Categories
แมลง

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก หนึ่งในสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก ที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบนัก แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก ชอบที่สกปรก  หนึ่งในสัตว์ปีกที่คุณควรทำความรู้จัก

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการน่าเหลือเชื่อ

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก

สัตว์สกปรกที่เป็นต้นกำเนิดสารก่อภูมิแพ้ นั้นก็คือแมลงสาบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผู้ป่วยภูมิแพ้ บางคนนั้นอาจจะมีผื่นขึ้น และเมื่อได้รับสารกระตุ้นมากเกินไป ก็จะเกิดการอักเสบและหลังเคมีต่างๆ ออกมาแสดงอาการที่อวัยวะอื่นได้ ถือว่าเป็น แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์  ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าแมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก เป็นสัตว์ที่มาตั้งแต่หลายร้อยล้านปีก่อนที่จะมีมนุษย์เสียอีก โดนแมลงสาบนั้นถือว่าเป็นแมลงที่วงจรชีวิตไม่สมบูรณ์คือไม่เป็นหนอนและดักแด้ กระจายพันธุ์ไปได้ทั่วโลก และนำมาเป็นสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคชนิดหนึ่งด้วย ปัจจุบันพบมากกว่า 9,000 สกุลและ 4,500 ชนิด นอกจากนี้แมลงสาบมาดากัสการ์นั้น ก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่สามารถนำมาใช้เลี้ยงดู ที่มนุษย์นิยมกันอีกด้วย

ลักษณะโดยทั่วไปที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

แมลงสาบนั้น ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาจจะทำให้มนุษย์พบเจอกับความขนลุก และไม่ค่อยชอบมันนัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่น่าเหลือเชื่อของโลกใบนี้ และคุณจะเข้าใจว่าเป็นสัตว์ที่อาจจะมีอายุสั้น แต่จริงๆ แล้วพวกอึดและตายยากมาก วันนี้เราจะทำให้คุณได้รู้จักลักษณะอื่นๆ ของแมลงสาบที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก
  1. แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก กินไม่เลือก ทานได้ทุกประเภทเลย ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ แต่ส่วนมากน่าจะชอบกินซากสัตว์ของแมลงที่ตายแล้ว รวมไปถึงเสมหะ อุดจาระ รวมไปถึงน้ำลายอื่นๆ และพวกแมลงสาบนั้น ชอบกินอาหารและถ่ายอุจจาระออกมาตลอดทางที่มันได้เดินผ่านไป
  2. มันจะอยู่อาศัยร่วมกันเป็นกลุ่ม ในบริเวณที่มืดและมีความอบอุ่น หรือบริเวณที่มีความชื้นสูงมาก เช่น ตามซอกตึก โรงเรือนเพาะชำต้นไม้ ฯลฯ
  3. แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ สามารถเคลื่อนไหวได้แบบอิสระ ปกติจะมีปีกเจริญ 2 คู่ ปีกคู่แรกจะแข็งแรงกว่าปีกคู่หลัง แมลงสาบมีขาถึง 3 ขา คู่หน้าของแมลงสาบจึงวิ่งเร็วมาก บางชนิดบินได้และมีที่บินไม่ได้
  4. ตาของแมลงสาบสามารถมองได้ถึง 360 องศา มันจึงสามารถหนีได้ แถมยังปรับระยะใกล้ไกลได้อีกด้วย แต่มันนั้นจะมองไม่เห็น หากสิ่งนั้นเป็นสีแดง
  5. ถ้า แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก ชอบที่สกปรก หงายท้องมันตายได้เลย เพราะหากมันกลับตัวขึ้นมานั้น มันจะเป็นเรื่องยากที่จะพลิกกลับ ทำให้ต้องใช้พลังงานและความพยายามในการบิดขาและลุกขึ้น จึงทำให้แมลงสาบส่วนใหญ่เราจะต้องตายนั่นเอง
แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก

แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เป็นสัตว์ตัวเล็กและมีโครงสร้างภายนอกที่ยืดหยุ่นสูงมากซึ่งจะทำให้พวกมันนั้นซ่อนตัวในที่แคบได้อย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่าอันตรายหรือมีภัยมาก ทางระบบนิเวศและสถาบันสรีระวิทยาพืชนั้นระบุว่าแมลงสาบมียีนที่สามารถถอนพิษได้ และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงและคุ้มกันให้พวกมันนั้น ช่วยสร้างแขนขาขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่า แมลงสาบสัตว์ชวนขนลุก จะเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่ในสถานที่สกปรกหรือมีผิดอาหารเน่าหรือทำให้มันโดนทับจนแบนโดนเหยียบก็ไม่สามารถทำให้พวกมันตายได้นั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
แมลง

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กของโลก

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว ลักษณะสำคัญที่คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นแมลง รู้จักมด วงจรชีวิตหลายรูปแบบ วิวัฒนาการสำคัญที่กำเนิดมาช้านาน

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว ลักษณะสำคัญที่ควรทำความรู้จัก

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว

ถ้าให้พูดถึงสัตว์ที่มีลักษณะขนาดเล็ก คนหลายคนอาจจะนึกถึง มดซึ่งแน่นอนว่าบนโลกของเรานั้นมีมดมากมายหลากหลายลำดับ และมดนั้นนับว่าเป็นแมลง ที่มีการสร้างเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่มาก รู้จักมด วงจรชีวิตหลายรูปแบบ บางรังอาจจะมีจำนวนประชากรหมดมากกว่า 1,000,000 ตัว มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นมดงาน ที่ทำหน้าที่หาอาหาร หรือมดที่ซ่อมแซมรัง และยังมีเป็นมดที่คอยปกป้องรังจากศัตรู ดูแลตัวอ่อนมาก รู้จักมดสัตว์ตัวจิ๋ว ซึ่งลักษณะของการแบ่งวรรณะที่พบบ่อยที่สุด คือมดเพศผู้และมดราชินีเพศเมียที่ทำหน้าที่สืบพันธุ์ ซื้อมดนั่นอาจสร้างความรำคาญให้กับคน เนื่องจากชอบของหวาน และอาจจะมีหลายหลายคนที่ต้องการจะกำจัด แต่คุณทราบหรือไม่ว่ามดก็เป็นสิ่งขนาดเล็กที่มีจำนวนมหาศาล และเป็นสิ่งที่มีจำนวนเกือบ 2ใน3 ของระบบนิเวศ รู้จักมด สัตว์ที่ปรับตัวได้ ซึ่งนับว่าเป็นความสำคัญต่อการรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติ

รู้จักมด ความเก่าแก่ของสิ่งมีชีวิตชนิดเล็ก

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว

มดเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสัตว์ตัวน้อยๆ ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนดินให้มีรูพรุน ทำให้มีน้ำแล้วออกซิเจน ลงไปถึงรากของพืช รู้จักมด สัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ อาจจะมีอายุที่อยู่บนโลกมานานกว่ามนุษย์ มากกว่า 100,000,000 ปีกันเลยทีเดียว เพราะฟอสซิล ที่พบนั้นมีอายุเก่าแก่ เพื่อเป็นสิ่งระบุว่ามดคือสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมากที่สุด มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของโลกเลยก็ว่าได้ แม้ว่ามดจะเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ไม่มีร่างกายใหญ่โต แต่ก็เป็นสิ่งพิเศษที่โลกนี้นั้นขาดไม่ได้ โดยพฤติกรรมของมดส่วนใหญ่นั้น จะอยู่กันเป็นรัง และมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น

รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว
  • มด จะมีการติดต่อสื่อสารกัน โดยปล่อยสารที่เรียกว่าฟีโรโมนออกมาแล้ว มดตัวอื่นก็จะรับการพูดคุยผ่านทางหนวดและขาคู่หน้า 
  • มดคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถติดต่อผ่านเสียง เพื่อเป็นการเตือนภัยได้อีกด้วย หากอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย รู้จักมด วงจรชีวิตหลายรูปแบบ จะสามารถเรียกเพื่อนต่างๆ มาช่วยได้ 
  • มดคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเอาอาหารได้ทั้งกลางวันและกลางคืน กินได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซากพืช หรือดูดอาหารจากของเหลว และสิ่งที่มนุษย์รำคาญที่สุดคือการที่มดตอมอาหารนั่นเอง
  • รู้จักมด สัตว์ที่ปรับตัวได้ไว สิ่งมีชีวิตที่ผสมพันธุ์เฉพาะบนที่สูงเท่านั้น เช่น บนต้นไม้
  • ราชินีของมดจะทำหน้าที่วางไข่เท่านั้น ไม่ทำงานอย่างอื่น คอยควบคุมพฤติกรรมภายในรัง
  • สภาพอากาศฤดูกาล อุณหภูมิ ความชื้น มีอิทธิพลสูงมากในการผสมพันธุ์ หากภายในรังนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับมดเพศผู้ก็จะทำหน้าที่ประสมพันธุ์สร้างมดต่อไปได้เรื่อยๆ
รู้จักมด สัตว์ตัวจิ๋ว

ในปัจจุบันมีการค้นพบหมดมากกว่า 12,000 ชนิด ซึ่งจะพบมากในเขตร้อนของภูมิภาคอาเซียน และนักวิทยาศาสตร์ก็คาดว่าอาจจะมีมดอีก 1,000 ชนิด ที่ไม่ยังไม่ค้นพบ รู้จักมด สัตว์ที่ปรับตัวได้ไว เป็นสิ่งมีชีวิตแมลงที่มีวิวัฒนาการสูง สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และสามารถอยู่รอดได้ทุกช่วงเวลามีอายุมานานหลาย 1,000,000 ปี แต่นั่นก็เพราะว่ามดมีพฤติกรรมต่างๆ ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ผ่านมาด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
แมลง

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก น่าหลงใหลแฝงไปด้วยสีสันตามธรรมชาติ

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก กระจายพันธุ์ทั่วทั้งภูมิประเทศหนาวเย็นและแห้งแล้ง จำแนก แมลงผีเสื้อ สามมหาวงศ์ แต่มีวงจรชีวิตที่แสนสั้น

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก วิวัฒนาการยาวนานหลายล้านปี

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก

ผีเสื้อนั้น ถือว่าเป็นวันลาอีกหนึ่งอย่างที่มีความสวยงามด้วยปีกของพวกมันที่แตกต่างกันไปของแต่ละตัว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล และตื่นตาตื่นใจ หลายๆครั้งที่คนอาจจะมองเห็นผีเสื้อเวียนไปตามต้นไม้ ดอกไม้เพราะอยากจะได้รับความสนุก และที่สำคัญนั้นจะทำให้มัน ได้รับน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เป็นอาหารและช่วยดอกไม้ในการผสมพันธุ์ไปในตัวอีกด้วยแมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยให้โลกนั้นมีความงดงามอีกหนึ่งอย่าง โดยจากการสันนิษฐานของนักชีวะวิทยานั้น กล่าวว่า แมลงผีเสื้อสามมหาวงศ์ มีวิวัฒนาการมาจากแมลงปอและแมลงเต่าทอง เมื่อ 280,000,000 ปีก่อน แต่ในปัจจุบันนั้นโลกมีผีเสื้อถึง 7,000 ชนิด ส่วนประเทศไทยของเรามีผีเสื้อประมาณ 900 ชนิดเท่านั้น

แมลงผีเสื้อสัตว์ปีกสวยงามของโลก ความแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น

แมลงผีเสื้อเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ว่าเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกภายใน ทำให้ลำตัวของมันนั้นมีแค่เนื้อเยื่อบางๆ ที่เป็นเปลือกห่อหุ้ม ซึ่งอาจจะมีความบอบบางมากในการดำเนินชีวิต ลักษณะรูปร่างของแมลงผีเสื้อ สร้างสมดุลธรรมชาติ  นั้น หลายคนอาจจะไม่ทราบเพราะเห็นเพียงจุดเด่นแค่ปีกของมัน แต่คุณทราบหรือไม่ว่าลักษณะลำตัวของผีเสื้อนั้น มีสิ่งแปลกใหม่ที่แตกต่างจากสัตว์ประเภทอื่น เช่น

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก
  • ตาของผีเสื้อมีเลนส์ตานับหนึ่งพันดวง ที่แมลงผีเสื้อสัตว์ปีกสวยงามของโลก นั้นสามารถมองเห็นได้อย่างละเอียด
  • แมลงผีเสื้อ สามมหาวงศ์ มีหนวดหนึ่งคู่ ที่ทำหน้าที่ดมกลิ่นและมีหนวดหนึ่งอัน สำหรับการดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้
  • ในช่วงเวลาที่มันไม่ได้กินอาหารนั้น หนวดจะถูกวงเก็บม้วนให้เป็นเกลียว
  • ผีเสื้อมีปีกสองคู่ และมีเส้นไปเป็นโครงร่างจึงเปรียบเสมือนโครงกระดูกของลำตัว ซึ่งสีสันของผีเสื้อนั้นจะเป็นลักษณะ ที่ผู้เชี่ยวชาญจำแนกว่ามันคือชนิดใด
  • แมลงผีเสื้อ วงจรชีวิตพิศวง  สิ่งที่คุณทราบอยู่แล้ว ว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างที่ไม่เหมือนกัน ตั้งแต่การเป็นไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และเป็นผีเสื้อ
แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก

การสืบพันธุ์ของผีเสื้อนั้น จะมีตัวผู้ที่สนใจตัวเมียที่มีปีกสีเดียวกัน เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์เสร็จแล้ว อีกไม่นานมันก็จะวางไข่ตามใบพืชที่เหมาะสม เพื่อที่จะให้เสบียงในตัวหนอนของพวกมัน จะวางไข่ใต้ต้นไม้เป็นกลุ่มๆ ได้ หลังจากวางไข่ 2-3วันนอนได้ ไข่ผีเสื้อจะออกมาอีก 5-10 วันต่อมา หนอนก็จะใช้ปากของมันเจาะเปลือกไข่ให้แตก แล้วกินเปลือกไข่ของตัวเองเป็นเมนูแรกในการดำรงชีวิต หลังจากเป็นหนอนมันก็จะกลายเป็นดักแด้ มีการขับใยเหนียวๆ ออกมาขอหุ้มตัวเพื่อป้องกันตนเอง ตอนที่เป็นดักแด้นั้นพวกมันไม่ต้องการอะไรเลย แมลงผีเสื้อ สามมหาวงศ์ จะอยู่ในกรอบและใช้เวลา 7-10 วันในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนเอง จนกลายเป็นผีเสื้อ

แมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลก

ผีเสื้อนั้นถือว่าเป็นอีกสัตว์ชนิดหนึ่งที่จะอพยพไปเดินทางไกลๆ สามารถบินได้ถึง 3,000 กิโลเมตร และแมลงผีเสื้อ สัตว์ปีกสวยงามของโลกบางชนิดก็สามารถบินข้ามทะเล รวมไปถึงภูเขาเอลป์ แต่ตอนนี้นั้นผีเสื้อ ไม่ได้เป็นแค่สัตว์ในธรรมชาติ เพราะยังมีมนุษย์หลายคนนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์สวยงามอยู่ในกรง หากคุณเคยรู้จักกับ แมลงผีเสื้อ สร้างสมดุลธรรมชาติ อาจจะคุ้นชินกับผีเสื้อกลางวันและผีเสื้อกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งสวยงาม และเป็นแมลงยอดฮิตในขณะนี้ที่มนุษย์นำไปเลี้ยงดู

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ความรู้ แมลง

แมงมุมพอลทิส แมงมุมเอเลี่ยนเซียนในการพลางตัว

แมลง

     เจ้าแมงมุมพอลทิส ( Poltys Spider ) เป็นสัตว์ในจำพวกแมลงที่ถูกจัดให้อยู่ในวงศ์แมงมุมใยกลม ( ARANEIDAE ) ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1843 โดย คาร์ล ลุดวิก โคช นักกีฏวิทยาชาวเยอรมัน แต่ข้อมูลยังไม่มีความชัดเจนมากนักเนื่องจากสัตว์สายพันธุ์นี้มีหลากหลายชนิดและมีลักษณะที่แตกต่างกันทำให้การเก็บข้อมูลในเชิงลึกทำได้ยากและต้องใช้เวลา กระทั่งได้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ขึ้นมาใหม่ 

     โดยในเดือนเมษายน ปี 2019 ได้มีการเปิดเผยข้อมูลพบว่าสามารถแยกชนิดของแมงมุมพอลทิสได้มากถึง 43 สายพันธุ์ ซึ่งเจ้าแมงมุมชนิดนี้จะมีลักษณะรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกับเอเลี่ยนในภาพยนตร์ที่เราเคยดูกัน และในแง่ของการพลางเจ้าตัวแมงมุมสายพันธุ์นี้ก็จัดว่าขั้นเทพเลยทีเดียว

ลักษณะทั่วไปของแมงมุมพอลทิส 

     ปัจจุบันสามารถแบ่งแมงมุมชนิดนี้ออกเป็น 43 สายพันธุ์ ในแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป มักจะพบได้ตามป่าฝนทั้งในแอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย ซึ่งในเอเชียจะเป็นในแถบมณฑลยูนาน ประเทศจีน เวียดนาม มาเลเซีย ไทย ฯลฯ

     ลักษณะรูปร่างของแมงมุมพอลทิสจะมีรูปร่างคล้ายใบไม้ มีขาสีน้ำตาล 8 ขา ยาวแก้งก้างเอาไว้เกาะกิ่งไม้ ส่วนขามีขนสีขาวสั้นและบางขึ้นปกคลุม มีหางยาวห้อยมาทางด้านหลัง หางมีขนสั้น ๆ ขึ้นปกคลุม แผ่นหลังมีสีเขียวสดเหมือนใบไม้สด ส่วนท้องมีสีน้ำตาลคล้ายใบไม้แห้งซึ่งเหมาะสำหรับการพรางตัวเป็นใบไม้อย่างมากและแมงมุมตัวผู้จะมีขนาดขาที่ยาวกว่าตัวเมีย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้สามารถชักใยรัดตัวเมียในขณะผสมพันธุ์ได้และป้องกันการโดนตัวเมียกัดกินขณะผสมพันธุ์ ยิ่งตัวผู้มีขนาดตัวใหญ่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จในการสืบพันธุ์มากเท่านั้น

การดำรงชีวิตของแมงมุมพอลทิส

     แมงมุมพอลทิสถูกจัดให้อยู่ในวงศ์แมงมุมใยกลม ( ARANEIDAE ) แมงมุมสายพันธุ์นี้จะพักผ่อนและหลบซ่อนตัวในเวลากลางวันและออกล่าหาอาหารในเวลากลางคืน โดยจะชักใยเอาไว้เพื่อดักจับแมลงและสัตว์ขนาดเล็กที่ผ่านไปมา อาหารที่ชื่นชอบจะเป็นจำพวกแมลงเม่า , ปลวก , หนอน , ด้วง , ผีเสื้อ , แมลงวัน , แมงมุมชนิดอื่น และแมลงต่าง ๆ เมื่อออกหาอาหารจนอิ่มท้องแล้วในช่วงใกล้สว่างก็จะรีบทำลายใยที่ทำไว้ดักเหยื่อทิ้งไปแล้วกลับไปพรางตัวเป็นใบไม้อย่างแนบเนียนตามเดิม

     ด้วยสีสันที่คล้ายใบไม้และมักจะชอบห่อตัวเหมือนใบไม้จึงทำให้มันสามารถอำพรางตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างแนบเนียน ช่วยให้รอดจากนักล่าทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการจะมองหาตัวของมันจำเป็นที่จะต้องอาศัยการสังเกตอย่างมากจึงจะสามารถมองเห็นได้ โดยส่วนใหญ่แล้วพวกมักจะทำรังอาศัยอยู่ตามต้นไม้เพื่อพรางตัว

     แม้ว่าแมงมุมพอลทิสจะเป็นแมงมุมมีพิษแต่ก็ไม่ได้มีนิสัยดุร้าย อีกทั้งพิษของมันก็ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์ เหล่านักเดินป่าจึงไม่ต้องกังวลว่าจะโดนกัดจนได้รับอันตรายและไม่แน่ว่าเดินป่าอยู่ดี ๆ เราอาจจะได้พบเจ้าแมงมุมสายพันธุ์นี้ก็ได้

 

 

สมัครแทงบอล

Categories
ความรู้ แมลง

แมลงสาบมาดากัสการ์ เทรนด์สัตว์เลี้ยงแนวใหม่สำหรับคนไม่ชอบเสียงดัง

แมลง

     ปกติเรามักจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจำพวกหมา แมว ปลา หรือสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ ทั่วไป แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์แปลกอยู่ด้วย โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้เทรนด์การเลี้ยงสัตว์แปลกกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และสัตว์แปลกที่ได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ 

     แมลงสาบมาดากัสการ์ ( Giant hissing cockroach , Madagascan giant hissing cockroach , Hissing cockroach , Hisser ) เป็นสัตว์จำพวกแมลงที่อยู่ในวงศ์แมลงสาบยักษ์ ( BLABERIDAE ) หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับหน้าตาของแมลงสาบชนิดนี้สักเท่าไหร่นักเพราะปกติแมลงสาบที่เราเห็นนั้นจะมีขนาดที่เล็กกว่านี้มากอีกทั้งยังมีปีกด้วย แต่แมลงสาบมาดากัสการ์ลักษณะจะแตกต่างออกไปทั้งขนาดที่ใหญ่กว่าและไม่มีปีก โดยในกลุ่มคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกในแต่ละประเทศก็เริ่มให้ความนิยมและมีการนำเข้าแมลงสาบสายพันธุ์นี้กันมากขึ้นด้วย ซึ่งนอกจากความแปลกแล้วก็น่าจะเป็นในเรื่องของพื้นที่ในการเลี้ยงที่ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ สามารถจำกัดขนาดตู้ที่ใช้เลี้ยงได้ตามใจชอบและที่สำคัญคือ ไม่ส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านด้วยนั่นเองค่ะ

ลักษณะและการใช้ชีวิตโดยทั่วไปของแมลงสาบมาดากัสการ์ เจ้าแมลงตัวใหญ่ที่ชอบซุกตัวอยู่ใต้ใบไม้

     แมลงสาบมาดากัสการ์จัดเป็นสัตว์จำพวกแมลงที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าแมลงสาบทั่วไปหลายเท่า ซึ่งแมลงสาบมาดากัสการ์ลักษณะที่มีค่อนข้างจะพิเศษกว่าแมลงสาบทั่วไป คือ ไม่มีปีก และเรื่องของขนาดตัวที่ใหญ่ ลำตัวมีสีน้ำตาลแดง ผิวเป็นมันเงา มีหนวด 2 เส้น อยู่บริเวณส่วนหัว นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้า ไม่มีพิษ ไม่ดุร้าย แต่อาจจะมีเรื่องกลิ่นที่อาจจะฉุนเล็กน้อยตามสไตล์แมลงสาบบ้าง

แมลงสาบมาดากัสการ์ใช้ชีวิตยังไง ?

     แมลงสาบมาดากัสการ์มักจะชอบอาศัยอยู่ตามใต้ซากใบไม้ ท่อนไม้ และตามซอกหลืบต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์จำพวกนี้อยู่แล้ว ในส่วนของอาหารที่สัตว์ชนิดนี้ชื่นชอบก็จะเป็นเศษซากผลไม้หรือใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา แต่ก็อาจจะสามารถกินอาหารได้หลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย โดยธรรมชาติเป็นสัตว์ที่ชอบออกหากินในเวลากลางคืน กลางวันมักจะพักผ่อนและหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ซากใบไม้หรือตามซอกหลืบทั่วไป 

การสืบพันธุ์ของแมลงสาบมาดากัสการ์ที่น่าทึ่ง

     เมื่อแมลงสาบมาดากัสการ์ตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์และมีการผสมพันกับแมลงสาบมาดากัสการ์ตัวผู้ ตัวเมียจะวางไข่จำนวนมากลงในถุงไข่ และจะถูกนำไปดูแลโดยการเก็บเอาไว้ในลำตัวนานประมาณ 60 วัน จากนั้นไข่จะเริ่มฟักเป็นตัวอ่อนออกมา ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าแมลงสาบออกลูกมาเป็นตัว โดยเจ้าแมลงสาบมาดากัสการ์ออกลูกได้ครั้งละประมาณ 30-60 ตัว ซึ่งตัวอ่อนที่ฟักออกมาจะมีลักษณะที่เหมือนกันกับตัวที่โตเต็มวัยแล้ว ต่างกันเพียงขนาดที่เล็กกว่าเท่านั้น 

     แมลงสาบมาดากัสการ์ที่เพิ่งทำการลอกคราบใหม่จะมีสีขาวและจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีปกติภายในเวลา 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้ตัวอ่อนจะต้องทำการลอกคราบให้ได้ครบ 6 ครั้ง จากนั้นจึงจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์และสืบพันธุ์ต่อไปได้

     อย่างไรก็ตามแมลงสาบสายพันธุ์นี้ได้เคยมีข่าวว่าอาจจะเป็นพาหะเนื่องจากพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียที่แฝงตัวอยู่ในแมลงสาบยักษ์นี้มากถึง 45 ชนิด ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสาเหตุเกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคมาสู่คนได้ จึงต้องใช้ความระมัดระวังและใช้วิจารณญาณด้วยค่ะ

 

 

เว็บบอล

Categories
ความรู้ แมลง

ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจ สัตว์ที่ทำให้รู้ว่าเป็นแมลงก็ไม่ได้แปลว่าต้องอ่อนแอ

แมลง

ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจ ( Devil ’ s Flower Mantis )

          ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจ ( Devil ’ s Flower Mantis ) เป็นแมลงอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ที่อยู่ในวงศ์แมลงตำข้าวดอกไม้ด้วยกัน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Idolomantis diabolica สามารถพบตั๊กแตนตำข้าวสายพันธุ์นี้ได้ในแถบแทนซาเนีย เอธิโอเปีย มาลาวี โซมาเลีย เคนยา และยูกันดา 

          ปัจจุบันตั๊กแตนตำข้าวสายพันธุ์นี้ได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักที่กำลังได้รับความนิยมกันในกลุ่มคนที่ชอบนำสัตว์แปลก ๆ มาเป็นสัตว์เลี้ยงทั่วโลกอีกด้วย แต่เนื่องจากตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจนิสัยค่อนข้างดุใครที่สนใจอยากนำมาเลี้ยงแนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนนำมาเลี้ยงนะคะ

มาทำความรู้จักหน้าตาตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจกันบ้าง !

ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจ ( Devil ’ s Flower Mantis )

          ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจเป็นตั๊กแตนที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาตั๊กแตนตำข้าวทั้งหมด ลำตัวมีเขียว-ขาว-แดง ปะปนกันไป ตัวเมียมีขนาดตัวยาวได้มากถึง 13 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าตัวผู้อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตัวผู้มีขนาดเพียง 10 เซนติเมตรเท่านั้น ลักษณะของตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจที่สามารถสังเกตได้อีกก็คือ หน้าตาที่ดูแปลกประหลาดคล้ายปีศาจจึงเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง และนอกจากนี้บริเวณแผ่นอกก็จะมีเปลือกแข็ง ๆ แผ่ออกมาด้านข้างทั้งสองข้าง มีสีสันและลวดลายที่หลากหลาย รวมถึงบริเวณท้องของตัวผู้จะมีลักษณะเป็นข้อปล้อง มีจำนวน 8 ปล้อง แต่ตัวเมียจะมี 6 ปล้อง 

          ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจนิสัยค่อนข้างดุใครที่คาดหวังความอ่อนหวานน่ารักจากเจ้าตัวนี้คงไม่จะไม่มีแน่นอน เมื่อรู้สึกถึงอันตรายหรือการถูกคุกคามมันมักจะชูสองขาหน้าขึ้นสูงเพื่อเตรียมป้องกันตัว ดูไปแล้วก็จะคล้าย ๆ กับนักมวยตั้งการ์ดขึ้นเตรียมชกยังไงยังงั้นเลยล่ะ 

การใช้ชีวิตและการขยายพันธุ์ของตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจ

ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจ ( Devil ’ s Flower Mantis )

          ตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจเป็นอีกหนึ่งสัตว์นักล่าที่จะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว โดยอาหารตั๊กแตนตำข้าวดอกไม้ปีศาจจะเป็นจำพวกสัตว์และแมลงต่าง ๆ ที่สามารถล่ามาได้ ในการหาอาหารของเจ้าตั๊กแตนตำข้าวสายพันธุ์นี้จะใช้วิธีการอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับดอกไม้และซุ่มอยู่เงียบ ๆ เมื่อเหยื่อผ่านมามันจะพุ่งตัวเข้าจู่โจมทันที เมื่อมีการผสมพันธุ์กันตัวเมียจะวางไข่ที่มีลักษณะเป็นแนวยาวระนาบไปกับพื้นผิว โดยไข่จะมีสารห่อหุ้มอยู่ด้วยเพื่อป้องกันไข่จากศัตรูที่จะมาทำลายไข่ ในการวางไข่แต่ละครั้งตัวเมียสามารถให้ไข่ได้ประมาณ 40 ฟอง หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ไข่จึงจะมีการฟักตัวอ่อนออกมา ซึ่งในช่วงแรกที่ฟักตัวออกมาตัวอ่อนจะมีสีผิวสีแดงแต้มด้วยสีขาวประปรายและจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีไปจนเป็นสีปกติ เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จึงจะย้ายถิ่นที่อยู่เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ต่อไป

 

 

บาคาร่าฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ความรู้ แมลง

แมลงทับ สัตว์ที่ใช้เวลาการฟักตัวนานถึงสองปี แต่กลับมีชีวิตเพียงสองสัปดาห์

แมลง

       แมลงทับ จัดเป็นแมลงปีกแข็งที่อยู่ในวงศ์ Buprestidae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Buprestidae มีลักษณะลำตัวรูปทรงโค้งนูน มีปีกแข็งมาก มีหัวขนาดเล็ก บริเวณช่วงปลายหางมีลักษณะเรียว มีหนวดที่เป็นแบบใบไม้ 

       ลักษณะเด่น คือ ตัวแมลงทับมีสีสันสวยงาม ซึ่งแมลงทับจะมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดแต่ละชนิดจะมีสีสันแตกต่างกันออกไปซึ่งความสวยงามนี้จะมีความแวววาวราวกับอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน แดง ดำ เขียว และเหลือง จึงทำให้ถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ มากมายมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

       พบว่ามีการกระจายพันธุ์อยู่ในแถบบริเวณพื้นที่เขตร้อนและเขตอบอุ่น ปัจจุบันถูกค้นพบมากกว่า 15,000 ชนิด ใน 450 สกุล ยังไม่รวมกับที่ได้สูญพันธุ์ไปแล้วจนกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์กว่า 100 ชนิดโดยบางชนิดมีความยาวมากถึง 77 มิลลิเมตรเลยทีเดียว

การดำรงชีวิตและวิธีการเอาตัวรอดของแมลงทับ

       แมลงทับเป็นแมลงปีกแข็งที่สามารถบินได้เร็วและบินสูงมาก เมื่อเทียบกับแมลงชนิดอื่น ๆ และเมื่อถูกรบกวนจะมีการแกล้งตายเพื่อให้ปลอดภัย โดยการทำตัวนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ หรือทำตัวให้ร่วงหล่นลงจากต้นไม้ที่เกาะอยู่เพื่อลวงให้ศัตรูตายใจคิดว่าตายแล้ว 

       ในประเทศไทยสามารถพบได้ 2 ชนิด คือ แมลงทับกลมขาเขียว ( Sternocera aequisignata ) สายพันธุ์นี้พบได้มากในบริเวณเขตภาคกลางและอีกสายพันธุ์หนึ่งก็คือ แมลงทับกลมขาแดง ( S. ruficornis ) สายพันธุ์นี้สามารถพบได้มากในโซนภาคอีสาน 

       ทั้ง 2 สายพันธุ์นี้เป็นประเภทที่ชอบกินใบอ่อนของมะขามเทศ มีสีเขียวเหลือบทอง ลักษณะปีกและลำตัวเป็นมันวาว มีความสวยงามมาก ปัจจุบันนี้ได้มีการนำไปใช้ในงานหัตถกรรมชนิดต่าง ๆ ในโครงการของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การจับคู่ผสมพันธุ์กันของแมลงทับ 

       แมลงทับมีเวลาใช้ชีวิตบนดินที่ค่อนข้างสั้น มักจะจับคู่ผสมพันธุ์กันในช่วงเวลากลางวันโดยในการผสมพันธุ์กันจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเกี้ยวพาราสีของตัวผู้และการยอมรับของตัวเมีย เมื่อมีการผสมพันธุ์กันเสร็จแล้วตัวผู้จะตายลง ส่วนตัวเมียจะทำหน้าที่วางไข่ตามบริเวณโคนต้นไม้หรือต้นพืชที่สามารถกินเป็นอาหารได้ ส่วนมากจะเป็นบริเวณต้นไผ่เพ็กหรือไผ่โจดโดยจะวางไข่ให้ลึกลงไปในดินประมาณ 1-2 เซนติเมตร วันละ 1-2 ฟอง โดยเมื่อแมลงทับตัวเมียวางไข่เสร็จแล้วก็จะตายลงไปด้วยเช่นเดียวกัน

       แมลงทับวางไข่แล้วจะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นจะกลายเป็นหนอนในขั้นที่ 1 2 3 และ 4 ระหว่างนั้นก็จะอาศัยกินรากพืชและเหง้าพืชที่อยู่บริเวณใกล้ๆนั้น จนกระทั่งเข้าสู่วัยที่ 5 ก็จะหยุดกินอาหารแล้วก็สร้างปลอกดินหุ้มตัวเองฝังอยู่ในดินลึกลงไปอีก 5-10 เซนติเมตร ซึ่งในวัยสุดท้ายนี้จะฟักตัวเองได้อย่างยาวนานประมาณ 12 ถึง 15 เดือน จึงจะเข้าฝักเป็นดักแด้แล้วก็จะเป็นดักแด้ต่ออีก 2-3 เดือน เมื่อโตเต็มตัวสวยงามเต็มวัยแล้วก็จะยังคงอาศัยอยู่ในปลอกดินนั้นต่ออีกเกือบเดือนเพื่อให้ปีกแข็งแรง

       โดยจะออกมาสู่โลกภายนอกได้ในช่วงที่มีฝนตกหนักและดินชุ่มเท่านั้น แมลงทับจึงจะออกมาจากดินได้เนื่องจากเมื่อโดนน้ำฝนปลอกดินจะค่อย ๆ อ่อนตัวลงและค่อยๆละลายลง จากนั้นมันจะไต่ขึ้นจากใต้ดินและใช้ชีวิตออกหากินผสมพันธุ์และวางไข่เป็นวงจรชีวิตตามธรรมชาติต่อไป ซึ่งถ้านับดี ๆ แล้วกว่าจรอดมาได้สักตัวต้องใช้เวลาฟักตัวอยู่ได้นานถึง 2 ปี เมื่อตัวโตเต็มวัยก็จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกได้เพียงแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น

 

 

 

บาคาร่า888

Categories
ความรู้ แมลง

ด้วงเต่าลาย แมลงห้ำตัวจำกัดศัตรูพืชชั้นดี แมลงสีสดสวยที่ชาวเกษตรกรชื่นชอบ

แมลง

ด้วงเต่าลาย-(-Ladybird-beetles-,-Ladybugs-)

      ด้วงเต่าลาย ( Ladybird beetles , Ladybugs ) หรือที่เรียกว่า เต่าทอง เป็นแมลงปีกแข็งที่อยู่ในวงศ์ Coccinellidae มีลักษณะเป็นแมลงปีกแข็งขนาดเล็ก ตัวอ้วนกลม ส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะพบชนิดที่มีปีกสีแดง ส้ม เหลือง และมักจะมีลวดลายเป็นจุดสีดำกระจายอยู่ทั่วปีก เมื่อมองดูจะมีลักษณะโค้งนูนคล้ายหลังเต่าและมีหนวดแบบลูกตุ้ม จึงเป็นที่มาของชื่อ เต่าทอง พบว่ามีถิ่นการกระจายพันธุ์อยู่ในประเทศไทย

การใช้ชีวิตของด้วงเต่าลายแมลงสีสวยตัวจิ๋ว

ด้วงเต่าลาย-(-Ladybird-beetles-,-Ladybugs-)

      ด้วงเต่าลายจะมีรูปร่างลักษณะและสีสันที่แตกต่างกันออกไป บางชนิดจะมีสีเหมือนกันทั้งตัว เช่น สีน้ำตาล สีดำ สีส้ม บางชนิดก็จะเป็นลายหรือจุดบนลำตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นตัวห้ำมีน้อยชนิดที่เป็นศัตรูพืช ( แมลงตัวห้ำ คือ แมลงที่หากินเหยื่อที่เป็นแมลงด้วยกันเป็นอาหาร ชาวเกษตรกรนิยมใช้ประโยชน์จากตัวห้ำในการกำจัดศัตรูพืชโดยการปล่อยให้ลงไปกินแมลงศัตรูพืชที่มีอยู่ในสวน ) 

ด้วงเต่าลาย-(-Ladybird-beetles-,-Ladybugs-)

      เต่าทองมีลักษณะเป็นแมลงห้ำทั้งในระยะที่เป็นตัวอ่อนและตัวโตเต็มวัย สามารถทำลายแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย ไรศัตรูพืช รวมทั้งไข่ของแมลงศัตรูพืชอีกหลายชนิด นอกจากเต่าทองจะกินแมลงศัตรูพืชเป็นอาหารหลักแล้ว ในยามที่ขาดแคลนอาหารก็ยังสามารถกินน้ำหวานที่แมลงกลั่นออกมา (Honeydew) และน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เพื่อประทังชีวิตด้วย

วงจรชีวิตและการสืบพันธุ์ของด้วงเต่าลาย

ด้วงเต่าลาย-(-Ladybird-beetles-,-Ladybugs-)

      ด้วงเต่าลายตัวเมียที่โตเต็มวัยจะวางไข่กระจุกกันเป็นกลุ่มโดยจะเรียงเป็นแถวอย่างมีระเบียบ ในบางครั้งอาจจะวางไข่เป็นแบบเป็นฟองเดี่ยว ๆ บนต้นพืช ใบพืช และชอบวางไข่บริเวณที่มีเหยื่ออยู่ทำให้ง่ายต่อการออกหาอาหาร 

      ไข่ด้วงเต่าลายมีหลากหลายสี ตั้งแต่สีครีม เหลืองอ่อน เหลืองแก่ ส้ม หรือสีแดง แล้วแต่ชนิด และจะฟักเป็นตัวอ่อนภายใน 2 – 3 วัน เมื่อตัวอ่อนฟักออกจากไข่จะมีรูปร่างยาวรี ในช่วงที่ยังเป็นตัวอ่อนจะแบ่งออกเป็น 4 วัย หลังจากนั้นจะหดตัวกลับเข้าเป็นดักแด้ซึ่งระยะเวลาที่เป็นดักแด้จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อออกจากดักแด้ 2 – 3 วัน จะเริ่มผสมพันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ( แม้เพียงครั้งเดียว ) ก็สามารถจะวางไข่ที่สมบูรณ์ได้ตลอดชีวิต

ด้วงเต่าลาย-(-Ladybird-beetles-,-Ladybugs-

      ด้วงเต่าลายที่ตัวโตเต็มวัยจะมีอายุอยู่ได้ 1 – 2 เดือน หากอยู่ในบริเวณที่เหมาะสม มีอาหารสมบูรณ์ ตัวเมีย 1 ตัว จะสามารถวางไข่ได้มากถึง 900 – 1,000 ฟองเลยทีเดียว และในระยะที่เป็นตัวอ่อนจนถึงตัวโตเต็มวัยด้วงเต่าลายหนึ่งตัวจะสามารถกินเพลี้ยอ่อนเฉลี่ยประมาณ 1,167 ตัว จึงไม่แปลกที่ชาวเกษตรกรจะชื่นชอบและสะสมเจ้าตัวจิ๋วนี้เอาไว้ในสวน จัดว่าเป็นวิธีการพึ่งพากันแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอย่างสมบูรณ์

 

 

 

สล็อตผ่านวอเลท ไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ความรู้ แมลง

ตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพู นักฆ่าที่ชอบกินคู่รักเป็นอาหาร

แมลง

       ตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพู หรือ ตั๊กแตนต่อยมวยกล้วยไม้สีชมพู ( Walking flower mantis , Pink orchid mantis ) เป็นแมลงที่จัดอยู่ในวงศ์ HYMENOPODIDAE มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hymenopus coronatus  โดยตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพูจัดเป็นแมลงจำพวกตั๊กแตนตำข้าวอีกสายพันธุ์หนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นตั๊กแตนตำข้าวที่มีสีสันและมีลักษณะรูปทรงที่สวยงามที่สุด พบได้ทั่วไปตามป่าดิบชื้นแกประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ไทย , พม่า , มาเลเซีย , ฟิลิปปินส์ , อินโดนีเซีย , อินเดีย ในประเทศไทยสามารถพบได้ในแถบจังหวัดเชียงใหม่ , เชียงราย , ลำพูน , ระยอง , ระนอง

       ตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพูจะมีสีลำตัวเป็นสีชมพูหรือสีชมพูอ่อนปนขาว และบางตัวจะมีลักษณะเป็นสีขาวล้วน ทั้งนี้สีสันของตั๊กแตนตำข้าวก็จะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละสายพันธุ์ สีที่สามารถพบเห็นได้ เช่น สีดำ สีแดง สีขาว สีชมพู สีน้ำตาล ฯลฯ ซึ่งตัวเมียจะมีรูปร่างใหญ่กว่าตัวผู้ โดยตัวเมียจะมีขนาดประมาณ 6-7 เซ็นติเมตร ในขณะที่ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่ามากโดยจะมีขนาดตัวเพียง 2.5 เซนติเมตรเท่านั้น ตั๊กแตนตำข้าวชนิดนี้มีความพิเศษ คือ สามารถเปลี่ยนสีได้โดยอาศัยสิ่งเร้าจากสภาพแวดล้อมรอบๆตัว เช่น ความชื้นและความเข้มของแสง

วิธีอำพรางตัวและหาอาหารของตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพู

       ตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพูมีส่วนขาที่ขยายออกรูปร่างคล้ายกับกลีบของดอกกล้วยไม้ ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ ดอกไม้ ไม้ดอก-ไม้ประดับ ที่มีสีขาวหรือสีชมพูเพื่อช่วยในการอำพรางซ่อนตัวหลบหลีกอันตรายจากศัตรูต่างๆ รวมถึงเพื่อดักรอเหยื่อที่ผ่านมาโดยการทำตัวนิ่งๆให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม และเมื่อมีเหยื่อผ่านมามันก็จะแปลงร่างเป็นนักล่ารีบเข้าจัดการกับเหยื่ออย่างรวดเร็ว อาหารของตั๊กแตนตำข้าวสายพันธุ์นี้ เช่น แมลง มด ตั๊กแตน และสิ่งมีชีวิตตอื่นๆ 

วิธีการผสมพันธุ์ของตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพู

       ในการสืบพันธุ์ของตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพูก็จะคล้ายกันกับตั๊กแตนตำข้าวทั่วไป คือ เมื่อตัวเมียมีอายุเต็มวัยได้ประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ก็จะเริ่มมีการจับคู่ผสมพันธุ์โดยในการผสมพันธุ์จำเป็นจะต้องรอให้ตัวเมียมีความพร้อมเสียก่อนหากตัวผู้ดื้อรั้นจะเข้าไปผสมพันธุ์ทั้งที่เพศเมียยังไม่พร้อมผสมพันธุ์ตัวผู้อาจจะกลายเป็นอาหารของตัวเมียก็เป็นได้หรือแม้แต่หลังจากการผสมพันธุ์ตัวผู้ตัวก็มักจะถูกเมียจับกินเป็นอาหารอยู่เสมอ หลังจากการผสมพันธุ์ประมาณ 15-30 วัน จะเริ่มวางไข่ จากนั้นก็จะใช้เวลาฟักไข่ประมาณ 5-6 สัปดาห์ เมื่อฟักไข่เป็นตัวอ่อนแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นตัวโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์ต่อไป ซึ่งระยะเวลาในการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่พบส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจึงจะพร้อมผสมพันธุ์ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมว่าเจ้าตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพูจะได้กินอาหารเพียงพอหรือไม่ พบว่าการกินตัวผู้หลังจากผสมพันธุ์เสร็จแล้วตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้สีชมพูตัวเมียจะสามารถวางไข่ได้มากถึง 88 ฟอง ซึ่งมากกว่าตัวเมียที่ไม่ได้กินตัวผู้ อาจเป็นไปได้ว่าการกินตัวผู้เป็นอาหารก็เพราะต้องการสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนก็เป็นได้

 

 

 

คาสิโนออนไลน์ฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
แมลง

“ยุง” ตัวยุ่ง ใครจะเชื่อว่ายุงนั่นก็มีประโยชน์เหมือนกัน

แมลง

“ยุง” ตัวยุ่ง ใครจะเชื่อว่ายุงก็มีประโยชน์

“ยุง” ชื่อสั้นๆ ที่ใครได้ยินก็คันแล้ว คนส่วนใหญ่เมื่อนึกถึง “ยุง” ก็คงจะรู้สึกไม่ชอบ รำคาญ รวมถึงมองว่ายุงเป็นพาหะนำเชื้อไข้เลือดออก ไข้มาลาเรียที่อาจทำให้เป็นอันตรายจนถึงชีวิตได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ยุง ไม่ได้เป็นแมลงที่เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างความรำคาญให้คุณเท่านั้น แต่พวกมันยังมีประโยชน์กับระบบนิเวศในแบบที่คุณนึกไม่ถึงเลยทีเดียว

ลักษณะยุง เจ้าแมลงตัวยุ่ง

“ยุง” ตัวยุ่ง ใครจะเชื่อว่ายุงก็มีประโยชน์

แม้ว่าคุณสามารถพบกับ “ยุง”  ได้ทั่วโลก แต่คุณจะสามารถพบยุงมากกว่าในประเทศเขตร้อน และเขตอบอุ่น ในโลกนี้มียุงมากกว่า 4,000 ชนิด ลักษณะยุงโดยทั่วไปมีลำตัวที่อ่อนนุ่ม และเปราะบาง มีร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วนที่ชัดเจนคือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง พวกมันมีลำตัวยาว 4-6 มิลลิเมตร วัฏจักรวงจรชีวิตของยุงแบ่งออกเป็น 4 ระยะที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน ได้แก่ 1. ระยะไข่ ที่จะพบได้ตามแหล่งน้ำต่างๆ ไปจนถึงบริเวณที่มีน้ำขัง 2. ระยะลูกน้ำ หรือ ลูกน้ำยุง ที่จะมีการลอกคราบถึง 4 ครั้งก่อนจะเข้าสู่ระยะที่ 3. คือระยะตัวโม่ง ที่จะมีลักษณะแตกต่างจากลูกน้ำยุงพอสมควร โดยใช้เวลา 3-4 วันในการเจริญเติบโตเพื่อเข้าสู่ระยะที่ 4 ที่เป็นยุง แบบตัวเต็มวัย

ในความจริงแล้วอาหารของ “ยุง” ไม่ว่าจะเป็นเพศผู้ หรือ เพศเมีย คือ น้ำหวานที่ได้จากเกสรของดอกไม่ต่างๆ แต่สำหรับยุงตัวเมีย แค่นั้นอาจจะยังไม่พอ เพราะ ยุุงตัวเมียจะยังคงต้องการโปรตีนจากเลือด ไม่ว่าจะเป็นเลือดมนุษย์ หรือ เลือดของสัตว์ นั่นขึ้นอยู่กับชนิดของยุง เพื่อพวกมันจะได้รับพลังงาน และ ช่วยให้ไข่เจริญเติบโต นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เจ้ายุงทั้งหลายมาก่อคงามรำคาญให้กับเรา เพราะนอกจากสารเคมีที่ยุงปล่อยออกมาทำให้เรารู้สึกคันแล้ว ยุงยังเป็นพาหะนำโรคหลายชนิดที่สามารถทำให้เราป่วย จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่คุณมั่นใจแล้วหรือว่าเจ้ายุงเกิดมาเพื่อจะก่อความรำคาญให้เราเพียงอย่างเดียว?

ประโยชน์ของยุงต่อระบบนิเวศ และมนุษย์

ประโยชน์ของยุงต่อระบบนิเวศ และมนุษย์

เราขอคอนเฟิร์มว่า “ยุง”  ไม่ได้แค่เพียงจะก่อความรำคาญเป็นอย่างเดียว เพราะพวกมันมีความสำคัญต่อระบบนิเวศด้วย ซึ่งประโยชน์ของยุง คือ การที่ยุงกินน้ำหวานจากดอกไม้ ทำให้ยุงมีส่วนช่วยในการผสมพันธุ์พืชได้ไม่แพ้บรรดาผีเสื้อ ผึ้ง ไปจนถึงแมลงอื่นๆ  อีกทั้ง ยุง ที่โตเต็มวัยยังสามารถเป็นอาหารให้กับนก แมงมุม จิ้งจก รวมถึงคนในประเทศแอฟริกาด้วย นอกจากนั้นการที่ยุงกัดเรายังจะช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันโรคของเราทำงาน และการที่ยุงวางไข่ในน้ำนั้นจะช่วยให้น้ำไม่เน่าเสีย เพราะลูกน้ำยุงจะช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำได้

แต่ถึงแม้ว่า “ยุง” จะมีประโยชน์กับระบบนิเวศ หรือช่วยกระตุุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคของเราทำงาน แต่ คุณก็ควรจะหลีกหลี่ยงการปะทะกับยุง หรือ อยู่ในที่ๆ มียุงเยอะๆ เนื่องจาก โรคภัยที่มากับยุงนั้นน่ากลัวกว่าที่คุณคิด