Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

“พะยูน” ดุหยงน้อยแห่งทะเลแดนใต้

กันยายน 2020

ไม่นานมานี้คุณอาจเคยได้ยินข่าวคราวของลูกพะยูนน้อยน่าสงสารที่พลัดหลงจากแม่ ในตอนที่พายุพัดเข้าไปยังชายฝั่งทะเลของจังหวัดกระบี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับฝูงพะยูนของประเทศไทย หลายๆ คนอาจจะรู้จักว่าพะยูนเป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้จะสูญพันธุ์ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเจ้าพะยูนน้อยเหล่านี้เป็นสัตว์ทะเลที่มีความงดงามไม่แพ้สัตว์ทะเลชนิดอื่นเลย

พะยูน หรือ ดุหยง ที่แปลว่าหญิงแห่งท้องทะเล

ประวัติพะยูน

พะยูน หรือ ที่คนใต้เรียกว่า “ดุหยง” เป็นภาษามลายู มีความหมายว่า หญิงสาวแห่งท้องทะเล เป็นสัตว์ทะเลเขตน้ำอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม พวกมันมีลำตัวคล้ายโลมาผสมกับแมวน้ำ มีลำตัวสีเทาออกชมพู หรือสีน้ำตาลเทา มีครีบอยู่ทั้ง 2 ข้างของลำตัวที่ช่วยพวกมันว่ายน้ำ มีตาที่เล็ก และมีขนขึ้นอยู่โดยรอบริมฝีปาก ส่วนพะยูนตัวผู้จะมีฟันคู่หนึ่งงอกออกมาเมื่อโตเต็มที่

พะยูนจะออกลูกได้เพียงครั้งละ 1 -2 ตัว พวกมันเป็นสัตว์สงวนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ที่ห้ามค้าขายโดยเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัย หรือเพื่อเพาะพันธุ์เท่านั้น แม้พะยูนเป็นสัตว์ทะเล ว่ายน้ำได้ แต่พวกมันไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นปลาตามที่หลายคนเข้าใจ พะยูนหายใจด้วยปอด และถือเป็นญาติห่างๆ ของช้างด้วย

ของเสียจากพะยูนเป็นปุ๋ยและอาหารชั้นดีต่อระบบนิเวศ

ประโยชน์ของพะยูน

พะยูนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศมากกว่าที่คุณคิดหลายเท่านัก เพราะเจ้าพะยูนเหล่านี้กินหญ้าทะเลเป็นอาหาร พวกมันปล่อยของเสียออกมาที่สามารถเป็นทั้งปุ๋ย และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลตัวเล็ก ๆ ตามแนวชายฝั่ง ปุ๋ยจากพะยูนจะช่วยให้หญ้าทะเลเติบโตได้ดี และหญ้าทะเลเหล่านี้จะสามารถช่วยเป็นเกราะกำบังการพังทลายของแนวชายฝั่ง รวมถึงเป็นบริเวณที่ช่วยอนุบาลสัตว์ทะเลขนาดเล็กก่อนที่จะได้เติบโตไปผจญโลกกว้าง ประโยชน์ของพะยูนอาจจะดูไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่หากไม่มีพะยูนระบนิเวศบริเวณชายฝั่งจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

พะยูนในไทย

น่าเศร้าที่จากการสำรวจล่าสุด จำนวนประชากรพะยูนในไทยเหลืออยู่เพียงประมาณ 240 ตัวเท่านั้น ก่อนหน้าที่พะยูนจะได้รับการคุ้มครองเป็นสัตว์ป่าสงวน จำนวนของพะยูนได้ลดลงอย่างรวดเร็วด้วยความเชื่อผิดๆ ของหลายคนที่เชื่อว่าน้ำตาของพะยูนเป็นเครื่องรางช่วยในเรื่องเมตตามหานิยม และที่แย่กว่านั้นกระดูกและเขี้ยวของพะยูนถูกนำไปขายในมูลค่าที่สูง ทำให้บรรดาชาวประมงพากันออกล่าพะยูนที่สงสารเหล่านี้

จำนวนประชากรพะยูนในไทยเหลืออยู่เพียงประมาณ 240 ตัวเท่านั้น

แม้ว่าในปัจจุบันบรรดาพะยูนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้การไล่ล่า หรือการจับปลาพะยูนหายไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามนุษย์อย่างเราๆ ยังคงมีการทำร้ายเจ้าพะยูนพวกนี้ทางอ้อมอยู่ดี ด้วยการที่เราทิ้งขยะพลาสติกลงในทะเล อย่างในกรณีของ “มาเรียม” เจ้าพะยูนน้อยแห่งทะเลกระบี่ที่ได้กินขยะพลาสติกลงไปจนทำให้มันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

Categories
สัตว์เลื้อยคลาน

กิ้งก่า สัตว์เลี้ยงเลื้อยคลานอันแสนน่าทึ่ง

กันยายน 2020

ในสมัยก่อนหากเราพูดถึงกิ้งก่า เราคงจะนึกถึงสัตว์เลื้อยคลานสี่ขา หางยาว วิ่งปราดเปรียว กินแมลงเป็นอาหาร แต่ในยุคปัจจุบันเรากลับสามารถพบกิ้งก่าได้มากมายตามร้านขายสัตว์เลี้ยงแนวแปลก หรือที่เราเรียกว่า สัตว์เอ็กโซติก

กิ้งก่า
กิ้งก่า สัตว์สี่ขา หางยาว และปราดเปรียว

กิ้งก่ามีลักษณะเป็นอย่างไร

ลักษณะของกิ้งก่าโดยทั่วไปมี 4 ขาที่มีลักษณะเป็นปล้อง มีเกล็ดแข็งปกคลุม แต่ยังมีกิ้งก่าบางชนิดที่อาจไม่มีขา หรือมีขาที่เล็กมาก หรือที่เราเรียกว่าจิ้งเหลน กิ้งก่าเหล่านี้กินแมลงเป็นอาหาร สามารถพบได้ทั่วไปทั่วโลก ยกเว้นแถบขั้วโลก มีบางคนคิดว่ากิ้งก่าสามารถเปลี่ยนสีตัวเองได้ตามสภาพแวดล้อมเพื่ออำพรางตัว แต่อันที่จริงแล้วเจ้ากิ้งก่าจะเปลี่ยนสีไปตามอารมณ์ หรือตามอุณหภูมิมากกว่า

กิ้งก่าไทย

ในประเทศไทยสามารถพบกิ้งก่าได้หลายชนิด และสามารถพบได้ตามป่าดิบชื้นต่าง ๆ บริเวณน้ำตก และภาคอิสานของไทยเป็นส่วนใหญ่ เรายังสามารถพบกิ้งก่าไทยแบบที่มีปีกด้วย ที่เราเรียกว่า กิ้งก่าบิน หรือกะปอมปีก กิ้งก่าบินมีความสามารถในการร่อนได้ไกลถึง 60 เมตร และทิ้งตัวดิ่งลงมาได้ถึง 10 เมตร กิ้งก่าไทยมีทั้งขนาดที่ใหญ่มากอย่างเช่น ตะกวด หรือ ขนาดเล็กมาก ๆ อย่างพวกจิ้งเหลน

กิ้งก่าไทยที่เรียกว่าจิ้งเหลน เป็นกิ้งก่าที่มีขนาดเล็ก

กิ้งก่าคาเมเลี่ยน สัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก

ในปัจจุบันคุณจะต้องเคยเห็นกิ้งก่าวางขายตามร้านขายสัตว์ ต่าง ๆ โดยเฉพาะบรรดาร้านจำหน่ายสัตว์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์เอ็กโซติก โดยเฉพาะ กิ้งก่าคาเมเลี่ยน ซึ่งเป็นกิ้งก่าสายพันธุ์ที่คนนิยมหาซื้อมาเลี้ยงมากที่สุด พวกมันมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบประเทศแอฟริกา และอาจด้วยสีสันและหน้าตาของกิ้งก่าคาเมเลี่ยนที่ดูมีเสน่ห์ที่ทำให้เจ้าคาเมเลี่ยนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดูน่าทึ่ง กิ้งก่าคาเมเลี่ยนสามารถเปลี่ยนได้ตามอารมณ์และสภาพอากาศเช่น เมื่อมันรู้สึกโกรธเจ้ากิ้งก่าคาเมเลี่ยน จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใส จากที่มันมีสีเขียวในสภาวะปกติ อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้ากิ้งก่าคาเมเลี่ยนดูน่าสนใจก็คือ “หาง” ซึ่งหางของเจ้าคาเมเลี่ยนจะมีลักษณะที่ยาวและม้วนเป็นวงกลมแปลกตา ที่จะช่วยให้พวกมันสามารถยึดเกาะกิ่งไม้ได้อย่างมั่นคง

กิ้งก่าคาเมเลี่ยนมีสีสันและลักษณะที่มีเสน่ห์

อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นอีกคนที่กำลังมองหาเจ้าคาเมเลี่ยนมาเลี้ยงสักตัว เราขอแนะนำว่าคุณควรศึกษานิสัย และความเป็นอยู่ของเจ้าคาเมเลี่ยนนี้ให้ดีเสียก่อน เพราะสำหรับการเลี้ยงเจ้ากิ้งก่าคาเมเลี่ยนคุณจะต้องมีการเตรียมสถานที่ไว้ให้มันอย่างเหมาะสม กรงกิ้งก่าคาเมเลี่ยนจะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้ดี เราเชื่อว่าคุณคงไม่อยากให้มันต้องมาตายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวคุณเอง

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ม้าน้ำ จากตำนานแห่งเทพเจ้ากรีก สู่สัตว์เศรษฐกิจของประเทศ

กันยายน 2020

ตำนานม้าน้ำมักเป็นที่ถูกกล่าวถึงในนิยายและความเชื่อในหลายประเทศ

หากคุณเป็นแฟนตัวยงของเทพนิยายกรีกและโรมัน คุณจะต้องเคยเห็นภาพของ ม้าน้ำ เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในตำนานความเชื่อตามเทพนิยายมาบ้าง ม้าน้ำถูกเชื่อว่าเป็นยานพาหนะของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล "โพไซดอน" ซึ่งม้าน้ำหรือฮิปโปแคมปัส มาจากภาษากรีก โดยคำว่าฮิปโป ที่แปลว่า ม้า และ แคมปัส ที่หมายถึง สัตว์ประหลาดในทะเล ดังนั้น ฮิปโปแคมปัสมีความหมายรวมๆ ว่าสัตว์ประหลาดในทะเลที่มีรูปร่างเหมือนม้า พวกมันเป็นสัตว์ตามจินตนาการในเทพนิยายปกรณัมกรีก ที่มีความเชื่อว่าพวกมันมีท่อนบนเป็นม้า ท่อนล่างเป็นปลาและยังเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงอีกด้วย

ม้าน้ำ หรือ ฮิปโปแคมปัสยังได้ถูกกล่าวถึงในตำนานของอีกหลายๆ ประเทศ ตำนานของม้าน้ำ เช่น ตำนานของชาวสก็อตแลนด์ ที่เรียกพวกมันว่าเคลปี้ (Kelpie) ที่สามารถจำแลงร่าง แถมยังกินคนด้วย หรือในความเชื่อของชาวยุโรปที่ว่า ม้าน้ำเป็นทูตที่มีหน้าที่ส่งดวงวิญญาณของบรรดากะลาสีเรือไปยังปรโลก

ในโลกแห่งความจริง ม้าน้ำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์กว่านั้น เนื่องด้วยลักษณะม้าน้ำ ที่ดูแปลกตา แต่พวกมันยังคงถูกจัดให้อยู่ในประเภทของปลาชนิดหนึ่ง ม้าน้ำมีกระดูกแข็งห่อหุ้มร่างกาย มีครีบเล็กอยู่กลางหลังไว้ช่วยให้พวกมันเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก มีหางยาวเรียวเพื่อไว้ใช้เกาะเกี่ยวกับก้อนหิน หรือแนวปะการัง ม้าน้ำอาศัยอยู่ในทะเล พวกมันเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับปลาจิ้มฟันจระเข้ ม้าน้ำตัวผู้จะมีถุงหน้าท้องไว้คอยฟักไข่ และดูแลตัวอ่อน

ลักษณะของม้าน้ำดูแปลกตา ดูน่ามหัศจรรย์

"ม้าน้ำกินอะไร"

คุณอาจจะสงสัยว่าด้วย ลักษณะของม้าน้ำ ที่มีปากเล็กและยาว พวกมันจะสามารถหาอะไรใต้ท้องทะเลกินได้บ้าง ซึ่งอาหารของเจ้าม้าน้ำตามธรรมชาติได้แก่สัตว์น้ำตัวเล็ก ๆ ทั้งหลายใต้ท้องทะเลไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู หรือปลา พวกมันจะใช้หางยึดตัวเองไว้กับพืช หรือปะการังแล้วมองหาอาหาร

ม้าน้ำ-2
ม้าน้ำกินอะไร:พวกมันกินสัตว์ทะเลตัวเล็ก ๆ เป็นอาหาร

ม้าน้ำเหล่านี้ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศด้วย โดยชาวจีนเชื่อว่าม้าน้ำเหล่านี้สามารถนำมาทำเป็นยาที่ช่วยเพิ่มสรรถภาพทางเพศ ช่วยให้สตรีมีบุตรง่าย รวมถึงช่วยในการบำรุงไต เพิ่มกำลังวังชา ม้าน้ำตากแห้งยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับ และเครื่องรางด้วย พวกมันถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาซื้อขายที่ค่อนข้างสูง ถึงขีดละประมาณ 4,000-5,000 บาท เลยทีเดียว นั่นเป็นเหตุผลทำให้ชาวประมงจำนวนมากทำอาชีพจับม้าน้ำมาตากแห้งเพื่อขายส่งออก หรือแม้แต่ม้าน้ำตัวเป็นๆ ที่เริ่มเป็นที่นิยมในการนำมาเลี้ยงในตู้ปลาด้วย

ด้วยราคาซื้อขายที่สูงของ ม้าน้ำ ทำให้ประชากรม้าน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมีนักวิชาการจำนวนมากที่ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อพยายามสนับสนุนให้ม้าน้ำได้รับการคุ้มครอง และถูกขึ้นทะเบียนไซเตสได้ในเร็ววัน

Categories
สัตว์เลื้อยคลาน ไม่มีหมวดหมู่

ตัวเงินตัวทอง ชื่อเป็นมงคล แต่ทำไมใคร ๆ ก็รังเกียจ

กันยายน 2020

ตัวเงินตัวทอง หรือ “เหี้ย“ นี่ไม่ใช่คำหยาบแต่เป็นชื่อเรียกของสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ใคร ๆ ก็พากันรังเกียจ ตัวเงินตัวทอง เหล่านี้ทั้งที่บางทีพวกมันก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนอะไรให้เลย หรือแม้แต่มีคนนำชื่อของมันอย่าง “เหี้ย“ มาให้เป็นคำหยาบที่ใช้ด่ากันทั่วไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในความจริงแล้ว “เหี้ย“ ไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่คุณคิด

ตัวเงินตัวทอง มีถึง 7 ชนิดทั่วโลก พวกมันมีสีและลักษณะที่ต่างกัน

คุณรู้หรือไม่ว่าตัวเงินตัวทองมีกี่ชนิด?

หากคุณสังเกตดี ๆ คุณจะเห็นว่าตัวเงินตัวทองที่คุณเห็นอยู่ทั่วไปนั้นมีลักษณะและลวดลายที่ไม่เหมือนกัน นั่นเพราะพวกมันมีอยู่ถึง 7 ชนิดทั่วโลก พวกมันอาศัยอยู่กระจัดกระจายอยู่ในทุกประเทศในเขตตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นแถบเอเชีย อินเดีย หรือไปจนถึงทวีปออสเตรเลีย ซึ่งคุณสามารถพบเห็นได้ถึง 3 ชนิดตามแหล่งน้ำในประเทศไทย ได้แก่ เห่าช้าง, เหี้ยดำ และเหี้ยลายดอก คุณสามารถเห็นตัว “เหี้ย“ ได้ตามแหล่งน้ำจืดทั่วประเทศไทย และรวมถึงใจกลางเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครด้วยเช่นกัน

ตัวเงินตัวทองกินอะไร?

คุณอาจเคยได้ยินชื่อเสียงที่ไม่ดีของตัวเงินตัวทองเหล่านี้ที่ชอบขโมยของกินตามบ้านเรือน หรือตามไร่นาของชาวบ้าน แต่จริงแล้วเจ้าตัวเงินตัวทองพวกนี้ชอบกินปลาชนิดต่าง ๆ นก หนู ไปจนถึงซากสัตว์เน่าเปื่อย จึงทำให้พวกมันส่วนใหญ่ชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ ที่เป็นแหล่งอาหารของมัน ซึ่งเราอาจจะได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่าตัวเงินตัวทองเหล่านี้ ชอบแอบมาขโมยอาหาร ขโมยสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ของเรา โดยเฉพาะเกษตรกรที่เลี้ยงปลา ไก่ โดยเฉพาะไข่ไก่ และลูกเจี๊ยบ ที่พวกมันชอบมาก ทำให้หลายคนตั้งฉายาให้มันอีกชื่อว่า “ตัวกินไก่“ อาจจะกล่าวได้ว่า ตัวเงินตัวทองเหล่านี้เป็นสัตว์ที่กินไม่เลือก แต่นั่นเป็นผลดีต่อระบบนิเวศ เพราะตัวเงินตัวทองเหล่านี้มีส่วนช่วยในการกำจัด และย่อยสลายซากสัตว์ในระบบนิเวศด้วย

ตัวเงินตัวทอง-1
ตัวเงินตัวทองชอบอาหารตามบริเวณแหล่งน้ำ

ตัวเงินตัวทองกลัวอะไร?

อันที่จริงแล้วตัวเงินตัวทองเหล่านี้เป็นสัตว์ที่รักความสงบ รักสันโดษ หากเราจะสังเกตได้คือ ตัวเงินตัวทองเหล่านี้มักจะหากินตัวเดียว แต่จะรวมกลุ่มกันเฉพาะเมื่อเจออาหาร พวกมันค่อนข้างจะมีนิสัยขี้กลัว เพียงแค่เราไล่มันก็จะหนีไปไกลแล้ว แต่สำหรับคนที่รังเกียจพวกมันจริง ๆ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการป้องกัน ดูแลทำความสะอาดบ้าน และรอบ ๆ ตัวบ้านให้สะอาดเรียบร้อย หรืออาจจะทำรั้วและทำประตูที่ปิดมิดชิด

ตัวเงินตัวทอง-2
ตัวเงินตัวทองชอบอาหารตามบริเวณแหล่งน้ำ

ถึงตัวเงินตัวทอง จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีรูปร่าง หน้าตา ที่น่ารังเกียจ แต่ปัจจุบัน พวกมันกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศไปแล้ว ไม่ว่าเนื้อที่สามารถส่งออกได้ และหนังที่สามารถนำมาใช้ทำเครื่องหนัง ได้เช่นเดียวกับจระเข้ และแน่นอนราคาของพวกมันก็ไม่น้อยเลยทีเดียว สมกับชื่อ “ตัวเงินตัวทอง“ เลยทีเดียว แต่หากคุณต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยเหตุบังเอิญ หรือมันได้มาเยี่ยมตามใต้หลังคาหรือซอกมุมใดของตัวบ้านคุณในแบบที่ไม่ได้รับเชิญ คุณสามารถโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้มาช่วยจับมันไปยังที่ปลอดภัยอื่นได้

Categories
สัตว์บก แนะนำ

ยีราฟ : ความน่าทึ่งของเจ้าคอยาวแห่งโลกแอฟริกา

กันยายน 2020

คุณอาจจะเคยเห็นยีราฟฝูงใหญ่อยู่ตามสวนสัตว์ต่าง ๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในความเป็นจริงเจ้ายีราฟพวกนี้กำลังใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว หากคุณเคยไปเที่ยวสวนสัตว์สักแห่ง ส่วนที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือการได้ไปชมความน่าทึ่งของบรรดายีราฟคอยาวที่ดูแปลกตา และการได้ป้อนอาหารเจ้ายีราฟเหล่านี้คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเด็ก ๆ ไม่ใช่น้อย แต่หากคุณต้องการทำความรู้จักกับพวกมันให้มากขึ้น ทั้งประวัติยีราฟ ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ชีวิตอันน่าทึ่งจริง ๆ ของยีราฟเหล่านี้เป็นอย่างไร คุณจะต้องไม่พลาดบทความนี้

ก่อนอื่นเรามาดูประวัติยีราฟกัน เจ้ายีราฟคอยาวที่มีรูปร่างน่าทึ่งนี้ ยีราฟถือเป็นสัตว์บกที่สูงที่สุดในโลก ที่เลี้ยงลูกด้วยนม และเคี้ยวเอื้อง พวกมันจะมีลำตัวสูง ขายาว คอยาว และ มี 2 เขา ยีราฟส่วนใหญ่จะมีลำตัวสีเหลืองสลับกับลายน้ำตาลเข้ม มีลิ้นยาวสีม่วงล้ำ พวกมันอาจจะมีความสูงได้ถึง 5.5 เมตร และหนักถึง 900 กิโลกรัม

เนื่องจากการที่เจ้ายีราฟมีคอที่ยาว คุณรู้หรือไม่ว่ายีราฟกินอะไร อาหารยีราฟจึงได้แก่ ยอดต้นไม้สูง หรือพุ่มไม้สูงที่มีหนามแหลมซึ่งส่วนใหญ่จะมีพิษ แต่พิษ หรือหนามเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเจ้ายีราฟได้เนื่องจากพวกมันมีลิ้นที่หนาและยาวที่ช่วยให้พวกมันสามารถกินอาหารได้อย่างสบาย

ความน่าทึ่งของเจ้ายีราฟยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ เรื่องน่ารู้ของยีราฟ ที่จะทำให้คุณทึ่งต่อไปคือ คอยาวๆ ของเจ้ายีราฟนอกจากจะช่วยให้มันหาอาหารกินได้ง่ายแล้ว ยีราฟเพศผู้ยังใช้คอของมันกวัดแกว่งต่อสู้กันเพื่อแย่งยีราฟเพศเมียด้วย และแน่นอนว่าอีกประโยชน์ของการที่มีคอยาวๆ ก็คือพวกมันสามารถมองเห็นศัตรูที่เป็นบรรดานักล่าจากระยะไกลได้

อีกหนึ่งความน่าทึ่งของยีราฟคือ พวกมันมักจะให้เวลาในการนอนหลับไม่กี่นาที และไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำบ่อย เนื่องด้วยลักษณะของเจ้ายีราฟที่ดูเก้งก้าง ทำให้พวกมันนั่งและลุกยืนขึ้นค่อนข้างจะลำบาก รวมถึงการก้มล้มลงไปดื่มน้ำตามแหล่งน้ำที่ดูจะไม่ค่อยสะดวกนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะในตอนที่เจ้ายีราฟกินใบไม้ที่อยู่ตามยอดไม้ หรือยอดพุ่มไม้ที่พวกมันใช้เป็นอาหารก็จะให้พวกมันได้รับน้ำได้อย่างเพียงพอแล้ว

ยีราฟยังมีความน่าทึ่งอีกมากมายที่จะทำให้คุณต้องร้อง ว๊าว! แต่น่าเสียดายที่จากการสำรวจพบว่าในปัจจุบันมียีราฟเหลือบนโลกแค่เพียง 110,000 ตัวเท่านั้น เราได้เพียงแต่คาดหวังว่าคนรุ่นหลังเราคงได้มีโอกาสพบกับเจ้ายีราฟคอยาวที่น่าทึ่งเหล่านี้แบบตัวเป็นๆ อย่างที่เราเคยสัมผัสได้ต่อไปอีกนาน ๆ

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม แนะนำ

“ฉลาม” เป็น “นักล่า” ที่น่ากลัวจริงหรือ?

กันยายน 2020

หากเราจะพูดถึง ฉลาม หรือ ปลาฉลาม คุณจะนึกถึงอะไร? เรามั่นใจว่ามากกว่า 70% ที่จะนึกถึงความดุร้ายของฉลามขาว หรือจะเป็นความน่าเกรงขามของฉลามวาฬ รวมถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวของปลาฉลามชนิดต่าง ๆ ที่เราได้เห็นตามสื่อหรือภาพยนตร์ระทึกขวัญมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับนักล่าที่น่าเกรงขามนี้ว่าจริง ๆ แล้ว พวกมันมีความน่าอัศจรรย์ที่คุณยังไม่ได้รู้อีกมากมาย ลองอ่านบทความนี้แล้วคุณจะรู้ว่าความน่าอัศจรรย์ที่เรากล่าวถึงคืออะไร

ประวัติปลาฉลาม

ที่คุณต้องรู้คือ ฉลามทุกชนิดเป็นสัตว์กินเนื้อ ฉลามส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว มีเพียงฉลามน้ำจืด หรือน้ำกร่อยบางชนิดที่ออกลูกเป็นไข่ และสุดท้ายนักล่าเหล่านี้มีโครงสร้างร่างกายที่มีแต่กระดูกอ่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงได้ว่ายน้ำได้ปราดเปรียวนัก

ฉลามเป็นสัตว์ที่มีหลากหลายสายพันธุ์มาก และแต่ละปลาฉลามแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรูปร่าง หน้าตา ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น ฉลามวาฬ ที่ถือว่าเป็นฉลามที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถมีความยาวได้ถึง 20 เมตร แต่ฉลามวาฬเหล่านี้กลับมีฟันซี่เล็กและกินแพลงตอนเป็นอาหาร, ฉลามขาวเป็นฉลามที่นับว่าดุร้ายมากสายพันธุ์หนึ่ง ลักษณะเด่นของฉลามขาว คือพวกมันจะมีท้องสีขาวและแผงเหงือกข้างลำตัว หรือ ฉลามหัวค้อนที่มีลักษณะที่ดูแปลกตา คือพวกมันจะมีส่วนหัวที่แบนราบคล้ายกับค้อน เป็นต้น

นอกจากนั้นฉลาม ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้สร้างสมดุลแห่งท้องทะเล” จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าปลาฉลามที่หลายคนเรียกว่านักล่านั้น อันที่จริงแล้วพวกมันเป็น 1 ในผู้สร้างสมดุลแห่งท้องทะเล ซึ่งบรรดาฉลามไม่ว่าจะเป็น ฉลามวาฬ ฉลามขาว ฉลามหัวค้อนหรือไม่ว่าจะเป็นฉลามสายพันธุ์ไหน ส่วนใหญ่พวกมันจะเลือกเหยื่อที่เชื่องช้า ป่วย อ่อนแอ หรือใกล้ตาย นั่นก็เหมือนกับนักล่าเหล่านี้กำลังพยายามที่จะช่วยเลือกสรร และจัดสรรให้โลกใต้น้ำอยู่ในความสมดุลเพื่อไม่ให้มีปลากินพืชมากไป หรือช่วยไม่ให้มีสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากพวกมันมากเกินไป แต่ด้วยสัญชาตญาณนี้ของปลาฉลามทำให้เมื่อมีคนลงไปว่ายน้ำใกล้พวกมัน ทำให้พวกมันคิดว่านั่นคือ “เหยื่อ” และได้ทำอันตรายกับคนเหล่านั้นได้


แต่เราอาจเรียกไม่ได้เต็มปากอีกต่อไปว่า ปลาฉลามคือนักล่า เพราะในความเป็นจริงแล้วพวกมันกลับกลายเป็นเหยื่อสำหรับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีองค์กรมากมายถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อคอยพิทักษ์เจ้าฉลามพวกนี้ เพื่ออนุรักษ์นักล่าเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน.

Categories
สัตว์ปีก แนะนำ

“ค้างคาว” สัตว์ มหัศจรรย์ หรือ น่าขนลุก

กันยายน 2020

ในช่วงปี 2019 – 2020 ที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าใคร ๆ ก็คุ้นชินกับคำว่า ค้างคาวมากขึ้น เนื่องจาก ค้างคาว ถูกเชื่อว่าเป็นตัวพาหะที่นำเชื้อไวรัสโคโร่น่า หรือเชื้อโรคอีโบล่าเมื่อปี 2014 มาสู่คน ทำให้เกิดวิกฤตโรคติดต่อที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกัน หรือ รักษาได้ แต่ ค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าขนลุก หรือ น่ารังเกียจขนาดนั้นจริงเหรอ เราลองมาทำความรู้จักกับความน่ามหัศจรรย์ของค้างคาวกันให้มากขึ้น ทั้งประวัติค้างคาว ค้างคาวกินอะไรเป็นอาหาร รวมถึงประโยชน์ของค้างคาวในระบบนิเวศ ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดได้แน่นอน

bat1

ประวัติของค้างคาว

คุณอาจจะต้องปะหลาดใจเมื่อเรากำลังจะบอกคุณว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง เพราะจากหลักฐานค้างคาวมีมาตั้งแต่สมัย 50 ล้านปีก่อน พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง คนไทยอาจจะคุ้นชินกับสำนวนที่ว่า “นกมีหู หนูมีปีก” ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และนั่นก็ถือเป็นเอกลักษณ์เด่นของค้างคาวก็ว่าได้ ค้างคาวมีมากมายหลายสายพันธุ์ พบกระจัดกระจายไปทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์ที่คุณอาจจะคุ้นชินอย่าง ค้างคาวแม่ไก่ หรือ ค้างคาวดูดเลือดแวมไพร์

แน่นอนว่า “ค้างคาวดูดเลือด” ที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่ แดร็กคูล่า หรือผีดูดเลือดอย่างแวมไพร์ แต่เรากำลังจะพูดถึง ค้างคาวดูดเลือดที่เป็นค้างคาวขนาดเล็กที่ดูดเลือดสัตว์อื่นที่ใหญ่ว่าเป็นอาหารสามารถพบได้ในแถบทวีปอเมริกา แต่หากคุณถามว่าโดยปกติค้างคาวกินอะไรเป็นอาหาร เราก็ต้องจำแนกให้คุณรู้ก่อนว่าค้างคาวแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ค้างคาวขนาดใหญ่ที่มีสายตาดี พวกนี้มักจะกินผลไม้ น้ำหวาน เกสรดอกไม้เป็นอาหาร อย่างค้างคาวแม่ไก่ เป็นต้น ส่วนค้างคาวอีกประเภทคือ ค้างคาวที่สายตาไม่ดี หรืออาจจะตาบอด ซึ่งส่วนใหญ่กินแมลง ปลา กบ หรืออาจจะกินเลือดของสัตว์ที่ใหญ่กว่าอย่างค้างคาวดูดเลือด

หากคุณยังมีความคิดที่ว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าขนลุก น่าขยะแขยง สกปรกทำให้เป็นพาหะของโรคระบาดร้ายแรง แต่เราอยากจะเปลี่ยนความคิดของคุณใหม่ เพราะในความจริงค้างคาวเป็นสัตว์ที่สะอาดมาก เพราะพวกมันมักจะทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอเช่นเดียวกับ สุนัข หรือ แมว อีกทั้งค้างคาวไม่ว่าจะเป็นค้างคาวขนาดใหญ่อย่างค้างคาวแม่ไก่ หรือค้างคาวขนาดเล็กอย่างค้างคาวดูดเลือด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับระบบนิเวศทั้งสิ้น พวกมันมีหน้าที่ช่วยกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืช เชื่อหรือไม่ว่าในหนึ่งคืน พวกมันสามารถกินแมลงได้มากเท่าขนาดน้ำหนักตัวมันเลยทีเดียว นอกจากนั้นมูลของค้างคาวเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยชั้นดีได้อีกด้วย

คุณจะเห็นแล้วว่าในความจริง ค้างคาว ก็เป็นเพียงสัตว์ปีกชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ในการรักษาสมดุลระบบนิเวศ แต่แค่เพียงรูปร่าง หน้าตา สีสัน ของพวกมันที่ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก ทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าพวกมันเป็นสัตว์ที่ดูน่าขนลุก แต่หากเรามองลึกๆ ลงไป อันตราย หรือเชื้อโรคที่พวกมันเป็นพาหะมาสู่มนุษย์อย่างเราได้ ก็เพราะว่าเราไปรบกวนพวกมันก่อนนั่นเอง