Categories
สัตว์บก

กอลิล่า จอมพลังแห่งพงไพร ที่ทั้งแข็งกร้าวและอ่อนโยน

เมษายน 2021

คงเป็นภาพที่คุ้นตาไปเสียแล้วสำหรับภาพของ กอลิล่า ในมาดที่ดูแข็งแกร่ง แข็งกร้าว มีพละกำลังมหาศาล พร้อมที่จะฟาดฟันศัตรูของมันด้วยกำปั้นอันยิ่งใหญ่และทรงพลัง พร้อมกับท่าทุบอกที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน ซึ่งนั่นเป็นเพียงสิ่งที่หลาย ๆ คนนั้นได้เห็นมาจากภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่นำเสนอให้ลิงประเภทนี้นั้นดูยิ่งใหญ่ เป็นดั่งเจ้าป่า ที่อยู่เหมือนสัตว์แทบทุกอย่างบนโลกใบนี้ ซึ่งในความจริงแล้วยังมีอีกหลายมุมมองที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับราชาวานรประเภทนี้ ซึ่งในวันนี้คุณจะได้ทำความรู้จักสัตว์ประเภทนี้ให้มากขึ้น

กอลิล่า จอมพลังแห่งผืนป่า กับสิ่งที่หลายคนยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเจ้าลิงยักประเภทนี้

อย่างที่หลาย ๆ คนรู้อยู่แล้วว่า กอลิล่า นั้นเป็นลิงที่มีขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนอกจากนั้นแล้วลิงประเภทนี้ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีองค์ประกอบทางดีเอ็นเอคล้ายคลึงกับมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยมีความใกล้เคียงกันมากกว่า 90 % เลยทีเดียว ซึ่งลิงประเภทนี้นั้นมีถิ่นอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา บริเวณเทือกเขาวีรูงกา มักอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นฝูง โดยจะมีจ่าฝูงเป็นตัวผู้ที่แข็งที่สุดเป็นผู้นำ โดยสมาชิกในฝูงนั้นมีหน้าที่คือทำตามผู้แข็งแกร่งที่สุดเพียงเท่านั้นห้ามมีปัญหาหรือข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ฉะนั้นเจ็บตัวแน่ ๆ

ซึ่งจากภาพลักษณ์ของ กอลิล่า ที่เป็นสัตว์ที่แข็งกร้าว ดุดัน ทรงพลังเช่นนี้แท้ที่จริงแล้วสัตว์ประเภทนี้นั้นเป็นมังสวิรัติ 100 % โดยกินเพียงพืชเท่านั้น โดยมักกินจำพวกลูกไม้ต่าง ๆ ที่หาได้ในธรรมชาติ และด้วยรูปร่างที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจนอาจบดบังศักยภาพอีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือพวกมันนั้นฉลาดมาก ซึ่งมีหลายครั้งมีโลกได้พบกับ กอลิล่า ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ โดยสร้างความมหัศจรรย์ให้กับโลกใบนี้ โดย 1 ในนั้นก็คงไม่พ้น โกโก้

โกโก้ กับสายสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามผ่านคำว่าสัตว์ป่า

โกโก้ เป็น กอลิล่า สายพันธุ์พิเศษที่สุ่มเสี่ยงจะสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก เกิดเมื่อปี 1971 ซึ่งในวัยเด็กของเธอนั้นเธอมีร่างกายที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่เมื่อเธอเริ่มโตขึ้นเธอก็สร้างความมหัศจรรย์ให้กับชาวโลกโดยการที่เธอนั้นค่อย ๆ ซึมซับภาษามือจาก แฟรนซีน เพนนี แพตเทอร์สัน ผู้ที่เป็นเหมือนแม่ และเพื่อนของมัน โดยมีการวิจัยในชื่อของโครงการ โกโก้ เลยทีเดียว ซึ่งจากการที่ทำการวิจัยด้วยระยะเวลาที่แสนจะยาวนานมากถึง 40 ปี สิ่งที่มหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น โดยโกโก้นั้นสามารถโต้ตอบด้วยภาษามือได้ถึง 1,000 คำ และนอกจากนั้นแล้วยังสามารถเข้าใจภาษาพูดของมนุษย์ได้มากกว่า 2,000 อีกด้วย

ซึ่งนั่นก็ทำให้ภาพลักษณ์ของ กอลิล่า นั้นเปลี่ยนไป โดยโกโกนั้นช่างเป็นกอลิล่าที่มีความอ่อนโยนเป็นอย่างมาก งานอดิเรกของเธอคือการเลี้ยงดูลูกแมวที่โกโก้นั้นเอ็นดูเหมือนลูกของตัวเอง ซึ่งในวันที่ 21 มิ.ย. 2018 โกโก้ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 46 ปี

สรุป

จากที่ได้รู้จักมุมมองต่าง ๆ ของ กอลิล่า แล้วก็ทำให้รู้เลยว่าลิงกล้ามใหญ่ชนิดนี้ไม่ได้ก้าวร้าว รุนแรงเสมอไป ยังมีมุมอ่อนโยนที่พวกมันแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนอีกด้วย อย่างเช่น โกโก้ ที่เคยได้ทำให้โลกได้ประจักษ์ถึงความชาญฉลาดของเธอ แม้วันนี้เธอจะจากลาโลกใบนี้ไปแล้ว

Categories
สัตว์บก

ตัวนิ่ม สัตว์ที่มีโชคชะตาที่เลวร้ายที่สุดในโลก

เมษายน 2021

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสัตว์ที่ขึ้นชื่อได้ว่ามีความโชคร้ายที่สุดในโลก ตัวนิ่ม หรือ ตัวลิ่น เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่เหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์ไดโนเสาร์ล้านปีเลยทีเดียว เพราะรูปลักษณ์ที่คล้ายกับสัตว์ที่ไม่ได้วิวัฒนาการตามยุคตามสมัย ซึ่งในความจริงแล้วสัตว์ประเภทนี้ก็มีอายุยืนยาวมามากกว่า 80 ล้านปีก่อนแล้ว ซึ่งรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นก็ทำให้หลาย ๆ การ์ตูนหรือภาพยนตร์มักนำสัตว์ประเภทนี้ไปเป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์สำคัญของเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นตัวละคร แซนด์แพน ในเรื่อง Pokemon นั่นเอง

ความน่ารักภายใต้ชุดเกราะของ ตัวนิ่ม สัตว์ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร

แม้ว่าภาพลักษณ์ของ ตัวนิ่ม นั้นจะดูเหมือนดุดัน ด้วยการที่มีเกราะแข็งคอยป้องกันตัวเอง และมีเล็บที่ยาวดูเหมือนเป็นอาวุธที่น่าเกรงขาม แต่แท้ที่จริงนั้นไม่ใช่เสียเลยเพราะสัตว์ประเภทนี้นอกจากจะไม่ได้น่าเกรงขามเหมือนภาพลักษณ์ของมันแล้ว มันยังมีทีท่าที่เอนเอียงไปในคำว่าอ่อนแอเสียมากกว่า เพราะอาหารของสัตว์ประเภทนี้นั้นเป็นเพียง มด ปลวก แมลงต่าง ๆ เพียงเท่านั้น โดยในการกินอาหารนั้นจะใช้ลิ้นที่มีความยาวอย่างมากในการตวัดแมลงเข้าปาก โดยไม่มีแม้แต่ฟันที่ใช้ในการกัดหรือเคี้ยว

และเล็บยาวของมันนั้นก็ไม่ได้เอาไว้ทำร้ายหรือปลิดชีพสิ่งมีชีวิตอื่นแต่อย่างใดแต่มีเอาไว้เพื่อให้ ตัวนิ่ม นั้นขุดหามด หาปลวกตามพื้นดินเท่านั้นเอง ด้วยเล็บของเท้าหน้าที่ยาวเช่นนี้ทำให้การเคลื่อนไหวนั้นทำได้อย่างช้าเป็นอย่างมาก การเคลื่อนที่ที่นิยมของมันนั้นก็คือการกลิ้ง ใช่แล้วครับ มันขดตัวเป็นเหมือนลูกบอลเพื่อให้เกล็ดที่แข็งแกร่งของมันนั้นทำหน้าที่เป็นเกาะปกป้องตัวมันทั้ง 360 องศา และใช้การกลิ้งไปมาเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วที่สุดของมันแล้ว สมกับชื่อในภาษามลายูของมันที่ชื่อว่า Pengguling หรือแปลว่าการหมุนกลิ้งนั่นเอง

ชะตากรรมอันแสนโหดร้ายที่ ตัวนิ่ม ต้องเผชิญ

จากที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า ตัวนิ่ม นั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ นอกจากแมลงที่มันกินเพื่อเป็นอาหาร ซึ่งอาวุธอย่างเดียวที่มันมีเวลามีภัยอันตรายเข้ามานั่นก็คือการปล่อยกลิ่นเหม็นมาก ๆ ออกมาจากต่อมพิเศษบริเวณลิ้น เท่านั้น เอง และทำได้เพียงปีนต้นไม้ หลบตามรูตามโพรงไม้ และขดตัวเพื่อให้เกราะของมันทำงานก็เท่านั้น ซึ่งในทางกลับกัน เกราะของมันก็ทำให้ชีวิตของ ตัวนิ่ม นั้นยากลำบากยิ่งขึ้นอย่างมากอีกด้วย

เพราะในประเทศจีนมีความมีความเชื่อว่า เกล็ดของ ตัวนิ่ม นั้นเป็นตัวยาที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลายประการ เป็นเหมือนยาครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้สำหรับประเทศจีน ทำให้มีการล่าอย่างผิดกฎหมายอยู่ในทุก ๆ ปี จนในปัจจุบันสัตว์ประเภทนี้เป็นสัตว์ที่เรียกได้ว่าสุ่มเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์มาก ๆ ซึ่งสัตว์จำพวกนี้ในอดีตพบในไทยเป็นจำนวนมาก แต่ก็กลายเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยจากการล่าเพื่อนำส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งในหนึ่งปีจะมี ตัวนิ่ม ทั่วทุกมุมโลกโดนล่าอย่างผิดกฎหมายไม่ต่ำกว่าล้านตัว

สรุป

ถือว่าเป็นโชคชะตาที่เลวร้ายมาก ๆ เลยสำหรับ ตัวนิ่ม ที่กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนที่ต้องการนำร่างกายของพวกมันไปใช้ในการปรุงยา ด้วยความเชื่อผิด ๆ ทำให้สายพันธุ์ของพวกมันเหลือน้อยเต็มที ซึ่งในปัจจุบันทั่วทุกมุมโลกต่างให้ความสนใจ และอนุรักษ์เพื่อให้คงไว้ให้ลูกหลานในอนาคตได้รู้จักกับสัตว์ประเภทนี้

Categories
สัตว์บก

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สุนัขอารมณ์ดี ขี้เล่น เป็นมิตร ที่ใคร ๆ ก็รัก

เมษายน 2021

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สุนัขสายพันธุ์ยอดฮิตที่คนทั่วไปนิยมเลี้ยง ด้วยนิสัยที่เป็นมิตร ขี้เล่น ฉลาด และอารมณ์ดี แต่นอกเหนือจากนิสัยหลัก ๆ เหล่านี้ มันยังเป็นสัตว์ที่มีทักษะและความสามารถพิเศษอีกเยอะแยะเลย แถมยังเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนให้ความสำคัญนอกเหนือจากการเลี้ยงเท่านั้น มาดูกันดีกว่าว่า สุนัขสายพันธุ์นี้มีความพิเศษอย่างไร

ถิ่นกำเนิดของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และการพัฒนาสายพันธุ์

เริ่มต้น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จากประเทศสก็อตแลนด์ และปรากฏตัวให้เป็นที่รู้จักในประเทศอังกฤษ และได้ถูกบันทึกให้เป็นสุนัขสายพันธุ์แท้โดย หน่วยงาน American Kennel Club หรือ AKC เจ้าโกลเด้นมีสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากกลุ่มสุนัขหลายสายพันธุ์ ทั้งกลุ่มสแปเนี่ยล กลุ่มนิวฟาวแลนด์ กลุ่มเซทเตอร์ และกลุ่มบลัดฮาวน์ ทำให้กลายมาเป็นพันธุ์สุนัขที่มีความแข็งแรง และยังมีความเฉลียวฉลาดสามารถฝึกได้

ที่มาของสุนัขล่านก สู่เจ้าหมาหน้ายิ้ม

นอกจากเจ้าโกลเด้นจะมีการพัฒนาสายพันธุ์จากสุนัขล่านก หรือล่าสัตว์ปีกในน้ำที่แข็งแรงแล้ว ปากของมันยังมีลักษณะที่อ่อนนุ่ม สามารถคาบสัตว์เล็ก ๆ อย่างนก ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้โดยที่ไม่เกิดรอยขย้ำ และเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของสุนัขพันธุ์นี้ คือ เวลาแลบลิ้นออกมา จะคล้ายกับว่ากำลังยิ้มอยู่ ทำให้ผู้คนชอบในความเป็นมิตรของมัน และมันยังเป็นสุนัขที่ชอบพบปะผู้คน และชอบเข้าสังคมมาก ๆ เลยด้วย

ขนสีบลอนด์ทองของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สามารถกันน้ำได้ถึง 2 ชั้น

สุนัขสายพันธุ์นี้ จัดเป็นสุนัขที่มีรูปร่างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ลำตัวมีขนาดปานกลางไปจนถึงใหญ่ มีทั้งขนเรียบและขนลอนสีน้ำตาลทองที่สวยงามปกคลุมทั่วตัว ความโดดเด่นของเจ้าตูบพันธุ์นี้ คือ ขน 2 ชั้นของมันสามารถกันน้ำได้ โดยจะมีการผลัดขนและทำความสะอาด เพียงสองอาทิตย์ครั้ง

ลักษณะนิสัยของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เจ้าหมาหน้ายิ้ม

และไม่ใช่แค่หน้าตาของเจ้าโกลเด้นที่เป็นมิตรเท่านั้น แต่ลักษณะนิสัยก็ยังขี้เล่น เป็นมิตร อารมณ์ดี อดทน คล่องแคล่ว มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ซื่อสัตย์กับเจ้าของ และยังสุภาพกับเด็ก ๆ ด้วย ถึงแม้ว่าจะมีสัญชาตญาณในการเฝ้าระวังไม่มาก แต่ก็ยังสามารถฝึกให้ทำตามคำสั่ง หรือเตือนขู่คนแปลกหน้าได้

งานอดิเรกของน้องโกลเด้น

การที่สุนัขสายพันธุ์นี้ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การคาบสิ่งของ หาของ วิ่งเล่น ถือเป็นความสุขของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และอีกกิจกรรมหนึ่งที่ชอบเป็นพิเศษ คือ การว่ายน้ำนั่นเอง ไม่บอกไม่รู้ ว่าสุนัขพันธุ์นี้สามารถอยู่ในน้ำเย็นได้ในช่วงระยะเวลาที่นานกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ

จุดอ่อนของสุนัขพันธุ์นี้ ง่าย ๆ แค่อย่าทิ้งเขา

เห็นมันมีนิสัยร่าเริง ขี้เล่นตลอดเวลา แต่จริง ๆ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่เป็นสุนัขชอบเข้าสังคมนั้น ไม่ชอบให้ถูกทิ้งให้อยู่ตัวเดียว เพราะจะทำให้มันเกิดความเครียดและแสดงอาการเศร้าออกมา ดังนั้น ใครที่คิดจะเลี้ยงพันธุ์นี้ จะต้องมีเวลาพาเขาไปเดินเล่น หรือหาเวลาพาเจ้าตูบนี้ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีของมัน

ความฉลาดแสนรู้ของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์

เจ้าตูบแสนรู้ตัวนี้ ว่ากันว่าเป็นสุนัขที่เฉลียวฉลาด และแสนรู้รองจากเยอรมันเชพเพิร์ด และ พุดเดิ้ล มีทักษะที่เชี่ยวชาญอื่น ๆ ทั้งว่ายน้ำเก่ง และตามรอยสัตว์บาดเจ็บได้ดี ด้วยการที่มีประสาทสัมผัสการรับรู้ถึงกลิ่นและการสะกดรอยตาม นอกจากจะนิยมเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ปัจจุบันยังใช้ฝึกเพื่อเป็นสุนัขนำทาง หรือช่วยเหลือผู้พิการ หรือสุนัขช่วยงานดับเพลิง สุนัขทีมกู้ภัย หรือแม้แต่ตรวจค้นสิ่งของที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

Categories
สัตว์บก

เสือดาว จากนักล่าในอดีต สู่การเป็นเหยื่อที่ควรแก่การอนุรักษ์

เมษายน 2021

ถ้าหากพูดถึงคำว่านักล่าที่ปราดเปรียวและว่องไว หลาย ๆ คนต้องรู้จักและนึกถึง ‘เสือดาว’ หรือ เสือดำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในตระกูลเสือและแมว ที่กล่าวว่าถือกำเนิดมานานนับ 500,000 ปีมาแล้ว ความลึกลับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้มีอยู่มาก ทั้งวิถีชีวิตของมันและวิธีการล่าเหยื่อ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เรามาดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักล่าที่กลายมาเป็นเหยื่อในปัจจุบันนี้

เสือดาว และเสือดำมาจากคนละสายพันธุ์กันจริงเหรอ?

คนทั่วไปมักจะคิดว่า สัตว์สองสายพันธุ์นี้ มาจากคนละสายพันธุ์กัน แต่ความจริงแล้ว สัตว์ทั้งสองชนิดนี้อยู่ในตระกูลเดียวกัน และยังสามารถเกิดจากครอกเดียวกันได้ด้วย เสือดาว จะมีลักษณะตัวเล็กกว่าเสือโคร่ง แต่ตัวใหญ่กว่าแมว ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเหลือง มีลายจุดสีดำทั่วลำตัว ซึ่งคนในสมัยก่อนจะเรียกว่า เสือลายตลับ เสือลายจ้ำหลอด หรือเสือลายขยุ้มตีน ส่วนเสือดำ จะมีลักษณะคล้ายกันทุกประการ แตกต่างกันแค่มีขนปกคลุมสีดำทั่วตัวเท่านั้น

เสือดาว กระจายของถิ่นที่อยู่อาศัย

สัตว์สายพันธุ์นี้ จัดว่าอยู่กระจายทั่วโลกได้ไกลที่สุด เราสามารถพบสัตว์ชนิดนี้ได้ทั้งในทวีปแอฟริกา ซึ่งสายพันธุ์แอฟริกาจะมีความดุร้ายกว่า จนมาถึงทวีปเอเชียใต้ ไล่มาตั้งแต่ประเทศจีน ไทย มาเลเซีย จนถึงเอเชียตะวันออกกลาง

เสือดาว เป็นสัตว์ป่าที่จับตัวยากที่สุด

เนื่องจากมันจะอาศัยอยู่ในป่าทึบ ป่าโปร่งเป็นหลัก ชอบอาศัยอยู่บนที่สูง เคลื่อนที่ตามกิ่งไม้ เพื่อคอยหลบซ่อน อำพรางตัวและคอยล่าเหยื่อจากที่สูง แต่ในบางครั้ง มันก็สามารถปรับตัว และอาศัยอยู่ในพื้นที่โล่งอย่างทะเลทรายก็ได้ เนื่องจากมันสามารถทนความร้อนได้ดีกว่าเสือโคร่ง และยังทนความหนาวในระดับเทือกเขาหิมาลัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นสัตว์ที่ปราดเปรียว ว่องไว ดุ และมีพฤติกรรมที่สันโดษ ชอบอยู่ตัวเดียวลำพัง จะอยู่เป็นคู่เวลาถึงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น

อาหารของนักล่า

เสือดาว มักจะกินพวกสัตว์กินพืช อย่างกวาง หมู และยังมีสัตว์เล็ก ๆ อย่างนก กระต่าย อีกด้วย หรือถ้าอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งอย่างทะเลทราย มันก็จะล่างู กิ้งก่า เป็นอาหารอีกด้วย ในส่วนของสายพันธุ์แอฟริกา จะมีความแตกต่างเล็กน้อย นอกจากจะล่าพวกสัตว์กินพืชอย่าง กาเซลล์ อิมพาลา หรือหมูป่าแล้ว งูเหลือมขนาดใหญ่มันก็จับกินเป็นอาหารได้เหมือนกัน

วิธีล่าแบบ เสือดาว

เหยื่อของ เสือดาว นอกจากจะเป็นสัตว์กินพืชแล้ว แม้แต่ ลิง หรือค่าง สัตว์ชนิดนี้ ก็สามารถหาวิธีในการล่าเหยื่อได้อย่างแยบยล โดยมันจะค่อย ๆ ขย่มบนต้นไม้ แล้วแสร้งทำทีจะกระโดดขึ้นไปให้พวกลิงตกใจและกระโดดลงมาเพื่อหลบในพุ่มไม้ ถึงตอนนั้นก็โดนนักล่าสายพันธุ์นี้ ตะครุบเหยื่อขึ้นไปกินบนต้นไม้อย่างง่ายดายแล้ว การเลือกเหยื่อของมันจะใช้วิธีสุ่มมย่องไม่ให้เหยื่อรู้ตัวก่อนจึงค่อยโจมตีเหยื่อ แต่ถึงแม้นักล่าตัวนี้จะมีความปราดเปรียวแค่ไหน แต่ระยะเวลาในการวิ่งจะไม่นานเท่าเสือชีตาห์ หรือไฮยีน่าที่จะอยู่รวมกันเป็นฝูง ถึงแม้ว่า จะมีกิตติศัพท์เป็นนักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกเสือ หรือเสือตัวเล็ก ๆ ก็เป็นเหยื่อให้สิงโต หรือฝูงหมาป่ารุมล่าได้เช่นกัน

เสือดาว ที่กลายมาเป็นเหยื่อ

จากข้อมูลนักวิจัยด้านสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้กล่าวว่า กลุ่มป่าในแถบตะวันตกมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ทำให้กลุ่มเสือหากินและสามารถขยายพันธุ์ได้ แต่ เสือดาว มีจำนวนลดลงไม่ถึง 200 ตัว และยังอยู่ในสถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เนื่องมาจากภัยคุกคามอย่างการล่าของมนุษย์เพื่อเอาหนังเสือ การบุกรุกป่าตัดไม้ ซึ่งเป็นการทำลายระบบนิเวศ ทำลายที่อยู่อาศัยของเสือ ดังนั้น เราจึงควรที่จะมีจิตสำนึกและอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้ เพื่อให้รักษาระบบนิเวศของธรรมชาติต่อไป

Categories
สัตว์บก

อัลปากา สัตว์กินพืชที่มีหน้าตาที่มึนที่สุดในโลก

เมษายน 2021

มักนะถูกนำมาล้อเรียนในโลกออนไลน์กันอย่างมากสำหรับ อัลปากา ด้วยหน้าตาอันยียวนกวนประสาทของมัน และการที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างมาก ทำให้มีหลาย ๆ คนนั้นเริ่มอยากจะลองเลี้ยงเจ้าสัตว์หน้ามึนตัวนี้กันเสียแล้ว ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนกับอูฐ แต่ดันมีขนเหมือนกับแกะ แถมยังมีท่าทีที่เป็นมิตรต่อมนุษย์มาก ๆ เลยทำให้เริ่มมีการนำเข้าสัตว์ประเภทนี้เข้ามาในประเทศไทยกันอย่างแพร่หลาย เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงในเชิงพาณิชย์ โดยมักนำมาเลี้ยงโชว์กันเป็นส่วนมากเพื่อให้ขนเข้าชม และให้อาหารกันนั่นเอง

ทำความรู้จักกับเจ้า อัลปากา สัตว์โลกหน้ามึนกันให้มากขึ้น

อัลปากา นั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยถิ่นฐานเดิมของมันแล้วอยู่ที่เทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้ โดยสัตว์ประเภทนี้นั้นเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยญาติที่หน้าตาคล้ายกับมันที่สามารถคาดเดากันได้เลยก็คืออูฐนั่นเอง โดยเป็นสัตว์กินพืชที่ค่อนข้างมีความมีความอึดอยู่พอตัวเลย เพราะว่าสามารถใช้ชีวิตได้จากการกินหญ้าตัวเทือกเขา มีจุดเด่นเลยก็ตรงที่มีขนที่นุ่มเหมือนแกะ รักสะอาด และสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ค่อนข้างรวดเร็วทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ยอดนิยมอย่างมากในต่างประเทศ

ซึ่งส่วนมากแล้วการเลี้ยง อัลปากา นั้นจะเลี้ยงเพื่อต้องการขนของมันนั่นเอง โดยขนของมันนั้นจะได้รับการนำมาแปรรูปให้กลายเป็นเสื้อผ้า โดยสำหรับพื้นถิ่นเดิมของเจ้าสัตว์จำพวกนี้นั้นจะอยู่ในบริเวณเทือกเขา ซึ่งในฤดูหนาวนั้นจะมีอากาศหนาวเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นการที่มีขนของเจ้าสัตว์หน้ามึนจำพวกนี้ถึงทำให้ชาวอินคานั้นกล่าวขานเลยว่าขนของมันเปรียบได้ดั่ง เส้นใยจากพระเจ้าเลยทีเดียว นั่นถึงทำให้มีชนพื้นเมืองในแถบเทือกเขานิยมเลี้ยงเอาไว้ นอกจากจะเลี้ยงง่าย แถมยังมีกีบเท้าที่นุ่มเวลาเดินก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผลิตผลการเกษตรอีกด้วย

เพราะอะไรถึงได้รับการกล่าวขานว่า อัลปากา เป็นสัตว์ที่มีกินพืชสไตล์เป็นที่สุด

คุณคงเคยเห็นการนำสุนัขที่มีขนยาว ๆ เช่น พันธุ์ พุดเดิล ไปตัดขนเพื่อให้มีรูปร่างน่ารักตามขนที่ตัด เหมือนกับการเลือกทรงผมของมนุษย์เรานั่นเอง ซึ่งสำหรับ อัลปากา นั้นก็สามารถเลือกทรงผมได้ โดยส่วนหัวของสัตว์ประเภทนี้จะมีขนที่ค่อนข้างดกกว่าบริเวณอื่น จึงทำให้มองเหมือนกับสัตว์ประเภทนี้มีทรงผมเฉพาะของตัวเอง แถมยังมีความขี้เล่นทะเล้นและไม่กลัวคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เมื่อมีการนำมาโชว์ในสถานที่ใด ๆ นั้นพร้อมที่จะก้าวเข้ามาเล่นกับผู้คน ขออาหารอยู่เสมอ

และนอกจากสไตล์ของมันจะโดดเด่น อัลปากา ยังเป็นสัตว์ที่สามารถเลี้ยงเพื่อการพาณิชย์ได้อีกด้วย จากการที่มันมีขนที่นุ่มมาก อาจจะนุ่มที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แถมยังมีสีที่หลากหลายทำให้เส้นขนของมันมีมูลค่าที่สูงที่ กิโลกรัมละ 30,000 บาทเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้สัตว์ประเภทนี้มีดีมักได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในหลาย ๆ ประเทศ

สรุป

เจ้า อัลปากา หน้ามึนที่เราทุกคนเคยเห็นนั้น แม้อาจจะดูใช้ชีวิตอย่างสโลว์ไลฟ์เดินเล็มหญ้าไป ๆ มา ๆ ไปวัน ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลด้วยขนของมัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เราไม่ควรที่จะมองเพียงความตลกขบขันของสัตว์ประเภทนี้อีกต่อไป

Categories
สัตว์บก

รู้จักกับ อูฐ พาหนะที่มีชีวิต ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลทราย

เมษายน 2021

อูฐ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง ว่าเป็นสัตว์ที่เป็นพาหนะของคนในยุคก่อน ๆ มีความอดทนมาก เพราะนอกจากจะอยู่กลางทะเลทรายที่แห้งแล้ง และมีอากาศที่ร้อนระอุแล้ว ยังสามารถอดน้ำ อดอาหารได้เป็นอาทิตย์ ๆ เลยทีเดียว ดังนั้น เราจะมาไขความลับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้กัน ว่ามีความพิเศษอย่างไร

การถือกำเนิดของสิ่งมีชีวิตแห่งท้องทะเลทราย

อูฐ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย อยู่ในตระกูลเดียวกันกับสัตว์กลุ่มลามะ และอัลปาก้า ถือกำเนิดขึ้นในคาบสมุทรอาหรับ และแผ่ขยายไปถึงทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชียใต้ และไปไกลถึงทะเลทรายในออสเตรเลีย

ตำนานของสัตว์ชนิดนี้ มีหลายรูปแบบเรื่องเล่ามาก ชาวจีนเชื่อว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ คือ 1 ในสัตว์ 9 ชนิดที่ถูกกำหนดขึ้นมาจากลักษณะมังกร ส่วนชาวอาหรับนั้น เชื่อว่าพระเจ้าสร้างอูฐไว้เพื่อให้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์

รู้จักกับอูฐ สิ่งมีชีวิตที่อึดที่สุดในทะเลทราย

อูฐ นั้นมีโครงสร้างทางร่างกายที่สามารถปรับตัวให้อยู่ในสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ รูปร่างความสูงของมันยาวถึง 2 เมตร มีคอและขาที่ยาว มีหนอกหรือส่วนที่อยู่บนหลัง มีขนตาที่ยาวเป็นพิเศษเพื่อป้องกันดวงตาฝุ่นและทราย ลำตัวยังปกคลุมไปด้วยขนหนานุ่มที่เอาไว้กันอากาศร้อนและความเย็นได้ มีจมูกที่สามารถอุดจมูกของมันป้องกันทรายอีกด้วย

แม้ว่าจะไม่ได้กินอะไรมาหลายสัปดาห์ แต่มันกินอะไรเป็นอาหารกันแน่?

ความจริงแล้ว อาหารของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ ก็คือพืช เคี้ยวเอื้อง เช่นเดียวกันกับพวกแพะและวัว และกักเก็บอาหารของมันไว้ในโหนก ข้อดีของมันคือมีปากที่แข็งแรงมาก ทำให้สามารถกินกระบองเพชร ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทรายได้โดยที่ไม่เจ็บตัว

ความลับของโหนก

หลาย ๆ คนคงสงสัยและอยากรู้ว่า ส่วนที่อยู่บนหลังของ อูฐ นั้นคืออะไร ส่วนที่อยู่บนหลัง ที่งอกออกมา 1 หรือ 2 หรือ 3 ส่วน เรียกว่า ‘โหนก’ เป็นอวัยวะสำคัญมาก ๆ ไว้คอยเก็บสะสมไขมัน กักเก็บน้ำและอาหาร เพื่อใช้เป็นพลังงานยามที่มันเดินทางไกล เมื่อเวลามันออกเดินทาง และไม่มีอาหาร ส่วนของโหนกก็จะดึงพลังงานจากตรงนั้นออกมาใช้ ทำให้เจ้าสัตว์ชนิดนี้สามารถเดินทาง และอดอาหารได้นานหลายวันนั่นเอง

ความสามารถพิเศษหลากหลายของเรือเดินได้บนทะเลทราย ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

ความสามารถของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ คือ สามารถเดินด้วยความเร็วปกติได้ถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งเร็วได้ถึง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกหนึ่งความสามารถคือ มันสามารถแบกของหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม และยังมีสัญชาตญาณเรื่องทิศทางที่ดีอีกด้วย เนื่องจาก อูฐ เป็นสัตว์ที่มีร่างกายที่แข็งแรงและปรับตัวใช้ชีวิตอยู่กลางสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดีแบบนี้เอง ทำให้มนุษย์นิยมเลี้ยงมันเพื่อเป็นพาหนะ และขนสัมภาระสำหรับเดินทางไกล

การใช้ประโยชน์อูฐ อื่น ๆ นอกเหนือจากการเป็นพาหนะ

นอกจากเลี้ยงเพื่อเป็นพาหนะแล้ว เราสามารถใช้ขนของมัน มาเป็นเส้นใยเพื่อทอทำเป็นเสื้อผ้า หรือพรม ถึงแม้ว่าขนของมันจะมีรูปร่างและให้สัมผัสที่หยาบ แต่ก็ช่วยป้องกันความร้อนความเย็นได้ และมนุษย์ก็ยังรีดนมของมันเพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของอาหารอย่างการทำเนยแข็ง เนื่องจากนมของมันเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี หรือแม้แต่อุจจาระของมันก็สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ดีทีเดียว สำหรับบางพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่กลางทะเลทราย หรือไม่ได้ออกเดินทางเป็นกองคาราวาน มนุษย์ก็ใช้ อูฐ ในการไถนา ลากรถ หรือใช้ดึงรอกเวลาตักน้ำจากบ่อน้ำอีกด้วย

Categories
สัตว์จืด สัตว์น้ำ

รู้หรือไม่ ปลากดอเมริกัน ถือเป็นปลาเศรษฐกิจโลก ขายก็ได้ เลี้ยงก็ดี

เมษายน 2021

ปลากดอเมริกัน คือ ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาเศรษฐกิจโลก และไม่ใช่แค่ประเทศอเมริกาเท่านั้นที่นิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง ในประเทศไทยก็นิยมเลี้ยงเช่นกัน โดยจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปลากดหลวง นั้นเอง ว่าแต่ทำไมปลากดชนิดนี้ ถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาเศรษฐกิจโลกกันนะ? แล้วปลากดสายพันธุ์นี้ มีความสำคัญ ความแตกต่างจากปลาสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างไร ตามมาดูกันเลย

มารู้จักกับ ปลากดอเมริกัน

ปลากด เป็นปลาน้ำจืดที่อยู่ในตระกูลปลากระดูกแข็งน้ำจืด กลุ่มปลาหนัง ในภาษากรีกมีความหมายว่าปลาหนัง หรือ แมว เนื่องจากปรกติปลาชนิดนี้จะมีหนวดถึง 4 คู่ด้วยกัน ปลากดมีรูปร่างคล้าย ๆ กับตระกูลปลาดุก ปลาสวาย มีหัวขนาดใหญ่ มีขนาดลำตัวที่ใหญ่และยาว มีสีดำหรือสีเทาอมน้ำตาล ผิวเรียบลื่น ไม่มีเกล็ด ปากกว้างและมีฟันในปาก ก้านครีบแข็ง หรือที่เรียกว่าเงี่ยงจะมีพิษในบางสายพันธุ์

ถิ่นกำเนิดของปลากด

ปลากดอเมริกัน เป็นปลาพื้นเมืองที่อยู่กระจายหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่ทวีปอเมริกาเหนือ จนไปถึงทวีปอเมริกากลาง ส่วนมากปลากดจะกระจายพันธุ์อยู่ในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในแถบรัฐจอร์เจีย รัฐเท็กซัส รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะในลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี รัฐมิสซิสซิปปี และทางตอนใต้ของรัฐแคนาดา จะเจอปลากลุ่มนี้จำนวนมากเป็นพิเศษ

ปลากดกินอะไรเป็นอาหาร

โดยปกติพฤติกรรมการใช้ชีวิตของ ปลากดอเมริกัน มีนิสัยก้าวร้าว และสันโดษ ไม่ชอบอยู่เป็นฝูง เป็นกลุ่ม มันอาศัยอยู่ใต้ท้องน้ำลึก เพราะเป็นปลาที่หากินตามพื้น จะกบดานอยู่นิ่ง ๆ และไม่เคลื่อนไหวตัวเท่าไหร่ ยกเว้นแต่ว่ามันจะออกหาอาหารหรือล่าเหยื่อ ปลากดเป็นปลากินเนื้อ จึงกินได้หลากหลาย ทั้งปลาเล็ก กุ้ง แมลง และซากพืชซากสัตว์เป็นอาหาร

ปลากดกับเลือกกินอาหารตามอุณหภูมิ

การกินของปลากด จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของท้องน้ำและสภาพอากาศด้วย เนื่องจากปลากดจะเจริญอาหารและเติบโตได้ดี เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ผิวหน้าน้ำไม่ร้อนจัด มีอุณหภูมิน้ำเย็น หรือไม่เกิน 29 องศาเซลเซียส จะทำให้ปลากดกินอาหารได้ในปริมาณมาก ส่วนในฤดูร้อน หรือวันที่อากาศร้อนจัด เหล่าปลากดจะกินอาหารน้อยลง

ฉายาปลาสายพันธุ์นี้ ปลาเศรษฐกิจโลก เลี้ยงก็ง่าย ขายก็ดี แถมกินก็อร่อย

ปลากดอเมริกัน มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ เนื่องจากสามารถเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจได้ ทั้งในเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร เลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรือจะเอาไว้ตกปลาเป็นเกมกีฬาก็ได้เช่นกัน ปลากดสายพันธุ์นี้ มีอัตราการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว อีกทั้งเนื้อปลากดยังมีรสชาติดี ทำให้เกิดการเปลี่ยนมาเป็นอาหารมีมากขึ้น และเกิดการนิยมเลี้ยงในหลาย ๆ พื้นที่ เนื่องจากปลากดชนิดนี้กระจายอยู่ในลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี ดังนั้น มลรัฐมิสซิสซิปปี จึงถือเป็นรัฐที่มีอุตสาหกรรมการเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แค่ฟาร์มเพาะมีปริมาณเนื้อที่ถึง 1,000 ไร่ขึ้นไป

ปลากดหลวง ชื่อนี้คนไทยเป็นคนตั้ง

การนำ ปลากดอเมริกัน ชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทย เริ่มแรกเลย เกิดจากสถาบันพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ AIT และกรมประมง ได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์เข้ามาในไทยถึง 50 คู่ และเรียกเป็นชื่อภาษาไทยว่า ‘ปลากดหลวง’ โดยนำไปเลี้ยงและเพาะพันธุ์ในกระชัง ฟาร์ม บ่อ เขื่อน และอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ได้มีการทดลองเลี้ยงปลากดหลวง พบว่าปลากดหลวงนั้น มีการเจริญเติบโตที่ดีมาก มีอัตราการรอดชีวิตสูง จึงทำให้เกษตรกร เริ่มหันมาลองมาทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารดู พบว่าเมื่อนำมาประกอบอาหาร เนื้อปลาแน่น มีสีขาว มีรสชาติที่หวานอร่อย สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนูทีเดียว จึงเป็นที่นิยมทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค