deadliest snakes in the world
top 10 deadliest snakes in the world

เมื่อพูดถึง สัตว์มีพิษที่อันตรายที่สุดในโลก ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า งูพิษนั้นเป็นสัตว์ที่เพียงแค่ได้ยินชื่อ ก็อาจทำให้หลายคนขนลุกขนพองกันเลยทีเดียว แม้งูจะมีสายพันธุ์ที่มีพิษ และไม่มีพิษ แต่ขึ้นชื่อว่า “งู” ก็ยังคงน่ากลัวสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะงูพิษทั้ง 10 สายพันธุ์ ที่ได้ฉายาว่าเป็นอสรพิษเพชฌฆาต ด้วยพิษที่ร้ายแรงที่คร่าคนได้ เพียงแค่พิษไม่กี่หยดเท่านั้น ก็สามารถจัดการคุณให้ม่องเท่งได้ภายในไม่กี่นาที 

ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน ที่มีทั้งพื้นที่ป่า และภูเขา จึงทำให้มีงูชุกชุม ส่วนมากเป็นงูไม่มีพิษ ส่วนงูพิษในประเทศไทย ก็มีทั้งแบบพิษรุนแรง และพิษอ่อน ที่มีคนถูกพวกมันกัดบ่อยๆ มีอยู่ 7 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ งูเห่า , งูเขียวหางไหม้ , งูสามเหลี่ยม , งูแมวเซา , งูจงอาง , งูกะปะ , งูทับสมิงคลา เป็นต้น และวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 10 อันดับ “งูพิษ” ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก 2024 จะมีงูไทยตัวไหนบ้างที่ติด Top 10 งูพิษที่อันตรายที่สุด ใครเจอรีบหนีให้ไวเลยนะ เพราะมันอันตรายถึงชีวิต

ฤทธิ์ของพิษงู

เราเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า พิษงูของพวกสามารถออกฤทธิ์อะไรกับเราได้บ้าง? และพิษของงูนั้นมีกี่ชนิด เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับพิษของงู ว่าออกฤทธิ์แบบไหนบ้าง? โดยพิษของงู มีการออกฤทธิ์ต่อระบบต่างๆ ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่

1. งูที่มีพิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin) 

พบได้ใน งูเห่า (Cobra), งูจงอาง (King cobra), งูสามเหลี่ยม (Banded krait), งูทับสมิงคลา (Malayan krait) เป็นต้น

อาการและอาการแสดงของงูพิษกัด

เมื่อถูกงูกัด พิษงูจะเริ่มแสดงอาการเมื่อผ่านไปประมาณ 10-30 นาที จะเร็วหรือช้าขึ้นกับปริมาณพิษงูที่ได้รับ 

นอกจากนี้พิษในกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดบริเวณแผลที่ถูกกัด คือ จะมีอาการบวม ปวด กดเจ็บ มีตุ่มพุพอง 

2. งูที่มีพิษต่อระบบโลหิต (Hematotoxin) 

พบได้ใน งูแมวเชา (Russell’s viper), งูกะปะ (Malayan pit viper) และ งูเขียวหางไหม้ (Green pit viper), งูแมวเซา (Daboia siamensis) เป็นต้น

อาการและอาการแสดงของงูพิษกัด

3. งูที่มีพิษต่อระบบกล้ามเนื้อ (Myotoxin)

พบได้ใน พิษงูทะเล (Sea snake)

อาการและอาการแสดงของงูพิษกัด

รายชื่อ 10 อันดับ งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก 2024

รายงานในปี 2567 จากวารสาร BBC Discover wildlife ได้กล่าวไว้ว่า งูมีประมาณ 3,900 สายพันธุ์ มีเพียง 725 สายพันธุ์ที่มีพิษ และมีเพียง 250 สายพันธุ์เท่านั้น ที่สามารถคร่ามนุษย์ได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว ไปดูกันเลยว่า 10 อันดับ งูพิษที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตมากที่สุด จะมีสายพันธุ์ไหนบ้าง

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 1 คือ งูพิษเกล็ดเลื่อย Saw-scaled viper

งูพิษเกล็ดเลื่อย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Saw-scaled viper (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Echis Carinatus) มันอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “บิ๊กโฟร์” Big four (snakes) เป็นชื่อเล่นที่ใช้เรียกงูพิษ 4 ชนิดในเอเชียใต้ (โดยเฉพาะอินเดีย) ที่มีพิษรุนแรงถึงตาย และมีสถิติการกัดคนมากที่สุด

งูพิษเกล็ดเลื่อย เป็นงูสายพันธุ์ที่ดุร้าย มีพิษทำลายระบบเลือด (Hemotoxin) ที่รุนแรงถึงชีวิต และคร่าคนได้ด้วยพิษเพียง 5 มิลลิกรัม แต่การกัดครั้งหนึ่งอาจฉีดพิษได้มากที่สุดถึง 12 มิลลิกรัม แม้ว่าพิษของงูพิษเกล็ดเลื่อยจะไม่ได้รุนแรงที่สุด แต่ก็ถือเป็นงูที่อันตรายที่สุดของโลก เนื่องจากมักพบงูพิษเกล็ดเลื่อยในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ ตามสถิติมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,000 รายต่อปี ในอินเดียเพียงประเทศเดียว มันทำให้มนุษย์เสียชีวิตมากกว่างูพิษอื่นๆ ทั้งหมดรวมกันซะอีก 

เมื่อถูกคุกคามงูพิษเกล็ดเลื่อยจะไม่ขู่ด้วยเสียง แต่จะขดตัวเป็นเส้นโค้งหลายโค้งขดกันไปมา และค่อยๆ เลื้อยเป็นคลื่นอยู่กับที่ ทำให้เกล็ดบนลำตัวถูกันไปมา จนเกิดเสียงคล้ายเลื่อย เป็นที่มาของชื่อ Saw-scaled viper (saw = เลื่อย, Scale = เกล็ด) 

ลักษณะของงูพิษเกล็ดเลื่อย : ตาโต หัวและคอแยกกันชัดเจน งูพิษเกล็ดเลื่อยตัวเต็มวัย จะมีความยาวตั้งแต่ 30 ถึง 90 เซนติเมตร และมีเฉดสีน้ำตาลอ่อน เทา หรือส้ม โดยมีจุดหลังและจุดด้านข้างเข้มกว่า เกล็ดลำตัวเป็นสันหนาชัดเจน

ถิ่นอาศัย : พบมากในอินเดีย แอฟริกา อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน และตะวันออกกลาง แต่ยังไม่พบในไทย

ความอันตราย : เมื่อถูกงูชนิดนี้กัดจะเกิดอาการปวดและบวมบริเวณแผลที่ถูกกัด นอกจากนี้พิษของงูพิษเกล็ดเลื่อย ยังสามารถทำให้เกิดเลือดออกภายใน และทำให้ไตวายเฉียบพลันได้

เกร็ดความรู้ : งูพิษเกล็ดเลื่อย สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 23 ปี เป็นงูหากินกลางคืน และชอบซุกตัวซ่อนในที่ต่างๆ และในพื้นที่ทะเลทราย บางครั้งมันอาจฝังทั้งตัวลงไปใต้ทรายทั้งตัว และโผล่มาเพียงแค่หัวเล็กน้อย ทำให้มันอันตรายขึ้นมาก เพราะคนส่วนใหญ่มักมองไม่เห็นตัวมัน เมื่อฝนตกหรือความชื้นในอากาศ ตอนกลางคืน พวกมันจะปีนป่ายขึ้นต้นไม้ และอยู่กันเป็นกลุ่ม อาจไปกระจุกกันได้ราว 20 ตัวบนยอดกระบองเพชรต้นเดียว 

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 2 คือ งูไทปันโพ้นทะเล Inland taipan

งูไทปันโพ้นทะเล ภาษาอังกฤษเรียกว่า Inland taipan (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oxyuranus microlepidotus)  จัดเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในโลก มันถูกเรียกว่า “งูดุร้าย” เพราะพิษ ไม่ใช่นิสัย พวกมันไม่มีนิสัยดุร้ายเลย แต่กัดทีถึงตาย พิษของมันเพียงนิดเดียว สามารถกำจัดหนูได้ถึง 250,000 ตัวได้ภายในครั้งเดียว และพิษของงูไทปันโพ้นทะเล 1 หยดสามารถคร่าคนได้ถึง 100 คน เทียบกันแล้ว งูไทปันโพ้นทะเล Inland taipan มีพิษร้ายแรงมากกว่างูเห่าถึง 50 เท่า ถ้าพูดถึงเรื่องความแรงของพิษงูแล้วพวกมันติดอันดับ 1 ใน 10 งูที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในโลก

ลักษณะของงูไทปันโพ้นทะเล : งูไทปันโพ้นทะเล ขนาดตัวโดยเฉลี่ยประมาณ 1.5 – 2 เมตร มีหัวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าลึก สีหลังแตกต่างกันไปตั้งแต่สีซีดแกมเหลือง น้ำตาลอมเหลือง ถึงน้ำตาลเข้ม ส่วนสีลำตัวจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยมีสีเข้มในฤดูหนาว และสีซีดจางในฤดูร้อน 

ถิ่นอาศัย : มีถิ่นกำเนิดจากรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แต่ไม่พบในประเทศไทย

การขยายพันธุ์ : ฤดูขยายพันธุ์จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน งูเพศเมียจะวางไข่ 12 ถึง 24 ฟอง ตามรอยแยกของหินหรือภายในโพรงสัตว์ต่าง ๆ และฟักใข่หลังจากนั้นเป็นเวลา 2 เดือน และสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 20 ปี

ความอันตราย : หากโดนเจ้างูไทปันโพ้นทะเลกัดแล้วไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2-3 ชม. ส่วนประกอบที่อยู่ในพิษ คือ สารนิวโรท็อกซิน (neurotoxins) และสารไมโทซิน (myotoxins) ซึ่งจะไปทำลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อให้เป็นอัมพาต โปรตีนโปรโคอะกูเลนท์ (procoagulants) ทำลายระบบเลือดโดยทำให้เลือดไม่แข็งตัว แผลที่กัดจะมีเลือดไหลไม่หยุด มีเลือดออกตลอดเวลา

อาหาร/พฤติกรรมการกิน : งูไทปันโพ้นทะเลจะกินเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นสัตว์ฟันแทะ เช่น หนูขนยาว หนูธรรมดา และหนูบ้าน เป็นต้น

เกร็ดความรู้ : งูพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบอยู่โดดเดี่ยว ชอบออกมาในเวลากลางวัน มันเป็นงูที่รวดเร็วและว่องไวมาก แม้ว่าอินแลนด์ไทปัน จะเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงอันดับ 1 ของโลก แต่พวกมันค่อนข้างขี้อายและชอบหลบหนีมากกว่าต่อสู้ แต่หากถูกคุกคามพวกมันจะปกป้องตัวเอง และโจมตีหากโกรธ 

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 3 คือ งูแบล็กแมมบา Black mamba

Dendroaspis polylepis
Black mamba

งูที่มีพิษร้ายแรงอีกตัวหนึ่งคือ งูแบล็กแมมบา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Black mamba (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dendroaspis Polylepis) เป็นหนึ่งในงูที่น่ากลัวที่สุด แตกต่างจากงูไทปันโพ้นทะเลที่ค่อนข้างเชื่อง แต่ Black mamba เป็นที่รู้กันว่าแบล็กแมมบ้ามีความก้าวร้าวเป็นพิเศษ หากแบล็กแมมบ้าถูกต้อนจนมุมหรือถูกคุกคาม มันก็จะลุกขึ้นโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เป็นสถานการณ์ที่คุณไม่อยากเจออย่างแน่นอน และแมมบาสีดำ ยังมีชื่อเสียงในด้านความเร็วที่สามารถจัดการคุณได้ในพริบตาอีกด้วย

ถิ่นอาศัย : งูชนิดนี้พบในแอฟริกาตอนใต้และตอนกลาง พบมากในทะเลทรายซาฮารา ไม่พบในไทย

ความอันตราย : พิษของแมมบาแบล็กโจมตีทั้งระบบประสาทและหัวใจ จะเกิดอาการทางระบบประสาท เช่น พูดไม่ชัดและกล้ามเนื้อกระตุก อาการจะเริ่มชัดเจนภายใน 10 นาทีหลังถูกกัด และอาจเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวในเวลาเพียง ดังนั้นหากถูกกัดและไม่ได้รับการรักษาและรับยาต้านพิษทันที มีอัตราการเสียชีวิตที่น่ากลัวถึง 100% 

ลักษณะของงูแบล็กแมมบา : แบล็กแมมบาเป็นงูที่มีรูปร่างเรียวยาว หัวแบน ตากลมโต เป็นงูพิษที่ยาวเป็นอันดับสองรองจากงูจงอาง  Black Mamba โดยเฉลี่ยจะมีขนาดความยาว 2–2.5 เมตร เมื่อโตเต็มวัยจะมีความยาวสูงสุดได้ 4.3 เมตร ลำตัวสีน้ำตาลอมเทา แต่ด้านในปากของงูแบล็กแมมบาเป็นสีดำ จึงมีชื่อเรียกว่า Black Mamba

อาหาร/พฤติกรรมการกิน : พวกมันกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกขนาดเล็กเป็นหลัก แม้ว่าพวกมันจะชอบเหยื่อเลือดอุ่น แต่แบล็กแมมบาก็กินงูตัวอื่นด้วยเช่นกัน

เกร็ดความรู้ : เมื่อมันถูกคุกคามจะขู่ แผ่แม่เบี้ย และชูหัวได้เหมือนกับงูเห่า หรืองูจงอาง Black Mamba เป็นงูที่เลื้อยได้ว่องไวมาก เลื้อยได้เร็วถึง 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยังเป็นงูที่ไม่เกรงกลัวมนุษย์ มีนิสัยดุร้าย เมื่อได้ปะทะกับมนุษย์จะโจมตีด้วยการกัดซ้ำๆ 

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 4 คือ งูแมวเซา Russel’s viper 

งูแมวเซา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Russel’s viper (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Daboia Russelii) งูที่คุณต้องไม่อยากเจอ พิษของงูแมวเซา เป็นที่รู้กันว่า เจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดชนิดหนึ่ง นอกจากงูเห่าอินเดีย งูจงอาง งูพิษเกล็ดเลื่อย เวลาตกใจหรือถูกคุกคามมักขดตัวเตรียมสู้ พร้อมทั้งทำเสียงขู่คล้ายแมว หรือเสียงของยางรถยนต์รั่ว การขู่ของมันจะสูบลมหายใจเข้าไปในตัวจนตัวพอง แล้วพ่นลมออกมาทางรูจมูกแรงๆ แทนที่จะเลื้อยหนี มันจะขดตัวรอจู่โจม และระวังตัวไว้นะเพราะมันเป็นงูที่ฉกกัดได้รวดเร็วแทบไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะ

ถิ่นอาศัย : อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล เมียนมาร์ ปากีสถาน กัมพูชา จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และพบได้ในประเทศไทย

ความอันตราย : พิษของพวกมันเป็นอันตรายร้ายแรงต่อมนุษย์ในปริมาณ 40–70 มิลลิกรัม พิษของมันก่อให้เกิดอาการหลายอย่าง อวัยวะหลายส่วนถูกทำลาย ไตวายเฉียบพลัน อัตราการเต้นของหัวใจลดลงอย่างรวดเร็ว แผลที่ถูกกัดจะพุพอง เนื้อตาย เจ็บปวดมาก อาเจียน ใบหน้าบวม ผู้รอดชีวิตประมาณ 29 เปอร์เซ็นต์ได้รับความเสียหายต่อต่อมใต้สมอง

ลักษณะของงูแมวเซา : เป็นงูที่มีรูปร่างอ้วนท้วม ลำตัวสั้น ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อนอมเทา มีลายทรงกลมสีน้ำตาลเข้มตลอดทั้งตัว

อาหาร/พฤติกรรมการกิน : งูแมวเซากินสัตว์ฟันแทะเป็นอาหาร แต่พวกมันก็จะกินสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก แมงป่อง 

เกร็ดความรู้ : งูแมวเซาเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ชอบอยู่โดดเดี่ยว และออกล่าในเวลากลางคืน พวกมันค่อนข้างเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่เมื่อถูกคุกคาม จะมีนิสัยดุร้ายและจู่โจมได้ว่างไว สาเหตุที่ทำให้หลายคนเรียกพวกมันว่าเป็นงูที่อันตรายที่สุดในโลก เพราะเมื่องูแมวเซากัดแล้ว มันจะปล่อยพิษหรือค้างไว้หลายวินาที 

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 5 คือ งูสามเหลี่ยม หรือ งูมาลายัน Common Indian Krait

งูสามเหลี่ยม หรือเรียกอีกชื่อว่า งูมาลายัน ภาษาอังกฤษชื่อ Common Indian Krait (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bungarus Caeruleus) Common Indian Krait หนึ่งใน Big four แห่งเอเชียใต้ เป็นงูที่มีพิษร้ายเเรงที่สุดในสายพันธุ์งูสามเหลี่ยม Common Krait เป็นงูที่กินงูตัวอื่น เเละเหยื่อของมันนั้นก็อาจจะเป็นงูสามเหลี่ยมด้วยกันเอง พิษของงูสามเหลี่ยมนั้นเป็นเเบบนิวโรท๊อกซิน Neurotoxin ซึ่งร้ายเเรงกว่าพิษของงูเห่าถึง 16 เท่า พิษของมันทำให้ถึงตายได้ โดยการกัดหนึ่งครั้งฉีดพิษได้ถึง 30 มิลลิกรัม แต่การจะคร่าคนนั้นใช้เพียงแค่ 2.5 มิลลิกรัมเท่านั้น

ถิ่นอาศัย : เนปาล ปากีสถาน อินเดีย และศรีลังกา แต่ไม่พบในไทย

ความอันตราย : เมื่อโดนกัดจะทำให้กล้ามเนื้อและระบบประสาทไม่ทำงาน หลังจากนั้นอาการที่ตามมาคือ อาการชาเเละการสั่นกระตุกอย่างรุนเเรง ซึ่งมักจะจบด้วยร่างกายที่ขยับไม่ได้ โอกาสเสียชีวิตจากการกัดของงูสามเหลี่ยมนั้นสูงถึง 50% เเม้จะได้รับเซรุ่มเเก้พิษแล้ว เเม้ว่าจะถูกส่งโรงพยาบาลทันเวลา แต่อาการโคม่าเเละอาการสมองตายจากการขาดอ๊อกซิเจนก็อาจจะเกิดขึ้นได้ 

ลักษณะของงูสามเหลี่ยม  : Common Indian Krait เป็นงูที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เกล็ดเรียบ สีลำตัวเป็นสีดำเงา มีลายคาดสีขาว แต่ในบางตัวอาจเป็นสีดำทั้งตัว มีหัวใหญ่กว่าคอเล็กน้อย และดวงตาค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับหัว

เกร็ดความรู้ : Common krait เป็นงูหากินกลางคืน มีอุปนิสัยเฉื่อยชา และชอบซุกซ่อนตัวหลบจากสายตาของสัตว์อื่น แต่เมื่อตกกลางคืน มันจะมีนิสัยดุร้าย การกัดของงูชนิดนี้แทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด และอาจถูกคิดว่าเป็นแค่ยุงหรือมดกัดด้วยซ้ำ และคนที่เสียชีวิตส่วนมากไม่รู้ตัวว่าโดนงูกัดตอนนอน ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณไม่มีโอกาสได้ตื่นอีกเลย หรือตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการอัมพาตแล้วก็มี 

ถึงแม้เมื่อโดนกัดอาจจะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่อาการบางอย่างยังสามารถเตือนเราได้อยู่ 2 ชั่วโมงหลังจากถูกกัด กล้ามเนื้อที่ใบหน้าจะเริ่มตึง ลิ้นเริ่มแข็ง จุดนี้ถ้าหากไม่รีบรักษา ระบบหายใจจะหยุดทำงาน และเสียชีวิตได้ในเวลา 5 ชั่วโมง

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 6 คือ งูเห่าอินเดีย Indian cobra 

Naja naja
Indian cobra

งูเห่าอินเดีย หรืองูเห่าแว่น ภาษาอังกฤษเรียกว่า Indian cobra (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Naja naja) งูพิษร้ายแรงที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง เป็นหนึ่งในงูที่ดังที่สุดในอินเดีย คุณอาจจะเคยเห็นมันในหนัง เพราะมันมักจะถูกนำไปใช้ในการแสดงเป่าขลุ่ยสะกดจิตงูที่เห็นกันบ่อยๆ

ถิ่นอาศัย : อินเดีย ศรีลังกา เนปาล ปากีสถาน แต่ไม่พบในไทย

ความอันตราย : งูเห่าอินเดียไม่สามารถพ่นพิษได้ แต่การกัดของมันนั้นสามารถคร่าคนได้ ด้วย Neurotoxin และ Cytotoxin พิษที่มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาท และพิษทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้บริเวณแผลที่ถูกกัดจะบวมเน่าได้ และระบบหายใจหยุดทำงานอย่างรวดเร็ว 

ลักษณะของงูเห่าอินเดีย : Indian cobra มีความยาวประมาณ 1.9 เมตร แต่บางตัวก็ยาวถึง 2.4 เมตร งูเห่าอินเดียมีสีสันและลวดลายต่างกันไป โดยงูเห่าที่อยู่ทางใต้ของอินเดียส่วนมากมีสีน้ำตาล ประเทศศรีลังกาอาจมีลายสีครีมอ่อนตามลำตัว และในประเทศเนปาลและปากีสถาน งูชนิดนี้อาจมีสีดำทั้งตัว ที่เรียกว่า งูเห่าแว่น เพราะด้านหลังแม่เบี้ย มีรูปวงกลมต่อกันสองวงคล้ายแว่นตา แตกต่างกับงูเห่าไทย (Naja kaouthia) ที่มีวงกลมวงเดียว

เกร็ดความรู้ : แต่ละปีมีคนราว 2,000,000 คน ถูกพิษจากงูเห่าอินเดีย Indian cobra และประมาณ 50,000 คน ที่ต้องเสียชีวิต งูเห่าอินเดียจึงถูกจัดอันดับให้เป็น1 ใน 4 งูพิษที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศอินเดีย และถือเป็นอันดับ 1 ของงูที่กัดมนุษย์มากที่สุดในอินเดียด้วย

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 7 คือ งูพัฟฟ์แอดเดอร์ Puff adder

Bitis arietans
Puff adder

งูพัฟฟ์แอดเดอร์ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Puff adder (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bitis arietans) ผู้ครองสถิติงูพิษที่กัดคนตายมากที่สุดในแอฟริกา งูพิษสายพันธุ์นี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากกว่างูแอฟริกาชนิดอื่นๆ

ถิ่นอาศัย : ถิ่นอาศัยอยู่แถบทุ่งหญ้าสะวันนา หรือทุ่งหญ้าแถวป่าโปร่งในแอฟริกา แต่ไม่พบในแถบทะเลทรายซาฮาราและป่าฝน

ความอันตราย : พิษของงูชนิดเมื่อถูกกัดแผลจะกลายเป็นเนื้อตาย หรือเนื้อเน่า ปริมาณพิษของงูพัฟฟ์แอดเดอร์ 100 มิลลิกรัม ก็มากพอที่จะคร่าชีวิตมนุษย์ได้ โดยหากถูกกัดและไม่ได้รับการรักษาทันที ความตายจะมาเยือนถึงที่ภายใน 25 ชั่วโมง ซึ่งปกติแล้ว คนที่ถูกงูพัฟฟ์แอดเดอร์กัดส่วนมากเสียชีวิต เพราะไม่สนใจแผล และการแพทย์ในแอฟริกาที่เข้าถึงยาก เมื่อถูกงูพัฟฟ์แอดเดอร์กัด จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเนื้อร้ายและเนื้อเน่าตาย ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียแขนขาได้

ลักษณะของงูพัฟฟ์แอดเดอร์ : Puff adder มีลำตัวที่อ้วนสั้น เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดความยาวเต็มที่ 1 เมตร ปลายหางตันและใหญ่ จนเกือบจะเท่าหัว งูพัฟฟ์แอดเดอร์บางตัวอ้วนมาก ถ้าไม่มองดูดีๆจะแยกไม่ออกอันไหนหาง อันไหนหัว แถมยังมีลักษณะพิเศษคือ เลื้อยเป็นเส้นตรง เลื้อยแบบกระดืบ ๆ เหมือนกับหนอน

เกร็ดความรู้ : งูพัฟฟ์แอดเดอร์ เป็นงูที่มีนิสัยดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก เมื่อถูกคุกคาม มันจะขดตัวไปอยู่ในท่าตัว S ท่าพร้อมโจมตี แล้วพุ่งไปฉก ก่อนจู่โจมมันจะส่งเสียงเตือน พองตัว และส่งเสียงฟู่ดังๆ 

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 8  คือ งูเดธ แอดเดอร์ Common death adder

Acanthophis antarcticus
Common death adder

งูเดธ แอดเดอร์ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Common death adder (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthophis antarcticus) งูที่มีความเร็วในการฉกสูงที่สุดในโลก จัดเป็นงูที่อันตรายที่สุดของออสเตรเสีย เป็นงูที่ชอบดักชุ่มโจมตีเหยื่อ และเป็นงูที่ฉกได้รวดเร็วที่สุดในโลก โดยมันสามารถฉกครั้งที่ 2 ได้ ภายในเวลา เพียง 0.13 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้พิษของงูเดธ แอดเดอร์มีอันตรายเป็นอย่างมาก ในการฉก 1 ครั้ง มันสามารถปล่อยพิษออกมาได้มากถึง 40 – 100 มิลลิกรัม

ถิ่นอาศัย : งูเดธ แอดเดอร์ มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย พบใดในออสเตรเลียและนิวกินี นิวเซาท์เวลส์ ควีนส์แลนด์ และเซาท์ออสเตรเลีย 

ความอันตราย : งูพิษชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในงูที่อันตรายที่สุดในออสเตรเลียและทั่วโลก พิษของงูเดธ แอดเดอร์ เป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหว หรือขยับร่างกายได้เลย คนที่ถูกงูชนิดนี้กัดจะเสียชีวิตภายใน 6 ชั่วโมง พิษของพวกมันมักทำให้เกิดอัมพาต และทางเดินหายใจล้มเหลว แม้ว่าจะมียาต้านพิษแล้ว แต่พิษก็ยังสามารถทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากยาต้านพิษสามารถชะลอการลุกลามของอาการได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

ลักษณะของงูเดธ แอดเดอร์ : Common death adder มีรูปร่างที่สั้นป้อม มีความยาวเฉลี่ย 40 เซนติเมตร มีหัวรูปสามเหลี่ยมทรงแบน สีลำตัวนั้นก็มีหลากสีสัน ลักษณะพิเศษคือมีเขี้ยวขนาดใหญ่และมี “เหยื่อล่อ” ที่ดูคล้ายหนอนตัวเล็กที่ปลายหาง

เกร็ดความรู้ : Common death adder มีเป็นงูที่ชอบอยู่โดดเดี่ยว และออกหากินในเวลากลางคืน พวกมันเชี่ยวชาญด้านการพรางตัว และสามารถซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้ได้อย่างแนบเนียน พวกมันกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก นก กบ และมันยังเป็นงูที่ชอบกินหรือล่างูด้วยกันเองอีกด้วย

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 9  คือ งูจงอาง King cobra

งูจงอาง ภาษาอังกฤษเรียกว่า King cobra (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ophiophagus hannah) เป็นงูพิษที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวเฉลี่ยถึง 4 เมตร และยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 5.85 เมตร! งูจงอางน่ากลัวมากจนติดอันดับงูที่อันตรายที่สุดในโลกเกือบทุกประเภท งูจงอางถือเป็นสัตว์เลื้อยคลานประจำชาติของอินเดีย แต่ถึงอย่างนั้น งูจงอางก็ถูกคุกคามจากการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย การลักลอบล่าสัตว์เพื่อใช้ในยาแผนจีนด้วยการนำไปดองเหล้า การฆ่างูจงอางถือเป็นความผิดร้ายแรงในอินเดีย โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 6 ปี

ถิ่นอาศัย : งูจงอางพบได้ในบังกลาเทศ ภูฏาน บรูไน กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และพบได้ในประเทศไทย

ความอันตราย : งูจงอางเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุด พิษงูจงอางจะทำลายประสาทเหมือนพิษงูเห่า แต่เกิดอาการรวดเร็วและรุนแรงมากกว่า เพราะมีน้ำพิษปริมาณมาก สามารถปล่อยสารพิษต่อระบบประสาทจำนวนมากออกมาได้เพียงครั้งเดียว พิษของงูจงอางนั้นรุนแรงมากจนสามารถฆ่าช้างได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และสามารถทำให้คนที่ไม่ได้รับการรักษาเสียชีวิตได้ 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ 

ลักษณะของงูจงอาง : King cobra เป็นงูพิษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวประมาณ 3 ถึง 4 เมตร สามารถแผ่แม่เบี้ยได้ ไม่มีลายดอกจันอย่างงูเห่า แต่ทำเสียงขู่คล้ายงูเห่า ลำตัวเรียวยาว ลำตัวสีน้ำตาลแดงอมเขียวเป็นส่วนมาก หรืออาจสีอื่นมีบ้าง ท้องของงูจงอางจะมีสีเหลืองเกือบขาว และตรงคอจะมีสีแดงหรือสีส้ม

อาหาร/พฤติกรรมการกิน : งูจงอางเป็นงูที่กินงูชนิดอื่นเป็นหลัก (รวมทั้งงูพิษด้วย) แต่เมื่ออาหารขาดแคลน งูจงอางก็จะกินจิ้งจก นก และสัตว์ฟันแทะอีกด้วย

เกร็ดความรู้ : เป็นงูที่มีนิสัยดุร้าย ปกติเลื้อยช้า แต่ว่องไวปราดเปรียวเมื่อตกใจ งูจงอางเป็นงูที่ผสมพันธุ์กับคู่ครองเพียงตัวเดียวตลอดชีวิต และงูจงอางนั้นหวงไข่มาก เป็นงูชนิดเดียวที่สร้างรังสำหรับไข่และเฝ้าดูแลกกลูกงูจนกว่าไข่จะฟักออกมาเป็นตัว

งูพิษที่อันตรายที่สุดในโลก อันดับ 10  คือ งูหางกระดิ่งไดมอนด์แบ็ค Eastern Diamondback Rattlesnake

Crotalus adamanteus
Eastern Diamondback Rattlesnake

งูหางกระดิ่งไดมอนด์แบ็ค ภาษาอังกฤษเรียกว่า Eastern Diamondback Rattlesnake (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crotalus adamanteus) งูที่มีพิษมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา งูหางกระดิ่งสายพันธุ์ Eastern Diamondback เป็นงูที่มีขนาดใหญ่และหนักมาก โดยมีน้ำหนักมากถึง 15.4 กิโลกรัม และมีเขี้ยวที่ยาวถึง 1 นิ้ว ซึ่งดูน่ากลัว และหากโดนกัดจะรู้สึกเจ็บปวดมาก

ถิ่นอาศัย : มีถิ่นที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา งูหางกระดิ่งไดมอนด์แบ็ค เป็นงูเฉพาะถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา พบได้ในเขตป่าสนของฟลอริดา ที่ราบชายฝั่งของนอร์ทแคโรไลนา และตอนใต้ของมิสซิสซิปปี้ ไปจนถึงลุยเซียนาตะวันออก

ความอันตราย : งูหางกระดิ่งเมื่อกัดแล้วจะปล่อยพิษครั้งนึงในปริมาณที่เยอะมาก พิษของงูชนิดนี้ซึ่งเรียกว่าเฮโมทอกซิน จะออกฤทธิ์ทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงและทำลายให้เนื้อเยื่อเสียหาย ถึงพิษจะร้ายแรงแต่การเสียชีวิตจากการถูกงูหางกระดิ่งกัดนั้นน้อยมาก เพราะยาแก้พิษงูหางกระดิ่งนั้นหาซื้อได้ทั่วไปในพื้นที่ที่มีงูหางกระดิ่งอาศัยอยู่

ลักษณะของงูหางกระดิ่งไดมอนด์แบ็ค : Eastern Diamondback Rattlesnake เป็นงูพิษที่ยาวที่สุดและหนักที่สุดในอเมริกาเหนือวัดความยาวได้ 2.4 เมตร และหนักสูงสุดถึง 15.4 กิโลกรัม ลำตัวเป็นสีน้ำตาล สีน้ำตาลเหลือง สีน้ำตาลเทา หรือสีเขียวมะกอก มีลวดลายรูปเพชรสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ

อาหาร/พฤติกรรมการกิน : งูหางกระดิ่งกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นหลักและกินนกด้วย ลูกงูจะกินหนูและหนูตะเภา เมื่อตัวโตจะกินเหยื่อที่ใหญ่กว่า เช่น กระต่ายและกระรอก งูหางกระดิ่งจะหาเหยื่อโดยการตามกลิ่น และจากความร้อนที่ปล่อยออกมาจากสัตว์เลือดอุ่น

เกร็ดความรู้ : เมื่อถูกคุกคาม เสียงกระดิ่งที่หางของงูชนิดนี้จะส่งเสียงเตือน คล้าายเสียงของกระดิ่ง ก่อนที่จะเริ่มโจมตี งูหางกระดิ่งชนิดนี้สามารถโจมตีได้ไกลถึงสองในสามของความยาวลำตัว ตัวอย่างเช่น งูที่มีความยาว 6 ฟุตสามารถโจมตีได้ไกลถึง 4 ฟุต การปล่อยพิษออกมาจำนวนมากในแต่ละครั้งที่กัด ทำให้งูหางกระดิ่งเป็นงูที่อันตรายมาก หลังจากโจมตีแล้ว งูหางกระดิ่งค่อนข้างเลือดเย็น เพราะจะปล่อยเหยื่อให้คลานหนี แล้วจะไล่ตามเหยื่อที่มันฆ่าแล้วกินมันเมื่อตายแล้ว

วิธีช่วยเหลือเมื่อถูกงูกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  1. ถ้าถูกงูกัดอย่าเพิ่งตกใจ และมีสติให้มากที่สุด 
  2. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด หรือสบู่ เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  3. ขยับส่วนที่ถูกกัดให้น้อยที่สุด เพื่อลดการไหลเวียนของพิษงู หากขยับตัวบ่อยๆ จะทำให้เลือดสูบฉีดเร็วขึ้น และทำให้พิษงูถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วขึ้น
  4. จัดท่าทางอวัยวะส่วนที่ถูกงูกัดให้ต่ำกว่า หรือระดับเดียวกับหัวใจ
  5. รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด หรือเรียกรถพยาบาลมารับทันที

** ข้อสำคัญ อย่าลืมดูลักษณะของงูที่กัด ว่าเป็นงูอะไร มีพิษหรือไม่มีพิษ หรือถ่ายรูปงูถ้าสามารถทำได้ เพราะหากไปพบแพทย์แต่ไม่รู้ว่าเป็นงูอะไร หมอก็จะไม่สามารถประเมินอาการ และให้เซรุ่มที่ถูกต้องได้

สรุป

งู เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งหลายคนกลัวพิษของมัน แต่งูนั้น ก็มีทั้งชนิดที่มีพิษ และงูชนิดไม่มีพิษ โดยในประเทศไทยมีรายงานการถูกงูพิษกัดประมาณ 7,000-10,000 คนต่อปี ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะ แต่สถิติการเสียชีวิตน้อยมาก เพราะพิษงูบางชนิดนั้นไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต และในปัจจุบันมีเซรุ่มแก้พิษงูแล้ว ถ้าหากปฐมพยาบาลถูกวิธี และหาหมอทันเวลา ก็มีโอกาสรอดสูง ดังนั้นหากใครที่โดนงูกัดแล้วไม่รู้จะทำยังไงดี ลองทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำเลย แล้วคุณจะรอด

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

เปิดประตูสู่โลกใต้ท้องมหาสมุทรกับ 7 สัตว์ทะเล สิ่งมหัศจรรย์ใต้ท้องน้ำ

ใส่ความเห็น