Categories
สัตว์บก

เสือราชันย์แห่งป่า วิวัฒนาการที่มาจากแมว

เสือ ถือว่าเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทวงศ์แมวทุกชนิดอีกด้วย ถูกบันทึกไว้กลุ่มของสิ่งมีชีวิตในวงศ์ฟิลิดี ซึ่งนับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนปกคลุมทั่วร่างกาย และที่สำคัญมันนั้นยังมีหัวใจ 4 ห้อง มีปอดให้หายใจเหมือนกับมนุษย์ น้ำหนักอาจจะมากถึง 180-245 กิโลกรัมได้เลย เสือราชันย์แห่งป่า สัตว์สันโดษ ตัวเมียมีเต้านมไว้ให้สำหรับเลี้ยงลูกอ่อนอีกด้วย เสื้อมีฟันกรามที่คมเหมือนมีดไว้สำหรับกินเนื้อกินอาหาร และยังมีฟันกรามข้างหน้าที่ทำหน้าที่บดเคี้ยว แถมยังมีประสิทธิภาพในการวิ่งสูงมาก เนื่องจากมีกระดูกสันหลังที่ยืดหยุ่น สามารถกระโจนและมีนิ้วเท้า 5 นิ้ว พร้อมกับเล็บที่แหลมคมนั้นนับว่าเป็นสัตว์ที่กินเนื้อ และปรากฏครั้งแรกในโลกเมื่อประมาณ 65 ห้าล้านปีก่อน ที่เรียกได้ว่าสัตว์ป่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นเหยื่อของพวกมัน 

เสือราชันย์แห่งป่า เอกลักษณ์ที่เด่นกว่าสัตว์ชนิดอื่นในพงไพร

เสือราชันย์แห่งป่า

เสือนับว่าเป็นสัตว์ที่โดดเดี่ยวมากที่ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่ภายในป่า นอกจากจะต้องการผสมพันธุ์เท่านั้น เสือถึงจะมาอยู่กันเป็นคู่ โดยเสือตัวเมียนั้นจะเรียกร้องความสนใจด้วยการส่งเสียงดังๆ เพื่อให้เสือตัวผู้นั้นสนใจ เริ่มผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 2-8 ปี ด้วยระยะตั้งครรภ์ของเสือจะอยู่ระหว่าง 55-119 วันกันเลยทีเดียว บางคอกอาจจะออกลูกได้ตั้งแต่ 1-6 ตัว โดยเสือราชันย์แห่งป่า มีหลายสายพันธุ์มาก ซึ่งการสืบพันธุ์นั้นก็สามารถทำได้แค่เฉพาะพันธุ์เดียวกัน เสือต่างสายพันธุ์จะไม่สามารถผสมหรืออยู่ร่วมกันได้ ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งกระบวนการของวิวัฒนาการของสัตว์สันโดษ ทั้งนี้ในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลากหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น

เสือราชันย์แห่งป่า
  • เสือชีต้า เป็นเสือเล็กชนิดหนึ่ง ที่ไม่สามารถส่งเสียงคำรามได้ แต่มันสามารถวิ่งเร็วได้ถึง 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับว่าเป็นสัตว์บกที่วิ่งเร็วมากที่สุดในโลก
เสือราชันย์แห่งป่า
  • เสือพูม่า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา เสือพูม่านั้นจะสามารถไล่เหยื่อได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์มีกีบ สัตว์ฟันแทะ ส่วนใหญ่จะพบมากในทวีป ยุโรป และที่ ทวีปอเมริกานั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
เสือราชันย์แห่งป่า
  • เสือดาว จัดอยู่ในประเภทของเสือขนาดใหญ่รองลงมาจากเสือโคร่ง พบได้ตามทวีปแอฟริกา อินเดีย เอเชีย เสือดาวนั้นนับว่ามีเพียง 25% เท่านั้นที่จะอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจา เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่และขาค่อนข้างสั้น ภัยคุกคามที่ทำให้เสือดาวได้เสี่ยงต่อการสูญเสียคือการไม่มีที่อยู่อาศัยจากการรุกล้ำของมนุษย์
เสือราชันย์แห่งป่า

เสือราชันย์แห่งป่านับว่าเป็นสัตว์ที่ถูกขึ้นบัญชีให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เนื่องจากมีความตระหนักเห็นว่า มีจำนวนที่ลดน้อยลง และยังถูกมนุษย์ไล่ล่าอย่างหนัก เพื่อจะเอาหนังไปทำเครื่องประดับรวมไปถึงทำเครืองรางต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันนับว่าเป็นสัตว์ที่คุณอาจจะพบได้ยาก เนื่องจากมีจำนวนที่หลงเหลืออยู่ตามประเทศไทย และทั่วโลกน้อยมาก พวกมันจะคอยหลบหนีมนุษย์ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ความรู้

สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ที่อายุมากกว่าไดโนเสาร์

หลายๆ คนคงจะทราบกันดีว่าในโลกมนุษย์ของเรานั้น มียุคดึกดำบรรพ์ที่มีสัตว์โลกขนาดใหญ่มากมาย อาศัยอยู่ด้วยกัน กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุอุกกาบาตชนโลก เลยทำให้สัตว์พวกนี้นั้นหายไปจากโลกของเราตลอดกาล เรียกยังไงว่าสูญพันธุ์นั่นเอง แต่ก็ยังมีสัตว์บางชนิดที่หลงเหลืออยู่บางประเภท ที่สามารถปรับตัวและอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ในปัจจุบันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ เสี่ยงสูญพันธุ์ เหล่านี้อาจจะมีอายุมาก เนื่องจากมีการดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อนๆ ก่อนที่จะมาถึงยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน และ สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ที่มีอายุอยู่ในโลกใบนี้ ส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่ใหญ่โตและมีลักษณะแปลกจากสัตว์ประเภทอื่น ที่ปรากฏให้เราได้เห็นกันอยู่เป็นประจำ

สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ วิวัฒนาการที่ มหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิต

ทุกคนอาจจะเข้าใจว่าไดโนเสาร์นั้น ได้สูญหายไปจากโลกใบนี้ แล้วแต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกมันไม่ได้หายไป แค่เปลี่ยนแปลงรูปร่างกลายเป็นนก หรือกลายเป็นสัตว์อื่นๆ เรียกอีกอย่างว่าการปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับอากาศสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบันนั่นเอง ยกตัวอย่างประเภทสัตว์ที่อาจจะมีอายุยืนนาน และดำรงอยู่บนโลกมนุษย์มาได้อย่างยาวนาน และสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์อาจจะคงอยู่กับเราไปตลอดกาล

  • ปลาสเตอร์เจียน 
สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์

เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายกับปลาฉลาม บริเวณที่หลังและหัว รวมไปถึงเส้นข้างลำตัวจะมีหนามแหลมไว้ป้องกันตัวเอง และมีหนวดทั้งหมดสองเส้น อยู่บริเวณปลายจมูก เป็นสัตว์ที่ไม่มีเกร็ด ภายในปากก็ไม่มีฟันและตาก็มีขนาดเล็กมาก หนวดปลาชนิดนี้จะมีหน้าที่สัมผัส และรับคลื่นกระแสไฟฟ้าขณะที่กำลังว่ายน้ำนั่นเอง เพราะพวกมันไม่สามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ใต้ลำตัวได้ ตัวมันนั้นอาจจะมีขนาดใหญ่ถึง 5 เมตร และน้ำหนักตัวมากกว่า 600 กิโลกรัม โดยสามารถอยู่ได้ทั้งในน้ำเค็ม น้ำจืด และน้ำกร่อยเลย เรียกว่าปรับตัวได้ดี มันจึงมีชีวิตรอดมาถึงยุคนี้

  • แมลงสาบ
สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์

นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้กับมนุษย์มากที่สุด และเป็นสิ่งที่หลายคนนั้นอาจจะไม่ชอบมันนัก เป็นสิ่งสกปรก โดยแมลงสาบนั้นสามารถบินได้ มีทั้งแบบมีปีกและไม่มีปีก หากินตามพื้นช่วงเวลากลางคืน นักวิทยาศาสตร์ได้คาดคะเนไว้ด้วยว่า หากเกิดสงครามที่มนุษย์หายไปจากโลก แมลงสาบคือสิ่งมีชีวิตสุดท้ายที่อยู่บนโลกใบนี้ เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่อึด และตายยากมาก

  • หอยงวงช้าง
สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์

หอยชนิดนี้นั้นอยู่บนโลกมาก่อนไดโนเสาร์ มันชอบใช้ชีวิตอยู่ในทะเลอันดามัน และในแถบมหาสมุทรอินเดีย ร่างกายของหอยปกคลุมไปด้วยเปลือกหลายชั้นและมีหนวดยาวเกือบ 100 เส้น ใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากนักล่าและต่อสู้ โดยหอยงวงช้างจะเคลื่อนไหวและมีการพ่นน้ำออกมาท่อไซฟอนเหมือนกับพวกปลาหมึก มีอายุราวๆประมาณ 350,000,000 ปีเลยทีเดียว

สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีความอัศจรรย์ และมีการเจริญเติบโตสืบพันธุ์ที่แตกต่างจากสัตว์ทั่วไป ที่สำคัญในโลกของเราบางประเภท ก็ยังมีการอนุรักษ์สัตว์ชนิดนี้เอาไว้ และบางประเภทก็อาจจะเกิดการเสี่ยงต่อการหายไปจากบนโลกแบบถาวร

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำเค็ม

เต่าทะเล วิวัฒนาการที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรได้ตลอดเวลา

เต่าทะเล ถือว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง ที่มีมนุษย์เคยค้นพบเมื่อสมัย 130 ล้านปีก่อน แถมยังเคยพบซากโบราณฟอสซิลก่อนหน้านั้นไม่น้อยกว่า 200,000,000 ปี โดยส่วนใหญ่นั้น จะพบในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่น รวมไปถึงทะเลทั่วโลก มีมากมายหลากหลายชนิดให้คุณสามารถพบเจอได้ แต่ในประเทศไทยนั้นพบเต่าทะเลเพียง 5 ชนิดเท่านั้น โดยมีเต่าบางชนิดที่ไม่เคยพบขึ้นวางไข่ในประเทศไทย เลยในตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงในการสูญพันธุ์นั่นเอง เต่าทะเลถือว่าเป็นสัตว์ที่ชอบเดินทางอยู่เป็นประจำ เพราะเต่าทะเลเป็นสัตว์น้ำอนุรักษ์ ชอบว่ายน้ำหาแหล่งกินแบบไกลบ้าน เพื่อจะผสมพันธุ์และเลือกแหล่งวางไข่แถวชายหาด เมื่อพวกมันวางไข่เสร็จสิ้นจะหายไปเลย รีบคลานลงหาดทรายในเวลาค่ำคืนไปในมหาสมุทรลึก เพื่อหนีศัตรูตามธรรมชาติ ถือว่าเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร เพราะลูกเต่าจากไข่จะมีโอกาสรอดเพียง 1 ใน 1,000 ตัวเท่านั้น

เต่าทะเล ลักษณะจำเพาะที่น่าสนใจ

เต่าทะเล

เต่าทะเลเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลได้ตลอดเวลา เป็นส่วนช่วยทำให้ระบบนิเวศของแนวปะการังนั้น อยู่ในความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้ และทำให้ปะการังมีสุขภาพที่ดี แถม เต่าทะเลสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ยังมีบทบาทสำคัญ ในการรักษาความเป็นสมดุลของห่วงโซ่อาหาร ภายในมหาสมุทรได้อีกด้วย ในปัจจุบันนับว่ามนุษย์ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน เนื่องจากจำนวนเต่าทะเลทั่วโลกนั้นได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก โดยเต่าทะเลนั้นเป็นระบบนิเวศให้แก่ตัวของมันเอง พวกมันจะหาแหล่งที่อยู่อาศัยให้แก่สัตว์อื่นๆ และเป็นตัวช่วยสร้างสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างสายพันธุ์ต่างๆได้อีกด้วย เช่น บน กระดองของเต่าทะเลบางชนิด จะมีแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์เลยทีเดียว มีลักษณะเหมือนกับสัตว์ร้ายเลื้อยคลานทั่วไป แต่อาจมีความแตกต่างหลายอย่าง ช่น 

เต่าทะเล
  • กระโดงของเต่าทะเล สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ จะเป็นเกร็ดปกคลุมร่างกาย เพราะจะทำให้มีวิวัฒนาการที่สามารถว่ายน้ำ และมีรูปทรงเป็นรูปวงรี รูปหัวใจด้วย
  • ขาและหัวของเต่าทะเลนั้น ไม่สามารถที่จะหดไปในกระดองของมันได้ 
  • เต่าทะเลบางตัว สามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรได้ระยะเวลากว่า 100 ไมล์ และว่ายน้ำได้เร็วถึง 35 กม.ต่อชั่วโมงกันเลยทีเดียว 
  • เต่าทะเล สัตว์น้ำอนุรักษ์ นั้นมีลำไส้ที่มีขนาดใหญ่มาก เพื่อช่วยในการย่อยอาหารได้ดี
  • มีจำนวนไขมันมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานจำพวกอื่น เพื่อจะทำให้พวกมันนั้น มีความอบอุ่นแก่ร่างกายอยู่เสมอ
เต่าทะเล

เต่าทะเลนับว่าเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน แต่พวกมนุษย์นั้นชอบจะจับทะเลมาโดยบังเอิญ และส่วนมากก็จะนำไปรับประทาน หรือนำกระดองไปทำเครื่องประดับ ซึ่งมีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ไปอย่างมาก และอย่างที่เรากล่าวไปว่าการวางไข่ของ เต่าทะเลรักษาความสมบูรณ์ของมหาสมุทร  แต่ละหนึ่งรอบ อาจจะมีความเสี่ยงในการรอดที่น้อยนิด ในตอนนี้หลากหลายประเทศจึงมีโครงการอนุรักษ์เพาะพันธุ์เต่าทะเล รวมไปถึงออกกฎหมายเพื่อปกป้องอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์บก

สิงโต สัตว์ดุร้ายที่อยู่ในตระกูลแมว

สิงโต เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักอย่าง แมว เห็นได้จากรูปร่างและหน้าตาของมันจะมีความคลับคล้ายคลับคลากับแมว ไม่ว่าจะเป็น มีขา 4 ขา มีหาง มีหู 2 หู มีหนวดตรงใบหน้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลักษณะที่เหมือนแมวทั้งหมด เพียงแต่สัตว์ที่มีหน้าตาดุร้ายนี้ถูกสร้างมาให้มีพละกำลังที่แข็งแรง มีร่างกายที่ทรงพลังและปราดเปรียวมากกว่าแมวหลายเท่า ขนาดลำตัวของมันมีขนาดไล่เลี่ยกันกับเสือโคร่ง จึงไม่แปลกที่แมวประเภทนี้จะเป็นผู้ล่าอันดับ 1 ของห่วงโซ่อาหาร นอกจากนี้ สิงโตยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่นเดียวกันกับแมวอีกด้วย

สิงโต เจ้าแห่งผืนป่า

สิงโต

หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า สิงโตเจ้าป่า เนื่องจากสัตว์ประเภทนี้ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งผืนป่า เป็นสัตว์ตระกูลแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พบได้มากในทวีปแอฟริกา ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ระดับน้ำทะเลไปจนถึงระดับสูง 3,000 เมตร คำว่า เจ้าป่า ฉายาที่หลายคนใช้เรียกแทนเจ้าสิงโต นั่นก็เพราะว่าสัตว์จำพวกนี้ชอบอยู่กันเป็นฝูง ไปไหนมาไหนเป็นครอบครัว โดยสิงโตตัวผู้หนึ่งตัวจะมีเมียหลายตัว หรือสิงโตตัวเมียหนึ่งตัวอาจจะมีตัวผู้หลายตัวก็ได้ ไม่ได้มีผัวเดียวเมียเดียว โดยเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์สิงโตจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานถึง 2 สัปดาห์ สิงโตตัวเมียจะตั้งท้องอยู่ประมาณ 4 เดือน ลูกที่สิงโตตัวเมียคลอดออกมาจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัมโดยประมาณ

สิงโต

โดยสิงโต คลอดลูกครอกละ 2-6 ตัว สิงโตตัวเมียจะมีหน้าที่ช่วยกันดูแลลูกๆ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นลูกของตัวเอง แต่หากลูกมาจากสิงโตตัวผู้ตัวเดียวกัน ตัวเมียก็จะช่วยกันเลี้ยงเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทันทีที่ลูกสิงโตเกิดใหม่จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สิงโตตัวเมียจึงต้องพาลูกอ่อนของมันไปซ่อน เพราะลูกสิงโตอาจจะโดนสิงโตตัวผู้ที่ไม่ช่พอของมันเองฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหารได้ สถิติย้อนหลังพบว่าลูกสิงโตในวัยแรกเกิดมีโอกาสรอดชีวิตเพียงร้อยละ 50 จากจำนวนทั้งหมด เพราะ แม้ว่าแม่ของมันจะพาลูกไปซ่อนในที่ลับแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาออกหากินสิงโตตัวเมียก็จำเป็นจะต้องทิ้งลูกไว้เพียงลำพัง จนบางครั้งอาจมีไฮยีน่าหรือหมาป่า ได้กลิ่นลูกของมัน และจับกินลูกสิงโตเป็นอาหาร

สิงโต

เมื่อลูกสิงโตมีอายุได้ราวๆ 3 เดือนจะเริ่มวิ่งเล่น และเมื่ออายุได้ 5 เดือน จะเริ่มฝึกล่าเหยื่อ โดยได้รับการฝึกฝนจากพ่อและแม่ของมัน วิธีการฝึกฝนการล่าเหยื่อของสิงโตคือ พ่อหรือแม่จะต้อนเหยื่อเพื่อให้เข้าใกล้ลูก หลังจากนั้นลูกมันก็จะฝึกฆ่า โดยเหยื่อที่ว่าจะเป็นเหยื่อขนาดเล็กเพื่อไม่ให้ลูกตกใจ หรือยากต่อการฝึกฝน เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ สิงโตเหล่านั้นก็จะเป็นนักฆ่าอย่างเต็มตัว โดยสิงโตจะโตเต็มที่เมื่อมีอายุได้ 2 ปี สิงโตมีอายุยืนถึง 30 ปี ถ้าได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เช่น สิงโตที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ แต่หากเป็นสิงโตที่ใช้ชีวิตอยู่บนผืนป่า ไม่มีมนุษย์คอยดูแล จะมีอายุสั้นกว่า อาจจะ 10-20 ปี เนื่องจากเมื่อสิงโตมีอายุมากก็จะค่อยๆ หมดเรี่ยวแรงในการล่าเหยื่อ และไม่มีใครคอยล่าเหยื่อให้มันกิน จนเกิดอดอยากและสิ้นใจในที่สุด

สิงโต

โดยสิงโตชอบออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืน โดยเฉพาะเวลาที่มีพายุ ส่วนเวลากลางวันจะเป็นเวลาพักผ่อนของมัน สิงโตมักจะนอนใต้ต้นไม้หรือกลางทุ่งหญ้า ขณะนอนพักมันจะใช้เวลาในการสังเกตพฤติกรรมของเหยื่อโดยไม่คิดทำร้าย แต่เมื่อถึงเวลาเหยื่อเหล่านั้นก็จะตกไปอยู่ในท้องของพวกมัน ความโดดเด่นของสิงโตที่ต่างจากสัตว์อื่นๆ คือ มีความสูงประมาณ 1 เมตร ลีลาการเดินมีความสง่า ผ่าเผย มีฟันที่แข็งแรง ซึ่งจะเห็นได้จากการที่มันทึ้ง กัด และฉีกเหยื่อเป็นชิ้นๆ ขากรรไกรของสิงโตสามารถขบศีรษะของเหยื่อจนแตกละเอียดได้ และด้วยความที่สิงโตเป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน สายตาของมันจึงมีความแหลมคม สามารถมองเห็นเหยื่อที่อยู่ไลกได้ แม้ในกลางคืน 

การล่าเหยื่อที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติ

สิงโต

เจ้าป่า หรือ สิงโตจะเป็นสัตว์ที่มีกลิ่นแรง ถึงแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลกันก็ยังสามารถได้กลิ่นของสิงโตได้ ดังนั้นสิงโตจึงมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว หรืออาจเรียกว่าความชาญฉลาดของมันก็ได้ นั่นก็คือสิงโตจะมีความสามารถในการซ่อนและพรางตัวไม่ให้เหยื่อเห็นได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าสัตว์อื่นๆ แต่ไม่วายจะโดนจับได้ เนื่องจากสัตว์อื่นๆ อาจได้กลิ่นของมัน ดังนั้นมันจึงนิยมออกล่าเหยื่อในเวลามีพายุ เพื่อจะให้ลมเป็นตัวช่วยในการหาเหยื่อ โดยมันจะไปกันเป็นฝูง และจะหมอบอยู่ใต้ลม ให้ลมพัดเข้าหามัน การกระทำดังกล่าวจะทำให้สัตว์อื่นไม่ได้กลิ่นของมัน แต่มันยังคงได้กลิ่นสัตว์อื่นอยู่เช่นเดิม โดยปกติสิงโตชอบล่าเหยื่อตามทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง หรือตามแอ่งน้ำ สัตว์ที่สิงโตโปรดปรานส่วนมากจะเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ม้าลาย ละมั่ง หมูป่า ควาย ส่วนสัตว์เล็กที่สิงโตกิน ได้แก่ ลิง กระต่าย หนู เป็นต้น ด้วยความที่สัตว์อื่นๆ ถูกมองว่าเป็นเหยื่อของสิงโตทั้งหมด ดังนั้นก็ถือเป็นฉายาที่เหมาะสมแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์บก

ยีราฟ สัตว์เคี้ยวเอื้องลำตัวสูง

ยีราฟ เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีความสูงเฉลี่ยมากถึง 5.5 เมตร ถือเป็นสัตว์บกที่มีความสูงที่สุดในโลก เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ Giraffidae ลักษณะเด่นของยีราฟทีต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ คือ มีขายาว ส่วนตัวยาว และลำคอยาว มีเขา 1 คู่ มีความสูงมากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะตัวผู้ที่มีความสูงเฉลี่ย 4.8 ถึง 5.5 เมตรมีน้ำหนักตัวมากถึง 900กิโลกรัม ส่วนตัวเมียมีขนาดและความสูงน้อยกว่าตัวผู้เล็กน้อย ตัวมีสีเหลืองผสมสีน้ำตาลเข้มเป็นลาย มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา หากเป็นยีราฟในทวีปแอฟริกาจะมีความสูงมากกว่ายีราฟในพื้นที่อื่นๆ

ยีราฟ สัตว์คอยาวที่เป็นสีสันของสวนสัตว์หลายที่บนโลก

ยีราฟ

หลายคนคงรู้จักสัตว์คอยาวชนิดนี้เป็นอย่างดี เพราะในสวนสัตว์เกือบทุกที่ก็จะมียีราฟที่ถือเป็นสีสันของสวนสัตว์นั้นๆ รวมทั้งยังเป็นที่ชอบใจของเด็กๆ อีกด้วย ยีราฟมีลักษณะที่เด่นชัดคือ มีคอยาวและมีลำตัวที่สูง เรียกได้ว่าเป็นสัตว์บกที่สูงที่สุดในโลก โดยเฉพาะยีราฟแอฟริกา หากเป็นยีราฟในทวีปแอฟริกาจะมีความสูงมากกว่ายีราฟในพื้นที่อื่นๆ นอกจากจะมีคอและลำตัวยาวแล้ว ลิ้นของมันก็มีความยาวไม่แพ้กัน ยีราฟมีลิ้นยาวถึง 50 เซนติเมตร ทำให้ยีราฟสามารถกินได้ทั้งหญ้า รวมถึงสามารถกินพุ่มไม้ที่อยู่สูง ได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากลิ้นจะยาวแล้วยังมีความหนาสากอีกด้วย สามารถกินพืชที่มีหนามแหลม มีรสฝาด ได้อย่างสบายๆ โดยไม่เกิดอันตรายต่อตัวยีราฟเอง เพราะสามารถทนต่อสารพิษจากพืชได้ในระดับหนึ่ง ยีราฟทั่วโลกมีท้งหมด 4 ชนิด ดังนี้

ยีราฟ
  • Giraffe camelopardalis (ยีราฟนูเบีย)
  • Giraffe reticulata (ยีราฟลายร่างแห, ยีราฟโซมาลี)
  • Giraffe tippelskirchi (ยีราฟมาไซ)
  • Giraffe giraffa (ยีราฟแอฟริกาใต้)

โดยทั้ง 4 สายพันธุ์ข้างต้น แบ่งออกด้วยการลำดับ DNA โดยทั้ง 4 สายพันธุ์ไม่ได้มีการข้ามสายพันธุ์มากว่า 1-2 ล้านปีแล้ว ความพิเศษของสัตว์ที่สูงที่สุดในโลกชนิดนี้คือ ยีราฟมีหัวใจที่หนักถึง 10 กิโลกรัม ด้วยความที่เป็นสัตว์บกที่มีตัวสูงที่สุดในโลก ทำให้ต้องมีหัวใจขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 10 กิโลกรัม เพื่อให้เลือดสูบฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้ดีโดยยีราฟสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้มากกว่ามนุษย์ถึง 3 เท่า 

ยีราฟสัตว์ที่สร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติ

ยีราฟ

ด้วยความที่ยีราฟ มีลำตัวที่สูงและมีคอยาว โดยช่วงลำคอของยีราฟจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าช่วงอื่นๆ สามารถใช้ป้องกันตัวเองจากสัตว์ที่มีอันตรายได้ ยีราฟมีหัวใจที่หนักถึง 10 กิโลกรัม เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ยีราฟเป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรงสูง สามารถเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี สีของยีราฟที่มีทั้งสีส้มสีเหลืองและสีน้ำตาลผสมกันนั้น ยังเป็นประโยชน์กับการดำรงชีพเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถใช้อำพรางตัวเพื่อหลบหนีศัตรูได้ ถือเป็นสัตว์ที่สร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลาฉลาม สัตว์ที่ถือกำเนิดมาอย่างยาวนาน

ปลาฉลาม นับว่ามีอาวุโสสูงกว่าไดโนเสาร์ถึง 200 ล้านปี โดยฉลามตัวแรกของโลก ถือกำเนิดในทะเลตั้งแต่ 400 ล้านปีก่อน ปลาฉลาม ปลาที่ใหญ่ที่สุดในทะเล โดยเฉพาะในอดีตที่ฉลามมีลำตัวยาวถึง 40 เมตร แม้ว่าในปัจจุบันฉลามจะมีลำตัวยาวแค่ 0.15 ถึง 12 เมตรก็ตาม มันก็ยังเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในทะเล ไม่นับรวมกับปลาวาฬเพราะปลาวาฬจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 

ปลาฉลาม ผู้รักษาสมดุลแห่งท้องทะเล

ปลาฉลาม

ฉลามเป็นปลากระดูกอ่อนที่มีความหลากหลายสูง ซึ่งบนโลกใบนี้มีฉลามมากกว่า 500 ชนิด แบ่งได้เป็น 8 กลุ่มใหญ่ๆ เนื่องจาก ปลาฉลาม มีหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไปด้วย บางชนิดก็อาศัยอยู่ในเฉพาะน้ำเย็น และบางชนิดก็ชอบที่จะอาศัยในน้ำอุ่น ฉลามบางตัวอาจจะเดินทางท่องโลกแต่บางตัวก็มีนิสัยขี้ขลาดอยู่เฉพาะบริเวณที่ตัวเองเกิด ปลาฉลาม โตช้ากว่าปลากลุ่มอื่นๆ การเจริญเติบโตของฉลามต้องใช้เวลาหลายปี บางสายพันธุ์อาจใช้เวลาถึง 15 ถึง 20 ปี ความสำคัญของปลาฉลาม คือ น่านน้ำแห่งไหนที่มีปลาฉลามอาศัยอยู่ก็จะเป็นหลักประกันความสมดุลทางโครงสร้างของน่านน้ำแห่งนั้น เพราะ ปลาฉลาม เป็นนักล่าลำดับสูงสุด มีหน้าที่กำจัดพวกปลาที่มีความเชื่องช้าหรือป่วยใกล้ตาย ให้หมดไปจากน่านน้ำแห่งนั้น ช่วยรักษาและคัดสรรอื่นๆ ให้มีความแข็งแรง รวมทั้งยังช่วยรักษาสมดุลย์ประชากรในทะเลให้อยู่ในระดับพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจนเกิดความเสียหายให้กับน่านน้ำนั้นๆ

ปลาฉลาม

การมีฉลามอยู่ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลเป็นอย่างยิ่ง หากทะเลแห่งไหนไม่มีฉลาม สิ่งที่ตามมาก็คือห่วงโซ่อาหารในทะเลแห่งนั้นจะเกิดความพังพินาศ เพราะเมื่อผู้ล่าสูงสุดแห่งท้องทะเลสูญหายไปสิ่งที่ตามมาก็คือผู้ล่าระดับรองรองจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนทำให้เกิดการล่าปลากินพืชมากขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งนำไปสู่สภาวะปะการังเสื่อมโทรมและจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศโดยรวมครั้งใหญ่ในที่สุด ความสำคัญของฉลามต่อท้องทะเลนั้นเป็นความสำคัญที่มีความยิ่งใหญ่มหาศาล จนเกิดเป็นคำพูดว่า ฉลามมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลไม่ต่างอะไรกับการที่มีเสือดำรงชีวิตอยู่ในป่า ในปัจจุบันคนเราได้ประโยชน์จากฉลามมากมายนอกจากฉลามจะทำหน้าที่ดูแลระบบนิเวศทางทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว อวัยวะแทบทุกส่วนของฉลามก็ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เช่นกัน จึงทำให้หากฉลามเกิดการสูญพันธุ์ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ประหลาดใจสักเท่าไหร่

ฉลาม สัตว์ที่ปลอดมะเร็ง

ปลาฉลาม

ด้วยร่างกายอันกำยำ หน้าตาอันโหดร้าย และพลังทั้งหมดคือฉลามมี ก็คงจะทำให้หลายคนทราบดีว่า ฉลาม เป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง มากไปกว่านั้นการวิจัยได้เผยให้เห็นว่า ปลาฉลาม เป็นสัตว์ที่ปลอดมะเร็ง จากการสำรวจพบว่า ฉลามไม่เป็นมะเร็งเลย นักชีวเคมีได้สันนิษฐานและกล่าวไว้ว่า ต่อมในตัวฉลาม จะต้องมีฮอร์โมนพิเศษบางชนิดที่เมื่อขับออกมาแล้วทำให้ตัวฉลามปลอดมะเร็ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
แมลง

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก หนึ่งในสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก ที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบนัก แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก ชอบที่สกปรก  หนึ่งในสัตว์ปีกที่คุณควรทำความรู้จัก

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการน่าเหลือเชื่อ

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก

สัตว์สกปรกที่เป็นต้นกำเนิดสารก่อภูมิแพ้ นั้นก็คือแมลงสาบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผู้ป่วยภูมิแพ้ บางคนนั้นอาจจะมีผื่นขึ้น และเมื่อได้รับสารกระตุ้นมากเกินไป ก็จะเกิดการอักเสบและหลังเคมีต่างๆ ออกมาแสดงอาการที่อวัยวะอื่นได้ ถือว่าเป็น แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์  ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าแมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก เป็นสัตว์ที่มาตั้งแต่หลายร้อยล้านปีก่อนที่จะมีมนุษย์เสียอีก โดนแมลงสาบนั้นถือว่าเป็นแมลงที่วงจรชีวิตไม่สมบูรณ์คือไม่เป็นหนอนและดักแด้ กระจายพันธุ์ไปได้ทั่วโลก และนำมาเป็นสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคชนิดหนึ่งด้วย ปัจจุบันพบมากกว่า 9,000 สกุลและ 4,500 ชนิด นอกจากนี้แมลงสาบมาดากัสการ์นั้น ก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่สามารถนำมาใช้เลี้ยงดู ที่มนุษย์นิยมกันอีกด้วย

ลักษณะโดยทั่วไปที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

แมลงสาบนั้น ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาจจะทำให้มนุษย์พบเจอกับความขนลุก และไม่ค่อยชอบมันนัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่น่าเหลือเชื่อของโลกใบนี้ และคุณจะเข้าใจว่าเป็นสัตว์ที่อาจจะมีอายุสั้น แต่จริงๆ แล้วพวกอึดและตายยากมาก วันนี้เราจะทำให้คุณได้รู้จักลักษณะอื่นๆ ของแมลงสาบที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก
  1. แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก กินไม่เลือก ทานได้ทุกประเภทเลย ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ แต่ส่วนมากน่าจะชอบกินซากสัตว์ของแมลงที่ตายแล้ว รวมไปถึงเสมหะ อุดจาระ รวมไปถึงน้ำลายอื่นๆ และพวกแมลงสาบนั้น ชอบกินอาหารและถ่ายอุจจาระออกมาตลอดทางที่มันได้เดินผ่านไป
  2. มันจะอยู่อาศัยร่วมกันเป็นกลุ่ม ในบริเวณที่มืดและมีความอบอุ่น หรือบริเวณที่มีความชื้นสูงมาก เช่น ตามซอกตึก โรงเรือนเพาะชำต้นไม้ ฯลฯ
  3. แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ สามารถเคลื่อนไหวได้แบบอิสระ ปกติจะมีปีกเจริญ 2 คู่ ปีกคู่แรกจะแข็งแรงกว่าปีกคู่หลัง แมลงสาบมีขาถึง 3 ขา คู่หน้าของแมลงสาบจึงวิ่งเร็วมาก บางชนิดบินได้และมีที่บินไม่ได้
  4. ตาของแมลงสาบสามารถมองได้ถึง 360 องศา มันจึงสามารถหนีได้ แถมยังปรับระยะใกล้ไกลได้อีกด้วย แต่มันนั้นจะมองไม่เห็น หากสิ่งนั้นเป็นสีแดง
  5. ถ้า แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก ชอบที่สกปรก หงายท้องมันตายได้เลย เพราะหากมันกลับตัวขึ้นมานั้น มันจะเป็นเรื่องยากที่จะพลิกกลับ ทำให้ต้องใช้พลังงานและความพยายามในการบิดขาและลุกขึ้น จึงทำให้แมลงสาบส่วนใหญ่เราจะต้องตายนั่นเอง
แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เป็นสัตว์ตัวเล็กและมีโครงสร้างภายนอกที่ยืดหยุ่นสูงมากซึ่งจะทำให้พวกมันนั้นซ่อนตัวในที่แคบได้อย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่าอันตรายหรือมีภัยมาก ทางระบบนิเวศและสถาบันสรีระวิทยาพืชนั้นระบุว่าแมลงสาบมียีนที่สามารถถอนพิษได้ และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงและคุ้มกันให้พวกมันนั้น ช่วยสร้างแขนขาขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่า แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก จะเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่ในสถานที่สกปรกหรือมีผิดอาหารเน่าหรือทำให้มันโดนทับจนแบนโดนเหยียบก็ไม่สามารถทำให้พวกมันตายได้นั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ: