Categories
สัตว์บก แนะนำ

ยีราฟ : ความน่าทึ่งของเจ้าคอยาวแห่งโลกแอฟริกา

แนะนำ

คุณอาจจะเคยเห็นยีราฟฝูงใหญ่อยู่ตามสวนสัตว์ต่าง ๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในความเป็นจริงเจ้ายีราฟพวกนี้กำลังใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว หากคุณเคยไปเที่ยวสวนสัตว์สักแห่ง ส่วนที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือการได้ไปชมความน่าทึ่งของบรรดายีราฟคอยาวที่ดูแปลกตา และการได้ป้อนอาหารเจ้ายีราฟเหล่านี้คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเด็ก ๆ ไม่ใช่น้อย แต่หากคุณต้องการทำความรู้จักกับพวกมันให้มากขึ้น ทั้งประวัติยีราฟ ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ชีวิตอันน่าทึ่งจริง ๆ ของยีราฟเหล่านี้เป็นอย่างไร คุณจะต้องไม่พลาดบทความนี้

ก่อนอื่นเรามาดูประวัติยีราฟกัน เจ้ายีราฟคอยาวที่มีรูปร่างน่าทึ่งนี้ ยีราฟถือเป็นสัตว์บกที่สูงที่สุดในโลก ที่เลี้ยงลูกด้วยนม และเคี้ยวเอื้อง พวกมันจะมีลำตัวสูง ขายาว คอยาว และ มี 2 เขา ยีราฟส่วนใหญ่จะมีลำตัวสีเหลืองสลับกับลายน้ำตาลเข้ม มีลิ้นยาวสีม่วงล้ำ พวกมันอาจจะมีความสูงได้ถึง 5.5 เมตร และหนักถึง 900 กิโลกรัม

เนื่องจากการที่เจ้ายีราฟมีคอที่ยาว คุณรู้หรือไม่ว่ายีราฟกินอะไร อาหารยีราฟจึงได้แก่ ยอดต้นไม้สูง หรือพุ่มไม้สูงที่มีหนามแหลมซึ่งส่วนใหญ่จะมีพิษ แต่พิษ หรือหนามเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเจ้ายีราฟได้เนื่องจากพวกมันมีลิ้นที่หนาและยาวที่ช่วยให้พวกมันสามารถกินอาหารได้อย่างสบาย

ความน่าทึ่งของเจ้ายีราฟยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ เรื่องน่ารู้ของยีราฟ ที่จะทำให้คุณทึ่งต่อไปคือ คอยาวๆ ของเจ้ายีราฟนอกจากจะช่วยให้มันหาอาหารกินได้ง่ายแล้ว ยีราฟเพศผู้ยังใช้คอของมันกวัดแกว่งต่อสู้กันเพื่อแย่งยีราฟเพศเมียด้วย และแน่นอนว่าอีกประโยชน์ของการที่มีคอยาวๆ ก็คือพวกมันสามารถมองเห็นศัตรูที่เป็นบรรดานักล่าจากระยะไกลได้

อีกหนึ่งความน่าทึ่งของยีราฟคือ พวกมันมักจะให้เวลาในการนอนหลับไม่กี่นาที และไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำบ่อย เนื่องด้วยลักษณะของเจ้ายีราฟที่ดูเก้งก้าง ทำให้พวกมันนั่งและลุกยืนขึ้นค่อนข้างจะลำบาก รวมถึงการก้มล้มลงไปดื่มน้ำตามแหล่งน้ำที่ดูจะไม่ค่อยสะดวกนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะในตอนที่เจ้ายีราฟกินใบไม้ที่อยู่ตามยอดไม้ หรือยอดพุ่มไม้ที่พวกมันใช้เป็นอาหารก็จะให้พวกมันได้รับน้ำได้อย่างเพียงพอแล้ว

ยีราฟยังมีความน่าทึ่งอีกมากมายที่จะทำให้คุณต้องร้อง ว๊าว! แต่น่าเสียดายที่จากการสำรวจพบว่าในปัจจุบันมียีราฟเหลือบนโลกแค่เพียง 110,000 ตัวเท่านั้น เราได้เพียงแต่คาดหวังว่าคนรุ่นหลังเราคงได้มีโอกาสพบกับเจ้ายีราฟคอยาวที่น่าทึ่งเหล่านี้แบบตัวเป็นๆ อย่างที่เราเคยสัมผัสได้ต่อไปอีกนาน ๆ

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม แนะนำ

“ฉลาม” เป็น “นักล่า” ที่น่ากลัวจริงหรือ?

แนะนำ

หากเราจะพูดถึง ฉลาม หรือ ปลาฉลาม คุณจะนึกถึงอะไร? เรามั่นใจว่ามากกว่า 70% ที่จะนึกถึงความดุร้ายของฉลามขาว หรือจะเป็นความน่าเกรงขามของฉลามวาฬ รวมถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวของปลาฉลามชนิดต่าง ๆ ที่เราได้เห็นตามสื่อหรือภาพยนตร์ระทึกขวัญมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับนักล่าที่น่าเกรงขามนี้ว่าจริง ๆ แล้ว พวกมันมีความน่าอัศจรรย์ที่คุณยังไม่ได้รู้อีกมากมาย ลองอ่านบทความนี้แล้วคุณจะรู้ว่าความน่าอัศจรรย์ที่เรากล่าวถึงคืออะไร

ประวัติปลาฉลาม

ที่คุณต้องรู้คือ ฉลามทุกชนิดเป็นสัตว์กินเนื้อ ฉลามส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว มีเพียงฉลามน้ำจืด หรือน้ำกร่อยบางชนิดที่ออกลูกเป็นไข่ และสุดท้ายนักล่าเหล่านี้มีโครงสร้างร่างกายที่มีแต่กระดูกอ่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงได้ว่ายน้ำได้ปราดเปรียวนัก

ฉลามเป็นสัตว์ที่มีหลากหลายสายพันธุ์มาก และแต่ละปลาฉลามแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรูปร่าง หน้าตา ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น ฉลามวาฬ ที่ถือว่าเป็นฉลามที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถมีความยาวได้ถึง 20 เมตร แต่ฉลามวาฬเหล่านี้กลับมีฟันซี่เล็กและกินแพลงตอนเป็นอาหาร, ฉลามขาวเป็นฉลามที่นับว่าดุร้ายมากสายพันธุ์หนึ่ง ลักษณะเด่นของฉลามขาว คือพวกมันจะมีท้องสีขาวและแผงเหงือกข้างลำตัว หรือ ฉลามหัวค้อนที่มีลักษณะที่ดูแปลกตา คือพวกมันจะมีส่วนหัวที่แบนราบคล้ายกับค้อน เป็นต้น

นอกจากนั้นฉลาม ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้สร้างสมดุลแห่งท้องทะเล” จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าปลาฉลามที่หลายคนเรียกว่านักล่านั้น อันที่จริงแล้วพวกมันเป็น 1 ในผู้สร้างสมดุลแห่งท้องทะเล ซึ่งบรรดาฉลามไม่ว่าจะเป็น ฉลามวาฬ ฉลามขาว ฉลามหัวค้อนหรือไม่ว่าจะเป็นฉลามสายพันธุ์ไหน ส่วนใหญ่พวกมันจะเลือกเหยื่อที่เชื่องช้า ป่วย อ่อนแอ หรือใกล้ตาย นั่นก็เหมือนกับนักล่าเหล่านี้กำลังพยายามที่จะช่วยเลือกสรร และจัดสรรให้โลกใต้น้ำอยู่ในความสมดุลเพื่อไม่ให้มีปลากินพืชมากไป หรือช่วยไม่ให้มีสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากพวกมันมากเกินไป แต่ด้วยสัญชาตญาณนี้ของปลาฉลามทำให้เมื่อมีคนลงไปว่ายน้ำใกล้พวกมัน ทำให้พวกมันคิดว่านั่นคือ “เหยื่อ” และได้ทำอันตรายกับคนเหล่านั้นได้


แต่เราอาจเรียกไม่ได้เต็มปากอีกต่อไปว่า ปลาฉลามคือนักล่า เพราะในความเป็นจริงแล้วพวกมันกลับกลายเป็นเหยื่อสำหรับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีองค์กรมากมายถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อคอยพิทักษ์เจ้าฉลามพวกนี้ เพื่ออนุรักษ์นักล่าเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน.

Categories
สัตว์ปีก แนะนำ

“ค้างคาว” สัตว์ มหัศจรรย์ หรือ น่าขนลุก

แนะนำ

ในช่วงปี 2019 – 2020 ที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าใคร ๆ ก็คุ้นชินกับคำว่า ค้างคาวมากขึ้น เนื่องจาก ค้างคาว ถูกเชื่อว่าเป็นตัวพาหะที่นำเชื้อไวรัสโคโร่น่า หรือเชื้อโรคอีโบล่าเมื่อปี 2014 มาสู่คน ทำให้เกิดวิกฤตโรคติดต่อที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกัน หรือ รักษาได้ แต่ ค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าขนลุก หรือ น่ารังเกียจขนาดนั้นจริงเหรอ เราลองมาทำความรู้จักกับความน่ามหัศจรรย์ของค้างคาวกันให้มากขึ้น ทั้งประวัติค้างคาว ค้างคาวกินอะไรเป็นอาหาร รวมถึงประโยชน์ของค้างคาวในระบบนิเวศ ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดได้แน่นอน

bat1

ประวัติของค้างคาว

คุณอาจจะต้องปะหลาดใจเมื่อเรากำลังจะบอกคุณว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง เพราะจากหลักฐานค้างคาวมีมาตั้งแต่สมัย 50 ล้านปีก่อน พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง คนไทยอาจจะคุ้นชินกับสำนวนที่ว่า “นกมีหู หนูมีปีก” ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และนั่นก็ถือเป็นเอกลักษณ์เด่นของค้างคาวก็ว่าได้ ค้างคาวมีมากมายหลายสายพันธุ์ พบกระจัดกระจายไปทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์ที่คุณอาจจะคุ้นชินอย่าง ค้างคาวแม่ไก่ หรือ ค้างคาวดูดเลือดแวมไพร์

แน่นอนว่า “ค้างคาวดูดเลือด” ที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่ แดร็กคูล่า หรือผีดูดเลือดอย่างแวมไพร์ แต่เรากำลังจะพูดถึง ค้างคาวดูดเลือดที่เป็นค้างคาวขนาดเล็กที่ดูดเลือดสัตว์อื่นที่ใหญ่ว่าเป็นอาหารสามารถพบได้ในแถบทวีปอเมริกา แต่หากคุณถามว่าโดยปกติค้างคาวกินอะไรเป็นอาหาร เราก็ต้องจำแนกให้คุณรู้ก่อนว่าค้างคาวแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ค้างคาวขนาดใหญ่ที่มีสายตาดี พวกนี้มักจะกินผลไม้ น้ำหวาน เกสรดอกไม้เป็นอาหาร อย่างค้างคาวแม่ไก่ เป็นต้น ส่วนค้างคาวอีกประเภทคือ ค้างคาวที่สายตาไม่ดี หรืออาจจะตาบอด ซึ่งส่วนใหญ่กินแมลง ปลา กบ หรืออาจจะกินเลือดของสัตว์ที่ใหญ่กว่าอย่างค้างคาวดูดเลือด

หากคุณยังมีความคิดที่ว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าขนลุก น่าขยะแขยง สกปรกทำให้เป็นพาหะของโรคระบาดร้ายแรง แต่เราอยากจะเปลี่ยนความคิดของคุณใหม่ เพราะในความจริงค้างคาวเป็นสัตว์ที่สะอาดมาก เพราะพวกมันมักจะทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอเช่นเดียวกับ สุนัข หรือ แมว อีกทั้งค้างคาวไม่ว่าจะเป็นค้างคาวขนาดใหญ่อย่างค้างคาวแม่ไก่ หรือค้างคาวขนาดเล็กอย่างค้างคาวดูดเลือด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับระบบนิเวศทั้งสิ้น พวกมันมีหน้าที่ช่วยกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืช เชื่อหรือไม่ว่าในหนึ่งคืน พวกมันสามารถกินแมลงได้มากเท่าขนาดน้ำหนักตัวมันเลยทีเดียว นอกจากนั้นมูลของค้างคาวเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยชั้นดีได้อีกด้วย

คุณจะเห็นแล้วว่าในความจริง ค้างคาว ก็เป็นเพียงสัตว์ปีกชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ในการรักษาสมดุลระบบนิเวศ แต่แค่เพียงรูปร่าง หน้าตา สีสัน ของพวกมันที่ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก ทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าพวกมันเป็นสัตว์ที่ดูน่าขนลุก แต่หากเรามองลึกๆ ลงไป อันตราย หรือเชื้อโรคที่พวกมันเป็นพาหะมาสู่มนุษย์อย่างเราได้ ก็เพราะว่าเราไปรบกวนพวกมันก่อนนั่นเอง