้เป็นอย่างมากด้วยมีการหาปลาอย่างต่อเนื่องทำให้แหล่งอาหารของนกเพนกวินนั้นเกิดปัญหานกเพนกวินจำเป็นที่จะต้อง หาแหล่งอาหารกันใหม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาในเรื่องของอาหารที่ไม่เพียงพอสำหรับนก และเพนกวินก็ไม่สามารถที่จะกินอาหารชนิดอื่นได้นอกจากป่า ตอนนี้โลกกำลังตื่นตัวในเรื่องนี้เป็นอย่างมากมีการจำกัดวงการหาปลาการหาสัตว์ทะเลกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อแบ่งพื้นที่ในการหากินระหว่างคนกับเพนกวินอย่างชัดเจนเพราะถ้าไม่เช่นกันไม่นานนักนกเพนกวินก็จะลดจำนวนถึงขั้นอาจสูญพันธ์ได้

นกเพนกวินนั้นเป็นสัตว์สังคม

นกเพนกวินจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ครั้งละเป็นพันตัวหรือเป็นหมื่นตัว สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดก็คือเวลาที่เจอลมหนาวพัดมาจะมีการเกาะกลุ่มกันเป็นก้อนอยู่กันเป็นกลุ่มหนาแน่น แล้วจะมีการสลับปรับเปลี่ยนตัวเองตัวที่อยู่ด้านในเมื่อได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่จะสลับออกมาอยู่ด้านนอกให้ตัวด้านนอกนั้นเข้าไปรับข้อมูลด้านในแทน จะสลับปรับเปลี่ยนกันแบบนี้อยู่ตลอดเวลาจนกว่าลมหนาวนั้นจะพัดผ่านไป ถือว่าเป็นสัตว์สังคมที่น่ารักและไม่เอาเปรียบกันเลย

นกเพนกวินเป็นสัตว์ที่ออกลูกตัวเดียว

นกเพนกวินเป็นสัตว์ที่ออกลูกได้ครั้งละ 1 ตัว เวลาที่นกเพนกวินออกลูกนั้นตัวผู้จะเป็นคนดูแลทั้งหมด ตัวเมียจะมีหน้าที่ดูแลลูกเวลาที่พัดหลงกันในกลุ่ม สัญญาณที่ใช้เรียกกันระหว่างลูกและแม่จะเป็นสัญญาณที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างมากและจะรู้กันดีว่าสัญญาณนี้เป็นของลูกและเป็นของแม่รู้กันเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น ไม่ว่าจะพัดหลงหากันไม่เจออย่างไรส่งเสียงเรียกกันเพียงไม่กี่ครั้งก็จะได้เจอกันแล้ว นี่ก็ความมหัศจรรย์ที่โลกได้สร้างสรรค์มาอย่างแท้จริง

Categories
สัตว์ปีก

นกฟลามิงโก้สัญลักษณ์แห่งความรักของใครหลายคน

สัตว์ปีก

หลายคนมักจะมีคำถามแม้กระทั่งเด็กๆก็ยังสงสัยกันมาตลอดว่านกฟลามิงโก้นั้นทำไมขาถึงได้ยาวขนาดนั้น ดูไปแล้วค่อนข้างจะกลิ้งก้างไม่เป็นอิสระเหมือนกับนกชนิดอื่น ถ้าเราเปรียบนกฟามิงโก้กับนกชนิดอื่นที่มีขนาดตัวใกล้กันเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านกฟามิงโก้นั้น มีความยาวของขาพี่ดูไปแล้วเทียบกับตัวของนกเองยาวกว่าตัวนกเสียด้วยซ้ำ และอีกประเด็นที่สำคัญสำหรับคนที่เจอนกฟลามิงโก้พี่ชอบเธอยืนอยู่กลางน้ำ หลายคนสงสัยว่านกตัวนี้มีเพียงแค่ขาเดียวเองหรือเพราะเวลาที่เขาอยู่บนน้ำหรือยืนบนผิวน้ำเขาจะใช้เพียงขาเดียวเท่านั้นสำหรับในการยืน

สาเหตุที่นกฟลามิงโก้ขานกยาว

เพราะมาพูดถึงเรื่องนกฟลามิงโก้ว่าทำไมถึงขายาว ก็พอจะได้คำตอบกันตรงที่ว่านกฟลามิงโก้เป็นนกที่หากินบนผิวน้ำและจะใช้การยืนบนน้ำเพื่อการรอดักสัตว์ตัวเล็ก ไม่ว่าจะเป็นลูกกุ้งหรือลูกปลาเมื่อใดว่างๆผ่านไปมานกฟลามิงโก้ก็จะจัดกินได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้เวลาที่อยู่ในน้ำนั้นนกฟลามิงโก้จะทำให้เหมือนกับตัวเองนั้นเป็นเพียงแค่กิ่งไม้ ด้วยการยืนเพียงขาเดียวให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เมื่อทุกอย่างถูกจัดฉากให้สมบูรณ์แบบสัตว์น้ำทุกชนิดก็จะไม่กังวลและไม่สงสัยว่ายวนเวียนไปมาตามรอบตัวนกฟลามิงโก้ และนั่นก็กลายเป็นอาหารของเจ้านกไปในทันที

นกฟลามิงโก้สัญลักษณ์แห่งความรัก

หลายคนมักจะเปรียบถึงนกฟลามิงโก้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก เนื่องด้วยสีของตัวนกนั้นเองมีสีชมพูที่ดูหวานแหววสดใส และมักจะจับคู่กันอยู่เป็นประจำบางครั้งบางทีการที่นกใช้หัวชนกันจัดรูปทรงโดยบังเอิญก็ทำให้เหมือนกับเป็นรูปหัวใจ เมื่อคู่รักไม่เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่านกฟลามิงโก้นั้นคือตัวแทนแห่งความรักอย่างแท้จริง ทำให้คนที่ได้มาดูนกฟลามิงโก้ก็จะมีรอยยิ้มกลับไปมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นนกทำเป็นรูปหัวใจให้เราดู

นกฟลามิงโก้ไม่ใช่นกประจำประเทศไทย

หลายคนอาจจะเคยเที่ยวสวนสัตว์ แล้วเห็นนกฟลามิงโก้อยู่เป็นประจำแต่ต้องบอกก่อนเลยว่านกฟลามิงโก้นั้นไม่ใช่นกประจำแห่งประเทศไทยแต่เป็นนกที่นำเข้าจากต่างประเทศ สามารถอาศัยได้หลากหลายตามพื้นที่ต่างๆนกชนิดนี้ถือว่าเป็นนกที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี แต่ข้อด้อยของนกชนิดนี้นั่นก็คือนกฟามิงโก้ไม่สามารถรับกลิ่นได้แต่จะใช้การสื่อสารด้วยการใช้เสียงแทน มีจมูกไว้เพียงแต่หายใจเท่านั้น

Categories
สัตว์ปีก

นกกีวีเป็นนกหรือผลไม้ จะน่ากินเหมือนผลไม้หรือไม่

สัตว์ปีก

นกกีวี หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อกันมานานแล้ว แต่คงยังไม่เคยเห็นตัวของนกกีวีอย่างแน่นอนชื่อนั้นค่อนข้างเหมือนผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน หลายคนหลงใหลในรสชาติของผลไม้ชนิดนี้เป็นอย่างมากทำให้เวลาพูดถึงนกกีวี หลายคนก็จะคิดว่าน่าจะมีสีสันสวยงามเหมือนกับผลไม้ที่ชื่อเดียวกันหลายคนที่คิดไปเองตามจินตนาการก็คงจะคิดถึงสีสันที่สวยงามของตัวนก หลายคนชอบคิดไปก่อนว่านกที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจะต้องมีสีสันสวยงามเหมือนนกแก้ว แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป

ชื่อนกกีวีสีสันไม่ได้เหมือนผลไม้แต่อย่างใด

เป็นสัตว์ในตระกูลนกผสมกับไก่ ที่บอกเป็นอย่างนี้นั่นก็คือนกกีวีมีปีกที่เล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของตัวมันเอง มันไม่สามารถที่จะบินได้เหมือนนกแบบอื่น แต่จะอาศัยวิธีการใช้เท้าทั้งสองข้างนั้นวิ่งด้วยความเร็วในการล่าเหยื่อหรือในการถอนตัวตามพื้นดิน นกกีวียังมีปากที่แหลมคมยาวเอาไว้สำหรับหาหนอนตามพื้นหรือเก็บเศษแมลงตัวเล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน (ซึ่งนกชนิดอื่นไม่สามารถทำได้แบบนี้) แมลงบางชนิดฝังตัวอยู่ใต้พื้นดินนกกีวีสามารถรับรู้ได้ด้วยการใช้จมูกดมกลิ่นและใช้ปากที่แหลมคมยาวชอนไชลงไปจับแมลงหรือหนอนใต้ดินขึ้นมากินได้อย่างสบาย

นกกีวีมีไข่ที่ใหญ่เกินตัว

สิ่งมหัศจรรย์ของนกกีวีอีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือ เขาสามารถที่จะออกไข่ได้ที่มีขนาดเกินกว่าตัวของนกเป็นอย่างมาก ที่บอกว่านกกีวีออกไข่ได้เกินกว่าตัวนั้นไม่ใช่ว่าเป็นการออกไข่ที่ใหญ่กว่าตัวของนกเอง แต่ถ้าเปรียบเทียบขนาดตัวกับไข่นกที่ออกมาแล้วนั้น เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่านกตัวขนาดเท่ากับไก่ จะออกไข่ได้ใหญ่เท่ากับไข่ห่าน เปรียบเทียบไปแล้วคงจะลำบากน่าดูเวลาที่ออกใครออกมานั้นเพราะไข่นั้นใบใหญ่จนรู้สึกว่าน่ากลัวเป็นอย่างมากเวลาที่จะเบ่งออกมาแต่ละครั้ง

นกกีวีมีความสำคัญไม่น้อย

นกกีวีนั้นถึงจะไม่ได้เป็นสัตว์ที่มีสีสันสวยงามแต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยด้วยเช่นกัน ต่างประเทศมีการนำรูปนกกีวีนั้นมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งนกกีวีนั้นมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนกันมานานแล้ว มีการทำเป็นรูปเหรียญกษาปณ์ต่างๆ มีการทำเป็นเครื่องประดับชนิดต่างๆอย่างมากมาย คนเอเชียอย่างเราอาจจะไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้มากนัก แต่ถ้าลองสืบประวัติดูให้ดีนกกีวีถือว่าเป็นนกประจำชาติและมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ามองข้ามความขี้เหร่ของตัวนกไปแต่มองไปถึงความยิ่งใหญ่ภายในของตัวนกนั่นเอง

Categories
สัตว์ปีก

นกเงือก ตัวอย่างของรักแท้

สัตว์ปีก

ในเมื่อมนุษย์มีความรักได้ ทำไมบรรดาสัตว์ทั้งหลายจึงจะรู้สึกรักไม่ได้ และเรากำลังจะพูดถึงสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งรักแท้นั่นก็คือ นกเงือก

ลักษณะของนกเงือกคือมีจะงอยปากที่หนา และใหญ่

นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่อาศัยอยู่ตามป่าหรือพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ป่ากว้าง นั่นทำให้เราสามารถวัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้จากจำนวนประชากรของนกเงือก ลักษณะของนกเงือกคือ พวกมันจะมีจะงอยปากที่หนา และใหญ่ มีโหนกด้านหน้าเป็นโพรง ลำตัวมีสีสลับขาวและดำ มีปีกขนาดใหญ่ พวกมันมักจะหาผลไม้กินเป็นอาหารหลัก หรือบางทีอาจหากินสัตว์เลื้อยคลานอย่างหนอนเป็นอาหารเสริม

สามารถวัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้จากจำนวนประชากรของนกเงือก

นกเงือกมักถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ เพราะพวกมันมีพฤติกรรมที่มีคู่เพียงตัวเดียวไปจนตลอดชีวิต โดยนกเงือกตัวผู้จะบินไปเรื่อยๆ เพื่อมองหาตัวเมียที่มันจะต้องรักไปจนตลอดชีวิต นกเงือกกับความรัก มักจะเป็นพฤติกรรมที่ถูกยกเป็นตัวอย่างให้มนุษย์ได้ทำตาม นอกจากนกเงือกตัวผู้จะมองหาตัวเมีย จนกว่ามันจะเจอนกเงือกตัวเมียที่จะกลายเป็นที่รักของมันไปตลอดชีวิต จากนั้น นกเงือกตัวผู้จะทำการหาผลไม้ อาหาร หลายๆ ชนิดมาให้นกเงือกตัวเมีย เพื่อที่จะเอาชนะใจนกเงือกตัวเมียให้ได้ โดยนกเงือกตัวผู้จะต้องเทียวหาอาหารมาให้นกเงือกตัวเมียครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่านกเงือกตัวเมียจะรับอาหาร และนั่นหมายถึงนกเงือกตัวเมียรับรักนกเงือกตัวผู้แล้วนั่นเอง จากนั้นเจ้านกเงือกทั้งคู่จะพากันออกไปสร้างครอบครัว

สามารถวัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้จากจำนวนประชากรของนกเงือก

นกเงือกทั้งคู่จะพาออกไปหาโพรงไม้ หรือโพรงที่สัตว์อื่นๆ ได้ทำไว้ โดยนกเงือกตัวผู้จะต้องหารังไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้านกเงือกตัวเมียจะพอใจ จากนั้นพวกมันจะช่วยกัน ต่อเติมเสริมรัง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลูกน้อยของมันต่อไป หลังจากที่นกเงือกตัวเมียได้กำเนิดลูกน้อยแล้ว พวกมันจะแยกกันทำตามหน้าที่ นกเงือกตัวผู้จะมีหน้าที่ในการออกหาอาหารมาให้กับลูกและเมียของมัน ส่วนนกเงือกตัวเมียจะต้องคอยป้อนอาหารและดูแลลูกนกจนเจริญเติบโตต่อไป

อายุขัยของนกเงือก อาจจะอยู่ได้ถึง 25 ปีเลยทีเดียว แต่หากนกเงือกตัวผู้ที่ออกไปหาอาหารโดนทำร้าย หรือได้รับอันตราย จนถึงแก่ชีวิตก่อนที่จะสามารถนำอาหารมาส่งให้กับลูกและเมียที่รัง นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เพราะลูกและเมียของมันจะเฝ้ารออาหารวันแล้ว วันเล่า จนพวกมันพากันอดตายตามไป หรือหากตัวเมียได้รับอันตรายไปก่อน เจ้านกเงือกตัวผู้ก็จะอยู่เป็นโสดต่อไปจนมันหมดอายุขัยตายตามกันไป

นกเงือกกับความรักของมันช่างดูเป็นชีวิตที่น่าอิจฉา เราเป็นมนุษย์จะต้องเลือกคู่ และรักษาความรักไว้ให้ดีอย่าให้แพ้นกเงือกนะคะ

Categories
สัตว์ปีก

นกแก้ว สัตว์แสนฉลาดที่พูดได้ จริงหรือไม่?

สัตว์ปีก

หลายคนเชื่อว่านกแก้วเป็นนกที่ฉลาดที่สุด เนื่องจากพวกมันสามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ รวมถึงพฤติกรรมการลอกเลียนแบบในสิ่งที่ผู้เลี้ยงนกทำให้นกแก้วเห็นเป็นประจำ และที่สำคัญหลายคนเชื่อว่านกแก้วสามารถพูดภาษาคนได้ นั่นคือเรื่องจริงหรือไม่ คุณสามารถหาคำตอบได้ที่นี่

นกแก้ว สัตว์แสนฉลาดที่พูดได้ จริงหรือ?

ลักษณะนกแก้ว

          ก่อนอื่นเราลองมาดูลักษณะนกแก้วแสนรู้นี้กันก่อน นกแก้วมีลักษณะที่ค่อนข้างหลากหลายตามแต่ละสายพันธุ์ แต่สิ่งที่ทำให้นกแก้วมีลักษณะที่เด่นกว่านกชนิดอื่นก็คือ พวกมันมีจะงอยปากที่หนาและสั้น จะงอยปากบนค่อนข้างคมและแข็งแรง พวกมันมีนิ้วเท้าอยู่ทั้งสองด้าน โดยอยู่ที่ด้านหน้าสองนิ้ว และด้านหลังอีกสองนิ้ว ทำให้พวกมันเป็นนกที่สามารถปีนป่ายได้เก่งเป็นพิเศษ หรืออาจใช้นิ้วเท้าของพวกมันฉีกอาหารได้เป็นชิ้นๆ ด้วย อาหารของนกแก้วได้แก่ พืชผัก ผลไม้ รวมถึงเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ด้วย

ลักษณะนกแก้ว พวกมันมีจะงอยปากที่หนาและสั้น จะงอยปากบนค่อนข้างคมและแข็งแรง

นกแก้วพูดได้จริงหรือ?

          นกแก้วถือเป็นนกที่ฉลาดที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากมีการค้นพบว่านกแก้วมีเซลล์ประสาทอยู่ที่สมองส่วนหน้ามากเป็นพิเศษ พวกมันจึงมีพฤติกรรมที่สามารถเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนกแก้วแอฟริกันเกรย์ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนกแก้วฉลาดที่สุด หลายคนเชื่อว่านกแก้วพูดได้ แต่สิ่งที่เราคิดว่านกแก้วพูดได้นั้น เป็นเพียงอีกพฤติกรรมหนึ่งในการลอกเลียนแบบเสียงของมนุษย์ ซึ่งการออกเสียงของนกแก้วไม่ได้มาจากกล่องเสียงเหมือนกับมนุษย์ แต่เสียงของนกแก้วเกิดจากการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อถุงลม และเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณนั้นทำให้เกิดเสียงขึ้นมา อย่างน้อยเราก็ยังคงยืนยันได้ถึงความฉลาดในการลอกเลียนแบบได้ของนกแก้วอยู่ดี เนื่องจากมีนกแก้วบางตัวที่สามารถลอกเลียนเสียงเพลงชาติได้จนจบเพลงเลยด้วยซ้ำ

นกแก้วแอฟริกันเกรย์ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนกแก้วฉลาดที่สุด

วิธีเลี้ยงนกแก้ว

          ด้วยความฉลาดของนกแก้วที่ทำให้หลายคนที่ชื่นชอบความแสนรู้ของมันเลือกที่จะเลี้ยงนกแก้วไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่เราจะมีวิธีเลี้ยงนกแก้วอย่างไรให้พวกมันแสนรู้อย่างที่เราต้องการ

เราจะมีวิธีเลี้ยงนกแก้วอย่างไรให้พวกมันแสนรู้อย่างที่เราต้องการ

          สิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงนกแก้ว หรือการฝึกนกแก้ว คือ นกแก้วที่คุณเลี้ยงจะต้องเลี้ยงตั้งแต่ตอนที่พวกมันยังเล็กๆ ซึ่งคุณจะต้องจำไว้เสมอว่านกแก้วแม้จะเป็นสัตว์ที่ฉลาด แต่พวกมันไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง เหมือนสุนัข ดังนั้นการฝึก หรือการเลี้ยงนกแก้วจะต้องเริ่มตั้งแต่ตอนที่พวกมันเป็นลูกนก หรือที่เราเรียกว่าลูกป้อนเพื่อจะได้สร้างความคุ้นเคยและให้นกแก้วรู้สึกว่าเราเป็นพ่อแม่ของมัน ในตอนที่นกแก้วรู้สึกว่าเราเป็นพ่อแม่ของมันแล้ว ความคุ้นเคยจะทำให้การฝึกหรือการเลี้ยงนกแก้วของคุณจะง่ายขึ้น

          นกแก้วเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนฉลาด สามารถเลียนเสียงต่างๆ รอบตัวได้ สีสัน ลักษณะนกแก้วสวยงามชวนมอง แต่หากคุณต้องการเลี้ยงนกแก้วสักตัว อย่าลืมศึกษาวิธีเลี้ยงนกแก้วให้เป็นอย่างดีด้วย เพราะคุณคงไม่ต้องการให้นกแก้วตัวโปรดของคุณกลายเป็นนกแก้วที่แสนโชคร้ายแน่นอน

Categories
สัตว์ปีก

นกกระจอกเทศ ใครว่านกทุกตัวจะต้องบินได้

สัตว์ปีก

นกมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอิสระ เนื่องจากนกส่วนใหญ่สามารถบินได้ ทำให้พวกมันบินไปไหนมาไหนได้ตามที่พวกมันต้องการ แต่สำหรับนกกระจอกเทศที่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่านกชนิดอื่นๆ ที่ถึงแม้ว่ามันจะมีปีกเหมือนนกทั่วไปก็ตาม แต่ทำไมนกกระจอกเทศจึงไม่สามารถบินได้

นกกระจอกเทศเป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ลักษณะนกกระจอกเทศ

          นกกระจอกเทศเป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา เมื่อโตเต็มวัยจะมีลำตัวสีดำ แต่จะมีขนปีกและหางสีขาวสวยงาม ถึงแม้ว่าลักษณะของนกกระจอกเทศโดยทั่วไปจะคล้ายกับนกสายพันธุ์อื่นๆ ที่มี 2 ขาและ 2 ปีก แต่นกกระจอกเทศมีลักษณะที่แตกต่างจากนกสายพันธุ์อื่นๆ คือ นกกระจอกเทศจะมีนิ้วเท้าแค่เพียง 2 นิ้ว ที่นับว่าเป็นลักษณะเด่นของสัตว์ที่จะต้องใช้ความเร็วในการวิ่งหนีศัตรู อย่างนกกระจอกเทศที่สามารถวิ่งได้เร็วถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ส่วนมากจะมีนิ้วเท้าที่หดสั่นลงเรื่อยๆ จนหายไป นกกระจอกเทศจะมีปีกที่มีขนาดเล็ก จนอาจดูไม่สมกับตัว และนกกระจอกเทศตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้

ไข่นกกระจอกเทศ

          หากเราจะพูดถึงไข่ของนกที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณอาจจะจินตนาการได้ถึงขนาดของไข่นกกระจอกเทศที่มีขนาดใหญ่ตามตัวแม่ของมัน ซึ่งไข่ของนกกระจอกเทศ ที่นับว่าเป็นไข่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ 6-8 นิ้ว และมีน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม ไข่นกกระจอกเทศจะใช้เวลาฟักนานถึง 6 สัปดาห์ ปัจจุบันได้มีการนำไข่นกกระจอกเทศมาทำเป็นอาหาร ที่เป็นอีกเมนูยอดฮิตสำหรับผู้ที่ชอบลองของแปลกไม่ควรพลาด

ไข่นกกระจอกเทศเป็นไข่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

นกกระจอกเทศบินได้ไหม

          อย่างที่เราเคยพูดถึงลักษณะของนกกระจอกเทศว่ามีปีกที่มีขนาดเล็กไม่สมกับขนาดตัว นั่นเกิดจากวิวัฒนาการของนกกระจอกเทศที่มักจะเดินมากกว่าบิน พวกมันใช้ขาในการดำรงชีวิต มากกว่าปีกจึงทำให้ปีกของนกกระจอกเทศมีขนาดเล็กลง รวมถึงสรีระของนกกระจอกเทศที่มีโครงสร้างส่วนกระดูกหน้าอกแบบราบ ไม่เป็นสันเช่นเดียวกับนกสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้กล้ามเนื้อปีกของมันไม่แข็งแรง

นกกระจอกเทศ แม้จะมีปีกแต่ไม่สามารถบินได้

          อีกทั้งขนปีกของนกกระจอกเทศที่มีค่อนข้างน้อย ขึ้นเรียงตัวกันแบบห่างๆ ทำให้ปีกของนกกระจอกเทศไม่มีกำลังพอที่จะช่วยตัวของมันที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นบินได้ แต่ถึงแม้นกกระจอกเทศจะบินไม่ได้ แต่พวกมันยังคงจำเป็นจะต้องใช้ปีกในการทรงตัว เพราะในขณะที่พวกมันวิ่ง มันจะกางปีกพร้อมกันไปด้วย

          แม้นกกระจอกเทศจะบินไม่ได้ แต่ธรรมชาติก็ได้จัดสรรให้พวกมันมีขาที่แข็งแรงและสามารถวิ่งได้เร็ว จนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์สองขาที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกเลยทีเดียว

Categories
สัตว์ปีก แนะนำ

“ค้างคาว” สัตว์ มหัศจรรย์ หรือ น่าขนลุก

สัตว์ปีก

ในช่วงปี 2019 – 2020 ที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าใคร ๆ ก็คุ้นชินกับคำว่า ค้างคาวมากขึ้น เนื่องจาก ค้างคาว ถูกเชื่อว่าเป็นตัวพาหะที่นำเชื้อไวรัสโคโร่น่า หรือเชื้อโรคอีโบล่าเมื่อปี 2014 มาสู่คน ทำให้เกิดวิกฤตโรคติดต่อที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกัน หรือ รักษาได้ แต่ ค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าขนลุก หรือ น่ารังเกียจขนาดนั้นจริงเหรอ เราลองมาทำความรู้จักกับความน่ามหัศจรรย์ของค้างคาวกันให้มากขึ้น ทั้งประวัติค้างคาว ค้างคาวกินอะไรเป็นอาหาร รวมถึงประโยชน์ของค้างคาวในระบบนิเวศ ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดได้แน่นอน

bat1

ประวัติของค้างคาว

คุณอาจจะต้องปะหลาดใจเมื่อเรากำลังจะบอกคุณว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง เพราะจากหลักฐานค้างคาวมีมาตั้งแต่สมัย 50 ล้านปีก่อน พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง คนไทยอาจจะคุ้นชินกับสำนวนที่ว่า “นกมีหู หนูมีปีก” ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และนั่นก็ถือเป็นเอกลักษณ์เด่นของค้างคาวก็ว่าได้ ค้างคาวมีมากมายหลายสายพันธุ์ พบกระจัดกระจายไปทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์ที่คุณอาจจะคุ้นชินอย่าง ค้างคาวแม่ไก่ หรือ ค้างคาวดูดเลือดแวมไพร์

แน่นอนว่า “ค้างคาวดูดเลือด” ที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่ แดร็กคูล่า หรือผีดูดเลือดอย่างแวมไพร์ แต่เรากำลังจะพูดถึง ค้างคาวดูดเลือดที่เป็นค้างคาวขนาดเล็กที่ดูดเลือดสัตว์อื่นที่ใหญ่ว่าเป็นอาหารสามารถพบได้ในแถบทวีปอเมริกา แต่หากคุณถามว่าโดยปกติค้างคาวกินอะไรเป็นอาหาร เราก็ต้องจำแนกให้คุณรู้ก่อนว่าค้างคาวแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ค้างคาวขนาดใหญ่ที่มีสายตาดี พวกนี้มักจะกินผลไม้ น้ำหวาน เกสรดอกไม้เป็นอาหาร อย่างค้างคาวแม่ไก่ เป็นต้น ส่วนค้างคาวอีกประเภทคือ ค้างคาวที่สายตาไม่ดี หรืออาจจะตาบอด ซึ่งส่วนใหญ่กินแมลง ปลา กบ หรืออาจจะกินเลือดของสัตว์ที่ใหญ่กว่าอย่างค้างคาวดูดเลือด

หากคุณยังมีความคิดที่ว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าขนลุก น่าขยะแขยง สกปรกทำให้เป็นพาหะของโรคระบาดร้ายแรง แต่เราอยากจะเปลี่ยนความคิดของคุณใหม่ เพราะในความจริงค้างคาวเป็นสัตว์ที่สะอาดมาก เพราะพวกมันมักจะทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอเช่นเดียวกับ สุนัข หรือ แมว อีกทั้งค้างคาวไม่ว่าจะเป็นค้างคาวขนาดใหญ่อย่างค้างคาวแม่ไก่ หรือค้างคาวขนาดเล็กอย่างค้างคาวดูดเลือด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับระบบนิเวศทั้งสิ้น พวกมันมีหน้าที่ช่วยกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืช เชื่อหรือไม่ว่าในหนึ่งคืน พวกมันสามารถกินแมลงได้มากเท่าขนาดน้ำหนักตัวมันเลยทีเดียว นอกจากนั้นมูลของค้างคาวเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยชั้นดีได้อีกด้วย

คุณจะเห็นแล้วว่าในความจริง ค้างคาว ก็เป็นเพียงสัตว์ปีกชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ในการรักษาสมดุลระบบนิเวศ แต่แค่เพียงรูปร่าง หน้าตา สีสัน ของพวกมันที่ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก ทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าพวกมันเป็นสัตว์ที่ดูน่าขนลุก แต่หากเรามองลึกๆ ลงไป อันตราย หรือเชื้อโรคที่พวกมันเป็นพาหะมาสู่มนุษย์อย่างเราได้ ก็เพราะว่าเราไปรบกวนพวกมันก่อนนั่นเอง