เราจะพาทุกคนไปรู้จัก “ปลาหมอคางดำ” เป็น 1 เอเลี่ยนสปีชีส์ในไทย (Alien Species) ที่แฝงตัวอยู่ในประเทศไทย มายาวนานกว่า 14 ปี เราอาจจะเคยเห็นกัน แต่อาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันคือ “ปลาหมอสีคางดำ” เพราะหน้าตามันคล้ายกับปลาหมอเทศซะเหลือเกิน ถ้าไม่ดูดีๆ ก็คือดูไม่ออกเลย และวันนี้เราจะมา สรุปข่าว ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับ ปลาหมอคางดำ มาจากที่ไหน? เข้าไทยมาได้ยังไง? แล้วมันอันตรายยังไง? สรุปให้จบในบทความนี้เลย

ปลาหมอคางดำ คืออะไร ?

blackchin tilapia
blackchin tilapia

ปลาหมอสีคางดํา หรือ Blackchin tilapia ปลาชนิดนี้มีรูปร่างลักษณะที่ใกล้เคียงกับปลาหมอสีและปลาหมอเทศ เมื่อแรกเกิดตัวเล็กอาจสังเกตุได้ยาก แต่เมื่อตัวโตเต็มวัย จะเริ่มมีลักษณะที่ชัดเจนมากขึ้น บริเวณช่วงคางหรือปากล่างจะมีสีดำเข้ม และมีขนาดตัวเล็กกว่า

ปลาหมอคางดํา มาจากประเทศอะไร ?

ปลาหมอคางดำ มีถิ่นกําเนิดในทวีปแอฟริกา พบเจอที่ไนจีเรีย คาเมรูน เซเนกัล กินี ไลบีเรีย โตโก สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐคองโกมอริเตเนีย เป็นต้น และปัจจุบันมีการขอนำเข้าพันธุ์ปลาหมอสีคางดำในอีกหลายประเทศ เช่น อเมริกา ยุโรป เอเชีย รวมถึงประเทศไทย

ปลาหมอคางดำ เข้ามาในไทยได้อย่างไร ?

ปี พ.ศ 2553 พบว่าไทยเคยขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำ โดยตอนนั้นกรมประมงได้อนุญาตให้บริษัท CPF นำเข้ามาจากประเทศกานา 2,000 ตัว เพื่อทดลองปรับปรุงสายพันธุ์ (โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ให้มีการแพร่ระบาด)

ปี พ.ศ 2553 เดือนธันวาคม ปลาหมอคางดำมาถึงประเทศไทย และถูกนำไปที่ศูนย์วิจัยสัตว์น้ำของ CPF ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ปี พ.ศ. 2554 เดือนมกราคม ปลาทั้งหมดที่นำเข้ามาได้รับความเสียหายจากการขนส่งและทยอยตายจนเหลือเพียงแค่ 600 ตัว แต่จำนวนที่เหลือก็มีสภาพอ่อนแอ และตายลงต่อเนื่องจนเหลือเพียง 50 ตัว ทาง CPF จึงตัดสินใจยุติโครงการวิจัย

CPF บอกว่า หลังยุติโครงการก็ได้ทำลายซากปลาทิ้งตามขั้นตอนมาตรฐาน โดยใช้สารคลอรีนเข้มข้น และฝังกลบซากปลาโรยด้วยปูนขาว และทำการส่งมอบตัวอย่างซากปลาทั้งหมด 50 ตัว ซึ่งดองในฟอร์มาลีนให้กรมประมงเก็บไว้

การแพร่ระบาดในไทยครั้งแรก ของปลาหมอคางดำ

ปลาหมอคางดํา
ปลาหมอคางดํา

ในปี พ.ศ. 2555 มีการพบปลาหมอคางดำแพร่ระบาดครั้งแรกในไทยที่ ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำบ่อกุ้งและบ่อเลี้ยงปลากันมาก

ชาวบ้านบอกว่า ตอนพบครั้งแรกไม่รู้ว่ามันคือปลาอะไร แต่ว่าไปดูมาแล้วดูคล้ายปลานิลและปลาหมอเทศ มันไล่กินกุ้งและปลาอื่นจนเกือบหมดบ่อ ส่วนพวกมันเองก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นภัยคุกคาม กุ้งและปลาที่เลี้ยงไว้ก็หายไปเกือบหมด ทำเอาเกษตรกรบางคนหมดเนื้อหมดตัวกันไปเยอะ

ปลาหมอคางดำ อยู่ในน้ำทะเล หรือน้ำจืด ?

ปลาหมอคางดำ เป็นสัตว์ที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก สามารถปรับตัวให้อยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม ป่าชายเลน แม้แต่น้ำคุณภาพไม่ดี หรือค่าออกซิเจนต่ำมันก็ใช้ชีวิตอยู่ได้

ปลาหมอคางดําอันตรายยังไง ?

ปลาหมอคางถือเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์” ที่อันตรายต่อสัตว์น้ำท้องถิ่น แย่งอาหารสัตว์น้ำที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ เป็นสัตว์ที่ไม่ควรมีอยู่ในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด เพราะจะรุกรานทำลายสัตว์น้ำและระบบนิเวศของไทยอย่างรุนแรง

ปลาหมอคางสีดํา เป็นปลามีลำไส้ยาวกว่าลำตัวถึง 4 เท่า ทำให้หิวตลอดเวลา มันจึงเป็นสัตว์นักล่าที่ดุร้าย กินได้ทั้งพืชน้ำ ปลาเล็ก ปลาน้อย กุ้ง รวมถึงซากสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่ขวางหน้า

การขยายพันธุ์ของปลาหมอคางสีดํา

Black Chin Tilapia species
Black Chin Tilapia species

ปลาหมอคางดําตัวเมีย สามารถขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก เพราะวางไข่ได้ตลอดปี คือตั้งท้อง 22 วัน พอวางไข่เสร็จแล้ว ก็ท้องต่อได้ทันทีไม่มีพัก

ปลาหมอคางสีดําตัวผู้จะปกป้องไข่ด้วยการอมไว้ในปาก ยอมอดอาหาร เมื่อฟักเป็นตัวแล้วค่อยๆ ปล่อยลูกปลาออกมา ทำให้ไข่มีโอกาสรอดสูงถึง 99%

แนวทางการกำจัดปลาหมอคางดํา

ปลาหมอคางดำ กินได้ไหม

ปลาหมอคางสีดำ
ปลาหมอคางสีดำ

ปลาหมอคางดำ สามารถนำมากินได้เหมือนปลาทั่วๆไป กรมประมงได้ เสนอให้เกษตรกรและประชาชนจับปลาหมอคางดํา มาปรุงเป็นเมนูอาหารต่างๆ เช่น ปลาแดดเดียว ปลาหวาน ป่นปลา แกงส้มปลา ขนมจีนน้ำยาปลา เป็นต้น และยังมีอีกหลายเมนูปลาที่น่านำไปประกอบอาหาร

จังหวัดที่พบปลาหมอคางดำ

ถึงแม้ในปี 2561 กรมประมงจะออกประกาศห้ามนำเข้าหรือเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำทุกกรณี แต่ก็ไม่สายไปแล้ว ปลาหมอคางดำมีการแพร่ระบาดไปยังจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล ล่าสุดพบปลาหมอคางดำระบาดแล้วใน 16 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ราชบุรี จันทบุรี เพชรบุรี เป็นต้น

แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีการพบปลาหมอคางดำ ในพื้นที่ทางภาคเหนือ หรือ ภาคอีสาน แต่ถ้าหากพบ คาดเดาว่าจะมาจากสาเหตุที่อาจมีคนนำพาไป เพาะเลี้ยง

กรมประมง vs CPF

ปี พ.ศ 2565 กรมประมง มีการสุ่มจับปลาหมอคางดำจาก 6 จังหวัดทั่วประเทศไทย มาตรวจ DNA ว่ามีต้นตอมาจากแหล่งเดียวกันหรือไม่ และผลสรุปพบว่ามาจากแหล่งเดียวกัน จึงต้องการนำผลไปเทียบกับปลาหมอคางดำที่เคยมีการขอนำเข้ามา

กรมประมงยอมรับว่า CPF เป็นบริษัทเอกชนรายเดียวที่ขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำ แต่ต้นตอการแพร่ระบาดอาจเกิดจากการนำเข้าถูกกฎหมายแล้วทำผิดเงื่อนไข หรืออาจจะเกิดจากการลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายก็เป็นไปได้ แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดเกิดขึ้นมายาวนานหลายปีแล้ว จึงไม่สามารถย้อนรอยตรวจสอบแหล่งที่มาได้

เรื่องนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม จนทางบริษัท CPF ต้องออกมายืนยันหนักแน่นว่าได้ทำลายซากปลาหมอคางดำทั้งหมดแล้ว มั่นใจว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุของการระบาดในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมประมงออกมาแถลงการตอบกลับว่า ไม่พบการนำส่งตัวอย่างปลาหมอคางดำทั้ง 50 ตัว รวมทั้งไม่มีตัวอย่างขวดโหลดองปลา ตามที่ CPF กล่าวอ้าง ทำให้เรื่องนี้ยังเป็นข้อถกเถียงไม่มีข้อยุติ

สรุป

ผู้เชี่ยวชาญได้บอกว่า ตอนนี้ปลาหมอคางดำสามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศของไทยได้แล้ว และกำลังยกระดับขึ้นเป็นสายพันธุ์รุกรานระดับภูมิภาค มีแนวโน้มจะแพร่ระบาดจากไทย ไปกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์

ต่อไปนี้สัตว์น้ำท้องถิ่นชนิดใด ที่ปรับตัวให้เข้ากับการมีอยู่ของปลาหมอคางดำไม่ได้ ก็จะลดจำนวนลงหรือหายไปจากระบบนิเวศในที่สุด ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ในอนาคตได้ หลายคนเห็นตรงกันว่า ไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จะกำจัดให้หมด ทางที่ดีที่สุดคือหาวิธีอยู่กับมันให้ได้ และนำมันมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

10 อันดับ “งูพิษ” ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก อัพเดทปี 2024

ใส่ความเห็น