Categories
สัตว์บก

พาส่อง หมูแคระ สัตว์เลี้ยงเทรนด์ใหม่ มีวิธีการดูแลยังไงบ้าง?

หมูแคระ หรือ Mini Pig เจ้าหมูขนาดเล็กสุดน่ารัก ทั้งยังมีนิสัยแสนรู้ ช่างอ้อน ช่างเอาอกเอาใจ เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่ทำให้เหล่าเจ้าของต่างก็ต้องหลงรัก บวกกับในสมัยนี้ที่เทรนด์ของการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ มีความหลากหลายและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

จึงไม่แปลกที่คนทั่วไปจะมีความสนใจอยากเลี้ยงหมูแคระในบ้านกันด้วยนั่นเอง แต่สำหรับมือใหม่ที่อาจจะยังไม่รู้จักสัตว์ชนิดนี้มากพอ รวมถึงอาจจะยังไม่ได้มีประสบการณ์ว่าเลี้ยงหมูแคระต้องเตรียมอะไรบ้าง ก็สามารถนำเอาสาระความรู้ดีๆ ที่เราจะนำมาแบ่งปันให้ในบทความนี้ไปปรับใช้กันได้เลย

ความต้องการพื้นฐานของ หมูแคระ

ความต้องการพื้นฐานของหมูแคระ

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ สำหรับใครที่อยากจะลองเลี้ยงหมูแคระ เพราะสัตว์ชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงซึ่ง ‘เลี้ยงง่าย’ มากชนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นหลายคนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับอันตรายจากการเลี้ยงหมูแคระ รวมถึงจะต้องปวดหัวกับการเลี้ยงพวกมันจนกลายเป็นความทรมานแทนที่จะได้ใช้เวลาสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่คนเลี้ยงหมูแคระไม่ควรละเลย ก็คือการทำความเข้าใจกับความต้องการพื้นฐาน รวมถึงสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงหมูแคระว่าควรจะต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยสำหรับการใชชีวิตของพวกมันด้วย โดยสิ่งที่จำเป็นต่อความเป็นอยู่ของพวกมันก็จะแบ่งออกเป็นด้านต่างๆ มากมาย เช่น

  • การจัดเตรียมพื้นที่อยู่อาศัย

สำหรับความต้องการแรกซึ่งมีความจำเป็นต่อการเลี้ยงหมูแคระ ก็คือการจัดเตรียมของที่อยู่อาศัย โดยจะต้องเลือกสถานที่ซึ่งมีความกว้างขวาง โปร่ง มีอากาศถ่ายเท หากต้องการเลี้ยงหมูแคระในกรงก็ต้องระมัดระวัง และไม่ควรเลือกกรงที่เล็กหรืออึดอัดเกินไป

  • การจัดเตรียมพื้นที่สำหรับขับถ่าย

อีกหนึ่งวิธีเลี้ยงหมูแคระสำหรับมือใหม่ที่ไม่ควรละเลยเด็ดขาด ก็คือการให้ความสำคัญกับการขับถ่ายของพวกมัน เพราะของเสียเหล่านั้นมีกลิ่นค่อนข้างแรง ดังนั้นควรเตรียมพื้นที่ขับถ่ายเอาไว้ให้มิดชิด หรือมีอากาศระบายได้ดี มีกระบะทราย ขี้เลื่อย หรืออุปกรณ์ดับกลิ่นเตรียมไว้เสมอ

  • การดูแลสุขภาพ

เรื่องของสุขภาพหนึ่งในคู่มือการเลี้ยงหมูแคระที่จำเป็นไม่แพ้กัน เพราะการที่พวกมันได้ออกกำลังกายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเล่นกับพวกมันบ่อยๆ หรือปล่อยให้พวกมันวิ่งเล่นในพื้นที่กว้างๆ สัก 1-2 ชั่วโมงก็จะช่วยลดปัญหาสุขภาพหมูแคระได้นั่นเอง

  • การดูแลชีวิตความเป็นอยู่

ตัวอย่างของความต้องการพื้นฐานสำหรับหมูแคระอีกหนึ่งข้อที่เราอยากจะแนะนำ ก็คือการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพวกมันให้ดี ไม่ว่าจะด้วยการเลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ดูแลรักษาความสะอาดด้วยการอาบน้ำเป็นประจำ ตลอดจนให้เวลากับพวกมันอยู่เสมอด้วยนั่นเอง

พฤติกรรมของ หมูแคระ

พฤติกรรมของหมูแคระ

ต้องบอกเลยว่าเหตุผลที่ทำให้คนทั่วไปอยากจะเลี้ยงหมูแคระ นอกจากพวกมันจะมีขนาดไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป(ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) นิสัยหมูแคระเองก็ยังมีความร่าเริง สามารถเป็นเพื่อนเล่นเวลาเหงาๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนสามารถรู้จักเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์พวกนี้ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักพฤติกรรม รวมถึงการฝึกวินัยหมูแคระให้เชื่องว่าต้องทำอย่างไรกันด้วย

  • พฤติกรรมทั่วไปของหมูแคระ

เรามาเริ่มกันที่พฤติกรรมหมูแคระรวมถึงลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของพวกมันกันก่อนเลย ซึ่งหมูแคระเป็นสัตว์ที่มีความร่าเริง ขี้เล่น ชอบวิ่งไปมาทั้งวัน มีความฉลาดแสนรู้ และชอบเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ ชอบอ้อน ชอบเล่นกับคน แต่หมูแคระบางตัวก็อาจจะแสดงอาการวิตกกังวลหรือขี้กลัวให้เห็นได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและนิสัยของหมูแต่ละตัว รวมทั้งอาจมีอาการโมโหหรือก้าวร้าวได้หากเกิดการกักขังและบังคับจากเจ้าของมากไป

  • ความต้องการทางสังคมของหมูแคระ

ถึงแม้ว่าความต้องการทางสังคมของหมูแคระ จะไม่ได้ต้องการให้มีเพื่อนหมูตัวอื่นๆ มาอาศัยอยู่ร่วมกันมากมายขนาดนั้น แต่เพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่ค่อนข้าง ‘ขี้เหงา’ และขี้เล่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเอาใจใส่ รวมถึงหาเวลาไปเล่นกับพวกมันอยู่เสมอ จึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้พวกมันมีความสุข ตลอดจนรู้สึกผ่อนคลายได้ดีด้วยนั่นเอง

  • การฝึกวินัยหมูแคระ

เจ้าของสามารถทำการฝึกวินัยหมูแคระให้มีความเชื่องและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้ เพราะหมูแคระเป็นสัตว์ที่มีความฉลาด เรียนรู้ได้ไว ซึ่งสิ่งที่หลายคนนิยมนำมาฝึกกันก็ได้แก่การฝึกเรื่องขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง โดยเทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้พวกมันจดจำได้ดี ก็ให้เริ่มฝึกพวกมันตั้งแต่ยังเด็กและทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรบังคับแต่ให้ค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงให้รางวัลกับพวกมันได้ด้วย

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง หมูแคระ

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมูแคระ

มาต่อกันที่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมูแคระ ซึ่งเป็นเพียงการประเมินคร่าวๆ เพื่อให้คนที่สนใจอยากเลี้ยงหมูแคระใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยค่าใช้จ่ายในส่วนค่าตัวของพวกมันก็จะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ อาจจะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท สามารถเลือกจ่ายกันได้ตามใจ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทุกคนเลย

นอกจากนั้นก็จะเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารหมูแคระ ค่าอุปกรณ์เลี้ยงดู ค่ากรง ค่าคอก ค่าน้ำค่าไฟ ค่าวัคซีน ค่าตรวจสุขภาพ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ใช้เมื่อหมูแคระป่วยด้วยนั่นเอง ซึ่งรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้ก็อาจจะทำให้กระเป๋าฉีกได้เลย หากไม่มีการจัดเตรียมเอาไว้นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเจ้าของเอง

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในหมูแคระ

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในหมูแคระ

การให้ความสำคัญกับสุขภาพรวมถึงการหมั่นฉีดวัคซีนป้องกันโรคของหมูแคระ เป็นสิ่งที่เจ้าของอย่างเราทุกคนต้องให้ความสำคัญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งโรคที่พบได้บ่อยก็มีมากมาย เช่น โรคไข้หนังแดง โรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย โรคเลปโทสไปราจากการปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร เยื่อหุ้มปอดอักเสบ รวมถึงโรคพิษสุนัขบ้าด้วย

อาหารของ หมูแคระ

อาหารของหมูแคระ

ปัจจัยสำคัญซึ่งจะช่วยให้หมูแคระมีสุขภาพที่ดี และสามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด ก็คือการเลือกอาหารของหมูแคระให้ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งอาหารที่เหล่าน้องหมูแคระต้องการก็ได้แก่ นมแพะ(สำหรับหมูเด็ก) อาหารเม็ด ผัก ผลไม้ รวมถึงอาหารเสริมสำเร็จรูป และจะต้องละเว้นอาหารที่มีรสเค็มจัดรวมถึงอาหารของเจ้าของเองด้วย

ความรับผิดชอบในการเลี้ยงหมูแคระ

ความรับผิดชอบในการเลี้ยงหมูแคระ

สำหรับใครที่เลือกเอาสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักอย่างเจ้าหมูแคระมาเลี้ยงกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องยอมรับให้ได้ก็คือความรับผิดชอบในการเลี้ยงหมูแคระ และภาระซึ่งจะต้องมีเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำความสะอาด การจัดเตรียมอาหารในแต่ละวัน รวมถึงการจะต้องตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัยได้ด้วย ซึ่งอายุขัยของหมูแคระโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี หรือมากกว่านั้นได้เป็นเท่าตัวขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพและการเลี้ยงดู

บทส่งท้าย

หากต้องกล่าวถึงสัตว์เลี้ยงที่มีทั้งความเลี้ยงง่าย น่ารัก ฉลาด และยังขี้อ้อนก็คงจะไม่กล่าวถึงเจ้า หมูแคระ ไม่ได้เลย โดยวิธีการเลี้ยงพวกมันก็ง่ายแสนง่าย แค่ต้องจัดเตรียมอาหารให้เหมาะกับช่วงวัย มีสารอาหารครบ มีที่อยู่กว้างขวาง มีพื้นที่วิ่งเล่น พาไปตรวจสุขภาพบ่อยๆ และหมั่นให้เวลากับพวกมันบ้างเพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่ต้องการความรักและขี้เหงาไม่น้อยเลยนั่นเอง

ขอขอบคุณคลิปจาก Bluebell Boo

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

สัตว์เลี้ยงน่ารัก นกค๊อกคาเทล นกแก้วขนาดเล็ก มีวิธีการเลี้ยงยังไง ไปดูกันเลย

Categories
สัตว์บก

มือใหม่ห้ามพลาด 5 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเลี้ยง กระต่าย

วิธีเลี้ยงกระต่าย

กระต่าย เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักที่ไม่ว่าใครก็อยากจะหามาเลี้ยง เพราะพวกมันมีขนปุกปุยและยังนุ่มนิ่มน่ากอด แต่ก็ต้องบอกกันเอาไว้ก่อนเลยว่าวิธีเลี้ยงกระต่ายสำหรับมือใหม่นั้น ไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับความน่ารักของพวกมันแน่นอน เพราะสัตว์เลี้ยงชนิดดังกล่าวเป็นสัตว์ที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจงในหลายด้าน ทั้งยังต้องมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลพวกมันให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย การดูแลสุขภาพ ให้เวลากับพวกมัน รวมถึงต้องใส่ใจในเรื่องความเป็นอยู่เป็นพิเศษต่างจากสัตว์เลี้ยงทั่วไปที่หลายคนอาจจะเคยเลี้ยงมาก่อน ซึ่งสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงกระต่ายจะมีอะไรบ้างตามไปอ่านพร้อมกันได้เลย

ความต้องการพื้นฐานของ กระต่าย

1. ความต้องการพื้นฐานของกระต่าย

กระต่าย ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราตอนนี้ก็จะมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นกระต่ายน่ารักที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก เนื่องจากเลี้ยงได้ในพื้นที่ซึ่งจำกัดดังนั้นจึงทำให้เกิดความสะดวกสบายกับเจ้าของได้มากกว่า เช่น สายพันธุ์ Mini Rex สายพันธุ์ Netherland Dwarf หรือสายพันธุ์ Dutch เป็นต้น

ซึ่งความต้องการพื้นฐานของกระต่ายที่นิยมนำมาเลี้ยงกันทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่การอยู่อาศัยมาเป็นอันดับแรก โดยคู่มือการเลี้ยงกระต่ายสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเลี้ยงกระต่ายในบ้านก็จะต้องเตรียมห้องที่มีความสะอาด กว้างขวางพอดี อากาศถ่ายเทสะดวก มิดชิดปลอดภัย สามารถเลี้ยงกระต่ายในกรงควบคู่ไปด้วยได้ แต่ควรจะมีเวลาปล่อยพวกมันออกมาวิ่งเล่นอย่างอิสระบ้าง

ในขณะที่หากเลี้ยงพวกมันเอาไว้นอกบ้าน ก็จำเป็นจะต้องศึกษาพฤติกรรมกระต่าย ว่ามันมีความต้องการอะไรบ้าง เช่น ต้องการที่วิ่งเล่นหรือมีความตื่นตระหนกง่ายหรือไม่ คำนึงถึงสภาพอากาศรวมถึงความแน่นหนาปลอดภัยของกรงด้วย นอกจากนั้นการจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงกระต่ายอื่นๆ อย่างอาหาร อุปกรณ์ใส่น้ำที่มีความสะอาด พื้นที่สำหรับขับถ่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน

พฤติกรรมของ กระต่าย

2. พฤติกรรมของกระต่าย

อีกหนึ่งวิธีเลี้ยงกระต่ายสำหรับมือใหม่ที่จะทำให้เจ้าของกับสัตว์เลี้ยงมีความสนิทสนมกันได้มากขึ้น ก็คือการทำความเข้าใจรวมถึงหมั่นสังเกตพฤติกรรมอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าจะเป็นกระต่ายหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายรู้สึกว่าพวกมันเลี้ยงยากก็คือการที่ไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไร ทั้งยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของพวกมันได้ จนอาจจะทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด ซึมเศร้า ไม่ร่าเริง

  • พฤติกรรมกระต่ายโดยทั่วไป

สำหรับพฤติกรรมกระต่ายที่พบเห็นได้ทั่วๆ ไป คือพวกมันจะเป็นสัตว์ที่รักการนอนมาก เพราะฉะนั้นช่วงเวลากลางวันส่วนใหญ่ก็จะหมดไปกับการนอนคุดตัวอย่างสบายใจอยู่ในกรง ในขณะที่ช่วงเวลากลางคืนกระต่ายของหลายคนก็จะเริ่มมีอาการคึก อยากวิ่งเล่น และลุกขึ้นมาปลดปล่อยพลังงานกันได้ ทั้งยังชอบกัดแทะทุกอย่างรอบตัวด้วย

นอกจากนั้นก็ยังมีพฤติกรรมที่อาจจะดูแปลก แต่เป็นไปได้ตามสัญชาตญาณอีกหลายข้อ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยถ้าผู้เป็นเจ้าของสามารถรับรู้ได้ว่ามันทำสิ่งเหล่านั้นไปเพื่ออะไร เช่น การเคาะเท้าเมื่อเกิดอาการตื่นกลัวหรือสัมผัสได้ถึงอันตราย การเอาจมูกมาถูที่ตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรืออาการหูลู่ยกหางขึ้นพร้อมยืนสองขาที่อาจกำลังบอกได้ว่าในตอนนี้กระต่ายแสนน่ารักพร้อมที่จะเข้าโจมตีผู้บุกรุกแล้วก็ได้นั่นเอง

  • ความต้องการทางสังคมของกระต่าย

กระต่ายจัดเป็นสัตว์ซึ่งมีความต้องการทางสังคมค่อนข้างสูง เพราะเดิมทีพวกมันจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ดังนั้นใครที่แยกพวกมันออกจากพวกพ้องก็อาจจะทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ตกใจง่าย รวมถึงมีอาการหวาดระแวงได้ด้วย ซึ่งวิธีเลี้ยงกระต่ายสำหรับมือใหม่ก็อาจจะหาคู่มาเลี้ยงร่วมกัน หรือถ้าไม่สะดวกจริงๆ ก็พยายามหลีกเลี้ยงการเลี้ยงพวกมันเอาไว้นอกบ้าน ควรให้เวลา และสร้างความคุ้นเคยให้กับพวกมันก่อนเสมอ

  • การฝึกวินัยกระต่ายทำได้หรือไม่

ถึงแม้ว่ากระต่ายอาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งมีความต้องการของตัวเองสูง อยากทำอะไรก็ทำ และในบางครั้งก็ไม่ได้สนใจเจ้าของมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าคนรักกระต่ายก็ยังสามารถทำการฝึกวินัยกระต่ายให้มีความแสนรู้และเป็นเชื่อฟังมากขึ้นได้ ด้วยวิธีเลี้ยงกระต่ายให้เชื่องเหล่านี้ เช่น ลองสั่งให้พวกมันทำตามคำสั่งสั้นๆ โดยต้องมีความสม่ำเสมอและทำเป็นประจำ หรือมีอาหารกระต่ายเป็นของรางวัลตอบแทนได้ด้วย

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง กระต่าย

3. ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงกระต่าย

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงกระต่ายก็จะแบ่งออกเป็นค่าใช้จ่ายระยะยาวกับค่าใช้จ่ายรายเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายระยะยาวก็คือค่าใช้ที่จ่ายครั้งเดียวจบ ไม่ต้องจ่ายบ่อย เช่น ค่าตัวของกระต่าย ค่ากรง ค่าอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าใช้จ่ายยิบย่อยซึ่งต้องจ่ายเป็นประจำก็จะมีพวกค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการพาพวกมันไปหาหมอ ซึ่งรวมแล้วก็จะเริ่มต้นที่หลักหลายพันบาทหรือแพงกว่านั้นขึ้นอยู่กับการดูแลของเจ้าของเอง

ปัญหาสุขภาพ กระต่าย ที่พบบ่อย

4. ปัญหาสุขภาพกระต่ายที่พบบ่อยกระต่าย

เป็นสัตว์เลี้ยงที่จำเป็นจะต้องให้การดูแลเป็นอย่างดี หากพาไปตรวจสุขภาพได้บ่อยๆ ก็จะเป็นการดี เพราะโรคของกระต่ายที่พบได้บ่อยมีอยู่หลายโรค ซึ่งล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตของพวกมันมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังจากปรสิตอย่างไรขี้เรื้อน ไรในหู หรือไรขน และก็ยังมีภาวะการติดเชื้อบิดที่จะทำให้มีอาการท้องเสียจนเสียชีวิตได้ รวมไปถึงโรคชัก โรคฝีรากฟัน และโรคมะเร็งอีกด้วย

ความรับผิดชอบในการเลี้ยงกระต่าย

5. ความรับผิดชอบในการเลี้ยงกระต่าย

มาต่อกันที่ความรับผิดชอบในการเลี้ยงกระต่ายที่เหล่ามือใหม่ควรจะรู้เอาไว้ ก่อนที่จะไปรับกระต่ายมาเลี้ยงกันเลย เพราะถึงแม้ว่าสัตว์เลี้ยงชนิดนี้จะมีความน่ารักสวยงาม แต่ก็อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่ารายละเอียดในการดูแลพวกมันให้ดีได้นั้นก็ไม่ได้ง่าย ทั้งยังต้องมีความรับผิดชอบในอีกหลายด้านให้ต้องทำความเข้าใจ เช่น

  • ความรับผิดชอบระยะยาวในการเลี้ยงกระต่าย

การเลี้ยงกระต่ายในบ้านหรือนำพวกมันมาเลี้ยงเอาไว้ในกรงนอกบ้าน อาจจะทำให้บางคนรู้สึกว่าสะดวกสบาย เพราะพวกมันตัวเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่ แต่ด้วยนิสัยกระต่ายที่ถึงพวกมันจะชอบนอน ก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ต้องการพื้นที่วิ่งเล่นและอิสระค่อนข้างมาก ดังนั้นหากใครที่ไม่สะดวกในการดูแล รวมถึงมีพื้นที่จำกัดในการเลี้ยงพวกมันในอนาคตก็อาจจะลำบาก ยิ่งเมื่อพวกมันโตขึ้นนั่นหมายความว่าพื้นที่และความต้องการอื่นๆ ก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย

  • อายุขัยของกระต่าย

โดยเฉลี่ยแล้วอายุขัยของกระต่ายจะอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกระต่ายที่ทุกคนนำมาเลี้ยงกันด้วย โดยสามารถแบ่งออกเป็นสามช่วงวัย ได้แก่ช่วงวัยเด็ก (ช่วงแรกเกิด–12 เดือน) ช่วงวัยโต (อายุ12เดือน-7ปี) และช่วงสุดท้ายคือวัยชรานั่นเอง

  • อาหารของกระต่าย

เมื่อผ่านพ้นช่วงวัยเด็กมาแล้ว อาหารของกระต่ายส่วนใหญ่ก็จะต้องเลือกให้มีปริมาณไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ หรือเลือกเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก เพราะมันจะเป็นผลดีต่อร่างกายและการเจริญเติบโตของพวกมัน เช่น พวกหญ้าแห้ง อย่างหญ้าแห้งอัลฟัลฟ่า หญ้าแห้งทิมโมธี หรือหญ้าแห้งข้าวโอ๊ต ทั้งยังสามารถเลือกให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นให้กับพวกมันก็ได้อีกด้วย

กระต่าย

บทสรุป

กระต่ายหนึ่งในสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก ขนนุ่ม ตัวเล็ก ซึ่งมีวิธีในการเลี้ยงค่อนข้างละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่อยู่อาศัยซึ่งจะต้องมีความมิดชิด จึงนิยมเลี้ยงเอาไว้ในกรงกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องคำนึงถึงการปล่อยให้พวกมันออกมาวิ่งเล่นบ้างเป็นครั้งคราว นอกจากนั้นพวกมันก็ยังต้องได้รับการดูแลและให้ความใส่ใจเป็นพิเศษอยู่เสมอ เพราะมันมีโอกาสป่วยด้วยโรคได้มากมายและยังเป็นสัตว์สังคมซึ่งขี้ตกใจง่ายอีกด้วย

ขอขอบคุณคลิปจาก Joyjee Loveberry

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

เปิดประตูสู่โลกจิ้งจอก พร้อมคู่มือเลี้ยง หมาจิ้งจอก สำหรับมือใหม่

Categories
สัตว์บก

เปิดประตูสู่โลกจิ้งจอก พร้อมคู่มือเลี้ยง หมาจิ้งจอก สำหรับมือใหม่

หากจะพูดถึงสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักขวัญใจชาว Pet Lover หลายคนก็คงจะคิดถึงน้องหมาหรือน้องแมวกันเป็นอันดับแรกๆ แต่รู้หรือไม่ว่าในสมัยนี้นอกจากสัตว์เลี้ยงยอดนิยมซึ่งพบเห็นกันได้ทั่วไปแล้ว ก็ยังมีสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่สามารถหามาเลี้ยงกันได้ ทั้งยังได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นเดียวกัน โดยสัตว์ชนิดนั้นก็คือเจ้า หมาจิ้งจอก นั่นเอง แน่นอนว่าการนำพวกมันมาเลี้ยงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเดิมทีสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นสัตว์ให้มนุษย์เลี้ยงดู ดังนั้นใครที่อยากจะดูแลพวกมันจึงจำเป็นจะต้องศึกษาว่าเลี้ยงหมาจิ้งจอกเตรียมอะไรบ้างก่อน รวมถึงทำความเข้าใจกับคู่มือการเลี้ยง หมาจิ้งจอก ที่เราจะนำมาแบ่งปันให้ สำหรับใครที่อยากจะลองเลี้ยงหมาจิ้งจอกในบ้านให้ปลอดภัยทั้งตัวเองและกับสัตว์เลี้ยงด้วย

อาหารของหมาจิ้งจอก

ความต้องการพื้นฐานหมาจิ้งจอก

สายพันธุ์ของหมาจิ้งจอกที่นิยมนำมาเลี้ยงกันในบ้านมากที่สุด คือสายพันธุ์ที่ชื่อว่าเฟนเน็คฟ็อกซ์ (Fennec Fox) หนึ่งในหมาจิ้งจอกน่ารักขนาดเล็ก จนได้รับการขนามนามว่าเป็น ‘จิ้งจอกจิ๋วแห่งทะเลทราย’ ซึ่งนอกจากขนาดตัวของพวกมันจะเล็กกะทัดรัด น่ารัก น่าฟัดแล้ว พฤติกรรมหมาจิ้งจอกสายพันธุ์นี้ก็ยังมีความขี้เล่น ซุกซน ฉลาด และไฮเปอร์ละม้ายคล้ายกับพวกโกลเด้นอีกด้วย

และเนื่องจากไม่ใช่หมาจิ้งจอกทุกสายพันธุ์ที่จะนำมาเลี้ยงกันได้ ดังนั้นใครที่อยากจะเลี้ยงจึงจำเป็นจะต้องเลือกสายพันธุ์จากต่างประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความเชื่องและลดสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าของพวกมันให้น้อยมากที่สุด ทั้งยังต้องผ่านการรับรองแล้วว่าไม่ผิดกฎหมาย

เพราะฉะนั้นความต้องการพื้นฐานหมาจิ้งจอกเหล่านี้ ก็จะต้องให้ความสำคัญกับลักษณะที่อยู่อาศัย อาหาร ความสะอาด รวมถึงต้องทำความเข้าใจกับความต้องการทางสังคมของหมาจิ้งจอกเพื่อสุขภาพจิตที่ดีด้วย เนื่องจากถึงแม้ว่าพวกมันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง แต่ในบางครั้งพวกมันกลับรักสันโดษและอยากใช้เวลาส่วนตัวบ้างเหมือนกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเลี้ยง หมาจิ้งจอก

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเลี้ยงหมาจิ้งจอก

เมื่อตัดสินใจกันได้แล้วว่าต้องการดูแลสัตว์เลี้ยงชนิดนี้กันจริงๆ ขั้นตอนแรกซึ่งสำคัญมากที่สุด ก็คือการเตรียมความพร้อมและจัดหาสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงหมาจิ้งจอกเอาไว้ให้ครบ เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในช่วงที่รับน้องเข้ามา จนเป็นผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงและตัวของเจ้าของเองด้วย โดยสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรจะมีเมื่ออยากเลี้ยงหมาจิ้งจอกก็ได้แก่

  • กรง

การจัดเตรียมกรงเอาไว้ให้พร้อม ถือว่าเป็นวิธีเลี้ยงหมาจิ้งจอกสำหรับมือใหม่ที่สำคัญมาก เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจทำให้หมาจิ้งจอกวิ่งเตลิดหายไปไกลตามธรรมชาติของพวกมัน และส่งผลเสียร้ายแรงตามมาได้ โดยกรงที่นำมาใช้ก็สามารถเลือกเป็นลักษณะเดียวกันกับกรงของน้องหมาน้องแมวได้เลย ถ้ากลัวน้องไม่สบายตัวก็สามารถปูฟูกนอนหนาๆ พร้อมตกแต่งกรงตามที่ต้องการเพิ่มได้

  • อุปกรณ์สำหรับเลี้ยงดู

ในส่วนของอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงดูหมาจิ้งจอกก็ขึ้นอยู่กับความพร้อม และความสะดวกของแต่ละคนได้เลย ซึ่งสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงหมาจิ้งจอกที่มักจะต้องจัดเตรียมเอาไว้ก็ได้แก่ภาชนะใส่อาหาร กระบอกน้ำดื่มที่มีความสะอาด อุปกรณ์ทำความสะอาดกรงและบริเวณที่อยู่อาศัย รวมไปถึงอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำให้พวกมันด้วย

  • ของเล่น

หมาจิ้งจอกโดยเฉพาะสายพันธุ์เฟนเน็คฟ็อกซ์จะมีความซุกซนและขี้เล่น ทั้งยังมีพลังงานเหลือล้น เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการคลายเครียด สร้างความบันเทิง รวมถึงฝึกฝนตัวเองตามสัญชาตญาณของพวกมันแล้ว การใช้ของเล่นหมาจิ้งจอกชนิดต่างๆ รวมถึงพาพวกมันออกไปปลดปล่อยพลังงานและวิ่งเล่นบ้างจึงเป็นสิ่งจำเป็น เรียกได้ว่านิสัยหมาจิ้งจอกแบบนี้ควรจะมีเวลาดูแลพวกมันให้มากพอจริงๆ 

หมาจิ้งจอก

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมาจิ้งจอก

หนึ่งสิ่งสำคัญที่เราอยากจะแนะนำให้กับคนชอบความท้าทาย ซึ่งอยากจะเลี้ยงดูเจ้าหมาจิ้งจอกสุดน่ารักนี้กัน ก็คือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมาจิ้งจอก โดยค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ควรเตรียมเอาไว้ก็คือค่าตัวของน้องที่อยู่ในหลักหมื่นบาท รวมถึงค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอาหารหลัก ค่าอาหารเสริม ค่าเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ และค่ารักษาพยาบาลที่ต้องเป็นสัตวแพทย์เชี่ยวชาญสัตว์พิเศษ หรือ Exotic Pets เท่านั้นด้วย

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยใน หมาจิ้งจอก

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในหมาจิ้งจอก

ถึงแม้ว่าหมาจิ้งจอกจะยังคงมีความเป็นสัตว์ป่า และคงไม่ได้มีโรคอะไรให้ต้องปวดหัวมากมายในความคิดของใครหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันก็มีปัญหาสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวัง รวมถึงมีโรคของหมาจิ้งจอกที่พบได้บ่อยอยู่หลายชนิด เช่น โรคผิวหนังจากเชื้อรา โรคไต โรคหัวใจ หรืออาการท้องเสีย ดังนั้นควรระมัดระวังความสะอาดและไม่ควรให้น้องกินเนื้อดิบด้วยนั่นเอง

ความต้องการพื้นฐานหมาจิ้งจอก

ความรับผิดชอบในการเลี้ยงหมาจิ้งจอกที่ต้องใส่ใจ

หลังจากที่เราได้รู้ไปแล้วในเบื้องต้นว่าการเลี้ยงหมาจิ้งจอกต้องเตรียมอะไรบ้าง รวมถึงควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนเพื่อให้จิ้งจอกของเราเติบโตไปอย่างมีความสุขมากที่สุด ในหัวข้อต่อมาเราก็จะมาแบ่งปันและย้ำเตือนกันอีกสักครั้ง ว่าความรับผิดชอบในการเลี้ยงหมาจิ้งจอกหลังจากที่รับน้องมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแล้วจะต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ดังนี้

  • ความรับผิดชอบระยะยาวในการเลี้ยงหมาจิ้งจอก

ความรับผิดชอบในระยะยาวเมื่อเลี้ยงดูหมาจิ้งจอก เป็นความรับผิดชอบที่เลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าจะเลี้ยงสัตว์ประเภทไหนก็ตาม เพราะการนำสัตว์มาเลี้ยงเพื่อตามเทรนด์ อินกระแส แต่กลับเกิดความเบื่อหน่ายไม่คิดจะสนใจใยดีกันเหมือนเคย ทำให้หมาจิ้งจอกหรือสัตว์เลี้ยงเกิดปัญหาทั้งด้านสุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพหมาจิ้งจอก รวมถึงอาจมีอันตรายจากการเลี้ยงหมาจิ้งจอกไม่ถูกวิธีได้ด้วย

  • อายุขัยของหมาจิ้งจอก

โดยปกติแล้วอายุขัยของหมาจิ้งจอกก็จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ซึ่งสำหรับเฟนเน็คฟ็อกซ์หรือเจ้าหมาจิ้งจอกจิ๋วเหล่านี้ จะมีอายุขัยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-11ปี และอาจมากถึง 15 ปีได้เลยทีเดียว ดังนั้นพวกมันจึงเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่มีอายุขัยค่อนข้างยาวนาน ใครที่คิดอยากจะเลี้ยงเล่นๆ ไม่อยากมีภาระในระยะยาวก็แนะนำว่าควรพิจารณากันให้ดีเลย

  • อาหารของหมาจิ้งจอก

สำหรับความรับผิดชอบพื้นฐานอย่างสุดท้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีเลี้ยงหมาจิ้งจอกสำหรับมือใหม่ก็คืออาหารหมาจิ้งจอก ที่ต้องจัดเตรียมให้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ โดยหมาจิ้งจอกที่เลี้ยงกันในบ้านทั่วไป ก็สามารถเลือกให้อาหารเม็ดของน้องแมวที่มีคุณภาพ หรือแมลงตัวเล็กๆ เนื้อไก่ต้ม ผักและผลไม้ ซึ่งจะต้องคอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อสารอาหารที่ครบถ้วนได้ด้วยนั่นเอง

หมาจิ้งจอก

บทส่งท้าย

ถึงแม้ว่าหมาจิ้งจอกจะเป็นสัตว์ป่าที่เจ้าเล่ห์และดุร้าย แต่ในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ให้พวกมันมีความเชื่องและเลี้ยงกันในบ้านได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นจิ้งจอกพันธุ์เฟนเน็คฟ็อกซ์ โดยมือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้ควรจะต้องศึกษาวิธีการ รวมถึงจัดเตรียมอุปกรณ์จำเป็นอย่างกรง ของเล่น หรืออาหารเพื่อการเจริญเติบโต ทั้งยังต้องใส่ใจดูแลพวกมันเป็นพิเศษตลอดอายุขัยสิบกว่าปีของพวกมันด้วยนั่นเอง

ขอขอบคุณคลิปจาก Minizoo Cafe

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

รู้ไว้ก่อนเลี้ยง งูคอร์นสเนค สัตว์เลี้ยงสุดน่ารัก มีวิธีการดูแลยังไง

Categories
สัตว์บก สัตว์เลื้อยคลาน

รู้ไว้ก่อนเลี้ยง งูคอร์นสเนค สัตว์เลี้ยงสุดน่ารัก มีวิธีการดูแลยังไง

นิสัยงูคอร์นสเนค จะค่อนข้างขี้อาย มีความเป็นมิตร น่ารัก เรียบร้อย เข้ากับคนได้ง่าย เหมาะกับคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆ ใครที่กำลังคิดจะเลี้ยง ก็ควรทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ รวมถึงศึกษาพฤติกรรมงูคอร์นสเนค พร้อมวิธีดูแลและวิธีเลี้ยงที่ถูกต้อง เพื่อความสุขของน้องงู และเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจตามมาภายหลัง

ในระยะแรกสัตว์เลี้ยงทุกชนิดแม้กระทั่งเจ้างูคอร์นสเนคที่แสนเชื่องนั้น ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกว่าน้องจะคุ้นเคยกับผู้เลี้ยง สำหรับวิธีเลี้ยงงูคอร์นสเนคให้เชื่องนั้นไม่มีอะไรมาก เพราะน้องเชื่องอยู่แล้ว แต่ให้พยายามจับน้องเล่นทุกวัน เพื่อให้คุ้นชินกับมือ และอย่าทำให้น้องตกใจบ่อยๆ เท่านี้ก็ถือเป็นการฝึกวินัยงูคอร์นสเนคให้เกิดความคุ้นชินได้แล้ว

วิธีเลี้ยง งูคอร์นสเนค

ความต้องการพื้นฐานงูคอร์นสเนค

งูคอร์นสเนคน่ารัก เรียกได้ว่ามีนิสัยที่เชื่องที่สุด และเลี้ยงง่ายกว่างูชนิดอื่นๆ สำหรับสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงงูคอร์นสเนค พื้นฐานเลยก็คือ สถานที่เลี้ยงและอาหารที่ต้องเตรียมให้พร้อม นอกเหนือจากนี้ก็คือวิธีเลี้ยงงูคอร์นสเนคสำหรับมือใหม่ ซึ่งมีสิ่งที่ต้องเตรียม ดังนี้

อาหาร งูคอร์นสเนค

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเลี้ยงงูคอร์นสเนค

กรง

สามารถเลี้ยงงูคอร์นสเนคได้ในตู้กระจก หรือกล่องพลาสติกใสเจาะรู โดยควรเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับขนาดตัวงู ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ที่สำคัญคือต้องมีอากาศถ่ายเทและมีตัวล็อคที่แน่นสนิท เพื่อไว้กันน้องงูหลบหนีออกนอกบ้าน

อุปกรณ์

นอกจากอาหารแล้วการเลี้ยงงูคอร์นสเนคเตรียมอะไรบ้าง อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องมีหลักๆ ในสถานที่เลี้ยงเลยก็คือ ถ้วยใส่น้ำ เพื่อให้งูได้ดื่มและเพิ่มความชื้น ซึ่งควรเลือกให้มีขนาดที่เหมาะสม และไม่มีเหลี่ยมคม

ของเล่น

มาถึงของเล่นงูคอร์นสเนคที่ต้องมีก็คือ hidebox หรือ ถ้ำเล็กๆ เพราะงูชนิดนี้มีพฤติกรรมชอบนอนซ่อนตัว สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเครียดของงูลงได้ ส่วนวัสดุที่ใช้รองพื้นกล่องก็จะมี ขี้เลื่อย เปลือกไม้ เป็นต้น

นิสัยงูคอร์นสเนค

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงงูคอร์นสเนค

การเลี้ยงงูคอร์นสเนคแทบไม่ต้องซื้ออะไรเยอะ เพราะของบางอย่างที่ซื้อมา สามารถใช้ได้เป็นเดือนๆ หรือนานกว่านั้น โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็จะเป็นค่าอาหาร ซึ่งมีราคาเริ่มตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อย ส่วนค่าของใช้จิปาถะ เช่น รองพื้น ของตกแต่ง ซื้อครั้งละ 300-400 ก็ใช้ได้หลายครั้งเลย

ที่อยู่งูคอร์นสเนค

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในงูคอร์นสเนค

โรคเชื้อรางู หนึ่งในโรคของงูคอร์นสเนคที่พบได้บ่อย โดยจะมีอาการผอมแห้ง ขุ่นที่ดวงตา มีแผลบนเกล็ดรอบๆ ตัวและใบหน้า หากพบว่างูมีอาการป่วยเหล่านี้ ให้รีบนำไปพบสัตว์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์แปลกโดยตรง

งูติดเชื้อ ถือเป็นโรคที่พบได้มากที่สุดในกลุ่มผู้เลี้ยงงู เกิดจากการที่งูกินหนูมีโรคและไม่สะอาด จึงทำให้งูคอร์นสเนคป่วย เพราะเชื้อโรคจะเข้าไปในงูได้โดยตรง ซึ่งโรคนี้จะทำให้งูตายไวกว่าโรคอื่นๆ

โรคพยาธิในงู การถ่ายพยาธิเป็นสิ่งสำคัญเมื่อซื้องูคอร์นสเนคมาเลี้ยง โดยควรทำตั้งแต่รับงูมาเลี้ยงช่วง 1 เดือนแรก และควรถ่ายพยาธิทุกๆ 2 สัปดาห์ เป็นเวลา 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็สามารถทำปีละครั้งได้ โรคทางเดินอาหาร หนึ่งในปัญหาสุขภาพงูคอร์นสเนคที่พบบ่อย ดังนั้นจึงไม่ควรให้อาหารแบบสุ่มสี่สุ่มห้า และไม่ควรให้บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้งูเป็นโรคนี้ และส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้

งูคอร์นสเนค

ความรับผิดชอบในการเลี้ยงงูคอร์นสเนค

ความรับผิดชอบระยะยาวในการเลี้ยงงูคอร์นสเนค

อันดับแรกคือ พื้นที่อยู่อาศัยของงู ควรให้น้องอาศัยในกล่องที่มีอากาศถ่ายเท ที่สำคัญการเลี้ยงงูคอร์นสเนคในบ้านไม่ควรปล่อยให้น้องงูอยู่นอกกล่องเพียงลำพัง เพราะน้องอาจเลื้อยหนีออกนอกบ้านได้

ก่อนเลี้ยงควรทำการศึกษาคู่มือการเลี้ยงงูคอร์นสเนคให้ดีๆ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่เลี้ยงไม่ยาก แต่ก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม้จะเป็นงูไม่มีพิษ แต่อันตรายจากการเลี้ยงงูคอร์นสเนคก็ยังมี เพราะน้องสามารถทำอันตรายต่อเด็กๆ และบุคคลอื่นๆ ที่ไม่คุ้นเคยได้ ผู้เลี้ยงควรเลือกขนาดอาหารให้เหมาะสม ซึ่งไม่ควรเกิน 2 เท่าของขนาดหัวงู เพราะหากมีขนาดใหญ่จนเกินไป ก็อาจทำให้อาหารไม่ย่อย หรือย่อยไม่ทัน จนเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้

คอร์นสเนค

อายุขัยของงูคอร์นสเนค

เมื่องูคอร์นสเนคโตเต็มวัยจะมีขนาดตัวอยู่ที่ 1.2–1.8 เมตร และอายุขัยของงูตามธรรมชาติจะมีอายุประมาณ 6–8 ปี แต่ถ้าเป็นงูที่เลี้ยงระบบปิด อาจมีชีวิตยาวนานถึง 23 ปี หรืออาจมากกว่านั้นได้

อาหารของงูคอร์นสเนค

อาหารงูคอร์นสเนค ได้แก่ หนูสดและหนูแช่ โดยควรให้กินเพียง 1–2 สัปดาห์ / ครั้ง ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถหาซื้ออาหารของงูได้ตามตลาด หรือร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วไป โดยอาจซื้อหนูแช่แข็งมาเก็บไว้ได้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

และทั้งหมดนี้ก็เป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่ต้องรู้ไว้ก่อนเลี้ยงเจ้า งูคอร์นสเนค สัตว์เลี้ยงสุดแปลกแต่น่ารัก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และนิยมเลี้ยงงูชนิดนี้กัน สำหรับใครที่อยากเลี้ยง ก็สามารถพบปะเจ้างูคอร์นสเนคได้ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงแนว Exotic ทั่วไป และใครที่รู้ตัวว่าเป็นสาย Exotic Lover ก็ต้องห้ามพลาดเลยล่ะ!

ขอขอบคุณคลิปจาก Vincent Channel

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

พาส่อง ปลาหมึกยักษ์ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพฤติกรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร

Categories
สัตว์บก

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลี้ยง ตุ๊กแกหางอ้วน ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ตุ๊กแกหางอ้วน

หากย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน คงไม่มีใครจินตนาการได้เลยว่าหนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่ผู้คนอยากจะหามาเลี้ยงกันทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึงยกให้เป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจ จนมันทำรายได้ให้กับเหล่าพ่อค้าแม่ขายได้อย่างมากมายมหาศาล จะมาจากสัตว์ที่ชื่อว่า ตุ๊กแกหางอ้วน

ซึ่งเดิมทีตุ๊กแกมันอาจจะถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่น่ากลัว และไม่ได้น่ารักเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ จึงไม่มีใครอยากจะเลี้ยงกันสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงก็ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าตุ๊กแกหางอ้วน มันก็มีความน่ารัก นิสัยดี เลี้ยงง่าย แถมยังมีเสน่ห์ สีสันสวยงาม ทำให้ใครหลายคนต่างตกหลุมรักจนอยากที่จะลองเปิดใจมาเลี้ยงตุ๊กแกพันธุ์นี้กันมากขึ้นในปัจจุบัน

เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจึงนำสาระความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัว และวิธีเลี้ยง ตุ๊กแกหางอ้วน สำหรับใครที่ยากจะลองเลี้ยงตุ๊กแกประเภทนี้มาฝากกัน รวมถึงแนะนำกันก่อนในเบื้องต้นว่าตุ๊กแกหางอ้วนมีนิสัยยังไง ตุ๊กแกหางอ้วนกินอะไร ตลอดจนบอกเล่าข้อมูลดีๆ อีกมากมายซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมีความสนใจที่จะรับเลี้ยงตุ๊กแกสายพันธุ์นี้แน่นอน

นิสัย ตุ๊กแกหาง อ้วน

ทำความรู้จักว่าตุ๊กแกหางอ้วนมีนิสัยยังไง ?

แน่นอนว่าก่อนที่ทุกคนจะตัดสินใจเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วนกันนั้น ควรจะเริ่มจากการศึกษาข้อมูลในเบื้องต้นก่อนเลยว่าตุ๊กแกหางอ้วนมีนิสัยยังไง เพื่อที่จะได้ประเมินก่อนว่าสัตว์ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตนั้นมีนิสัยที่เหมาะกับการนำมาเลี้ยงหรือไม่ หรือควรจะต้องเตรียมการรับมืออย่างไรให้ปลอดภัยกับตนเองมากที่สุด โดยลักษณะนิสัยตามธรรมชาติของตุ๊กแกหางอ้วนเรียกได้ว่าเป็นสัตว์นิสัยดีชนิดหนึ่ง เพราะมันทั้งขี้กลัวทั้งขี้ตกใจ เมื่อเจอคนแปลกหน้ามันก็มักจะใช้วิธีสลัดหางหรือวิ่งหนี ทั้งยังไม่กัดหรือโจมตีให้เกิดอันตรายต่อผู้เลี้ยง นอกจากนั้นมันก็ยังเป็นสัตว์ที่ขี้เกียจและชอบนอนเอามากๆ ใครที่เคยเลี้ยงมาก่อนก็จะชอบเอามันมานอนเล่นบนมือแล้วปล่อยให้มันหลับไปทั้งอย่างนั้นเลยก็มี

ตุ๊กแกหางอ้วน กินอะไร

ตุ๊กแกหางอ้วนกินอะไร

สำหรับใครที่อยากจะเริ่มเลี้ยงตุ๊กแกพันธุ์นี้ อาหารของตุ๊กแกหางอ้วนก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้เอาไว้ ปกติแล้วมันจะชื่นชอบอาหารจำพวกแมลงซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นแมลงสาบ จิ้งหรีด หรือแมลงแช่แข็งที่หาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งความถี่ในการให้อาหารก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัว โดยอาจจะให้วันเว้นวันหรือประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ได้

วิธีเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วน

วิธีเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วน

อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่าตุ๊กแกหางอ้วนได้รับความนิยมจากหลากหลายปัจจัย และหนึ่งในนั้นก็เป็นเพราะว่ามันเลี้ยงง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่อยากเลี้ยงตุ๊กแก โดยวิธีเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วนก็ไม่ได้ยุ่งยากเลย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีการจัดเตรียมไฟหรือสถานที่ให้ใหญ่โต ขอเพียงมีกล่องหรือตู้กระจกขนาดพอเหมาะ มีอากาศถ่ายเทได้ดี พร้อมมีน้ำและอาหารให้ก็เพียงพอแล้ว

ตุ๊กแกหางอ้วนราคากี่บาท ราคาของตุ๊กแกหางอ้วนส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ขาย ซึ่งมักจะมีการกำหนดมาจากความยาก-ง่ายในการผสมพันธุ์ รวมถึงคุณภาพของตุ๊กแกสายพันธุ์นั้นๆ ว่ามีสีสันเป็นอย่างไร มีความแข็งแรงสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน หรืออาจะดูจากว่าเป็นตุ๊กแกหางอ้วนเพศผู้หรือตุ๊กแกหางอ้วนเพศเมีย โดยราคาตุ๊กแกหางอ้วน 2024 ที่พบเห็นได้ทั่วไปก็จะอยู่ที่หลักพันบาทขึ้นไปโดยประมาณ

ดูแลวามสะอาดให้ตุ๊กแกหางอ้วน

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วน ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลสำคัญเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับตุ๊กแกหางอ้วนกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลักษณะนิสัย วิธีการเลี้ยง หรือเรื่องของอาหารการกิน ในลำดับต่อมาสำหรับใครที่วางแผนจะเลี้ยงตุ๊กแกสายพันธุ์นี้ดูแต่ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ในหัวข้อนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว โดยสิ่งที่ทุกคนจะต้องจัดเตรียมและห้ามหลงลืมเด็ดขาดก็ได้แก่

จัดเตรียมสถานที่อยู่อาศัย

ถึงแม้ว่าวิธีเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วนจะไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน แต่การจัดเตรียมสถานที่เอาไว้ให้พร้อมก็จะช่วยให้น้องตุ๊กแกหางอ้วนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งยังสามารถเลี้ยงได้เป็นสัดส่วน ไม่ไปรบกวนพื้นที่การใช้ชีวิตประจำวันของตัวผู้เลี้ยงเอง โดยสามารถเลือกเป็นกล่องพลาสติกหรือตู้กระจกที่ทำการเจาะรูให้มีอากาศถ่ายเทอยู่ตลอดเวลาก็ได้

ดูแลความสะอาดตุ๊กแกหางอ้วน

อย่าสับสนสายพันธุ์

เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีสายพันธุ์ของตุ๊กแกที่นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง รวมถึงนำมาเลี้ยงเพื่อความสวยงามกันมากขึ้น มีทั้งสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศและสายพันธุ์ที่ทำการผสมกันเองในประเทศไทย เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เหล่าบรรดาผู้เลี้ยงมือใหม่อาจจะเกิดความสับสนได้ว่าตุ๊กแกที่ดูแลอยู่คือตุ๊กแกหางอ้วนแบบไหนกันแน่

น้ำและอาหารต้องพร้อม

ไม่ว่าจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงประเภทไหนก็ตามอาหารถือเป็นสิ่งจำเป็น ถึงแม้ว่าการเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วนอาจจะไม่ต้องให้น้ำและอาหารทุกวันก็ตาม นอกจากนั้นการหมั่นให้อาหารที่มีความสะอาด สดใหม่ ก็จะช่วยลดเปอร์เซ็นต์ในการเกิดโรคหรือลดการติดเชื้อในตุ๊กแกลงไปได้ หรือจะเลือกให้อาหารเสริมเพิ่มความสมบูรณ์แข็งแรงให้กับตุ๊กแกด้วยก็ได้อีกเช่นกัน

สายพัน ธุ์ตุ๊กแกหางอ้วน

ดูแลความสะอาดให้ดี

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับคนซึ่งอยากจะเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วนจำเป็นต้องรู้ และจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์เอาไว้ให้พร้อมก็คือเรื่องของความสะอาด เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วการเลี้ยงตุ๊กแกสายพันธุ์นี้มักจะเลี้ยงกันในระบบปิด เพราะฉะนั้นความสะอาดภายในที่อยู่อาศัย จึงเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของสัตว์ที่เราเลี้ยงนั่นเอง

เติมความชื้นบ้างเป็นบางครั้ง

โดยปกติแล้ววิธีเลี้ยงตุ๊กแกหางอ้วนอาจจะสามารถเลี้ยงแบบแห้งได้ แต่ในบางครั้งผู้เลี้ยงทุกคนก็สามารถเติมความชื้นให้กับตุ๊กแกหางอ้วนได้เล็กน้อย โดยการพรมน้ำเพื่อเป็นการเพิ่มความชื้นให้กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย รวมถึงลดการเกิดผลเสียต่อสุขของตัวตุ๊กแกเองได้ด้วย

ที่อยู่อาศัย ตุ๊กแกหางอ้วน

บทส่งท้าย

ตุ๊กแกหางอ้วนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยนิสัยที่ไม่ดุร้าย น่ารัก สีสันสดใส และยังมีวิธีการเลี้ยงที่ไม่ยุ่งยาก ทำให้คนซึ่งอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงตุ๊กแกมาก่อนก็สามารถเลี้ยงได้ ซึ่งการจะเริ่มเลี้ยงตุ๊กแกสายพันธุ์นี้ก็แค่ต้องทำความเข้าใจกับลักษณะนิสัย อาหาร รวมถึงจัดเตรียมที่อยู่อาศัยเอาไว้ให้น้องๆ ก็เพียงพอแล้ว

ขขอบคุณคลิปจาก Saranair Channel

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

มาทำความรู้จักกับ แมวพัลลัส เจ้าเหมียวขนฟูฟ่อง ตังตึงแห่งป่าใหญ่ นิสัยดุร้ายไม่เกรงใจใคร

รวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ กระแตใต้ สัตว์น่ารักที่สามารถเลี้ยงได้

Categories
สัตว์บก

มาทำความรู้จักกับ แมวพัลลัส เจ้าเหมียวขนฟูฟ่อง ตังตึงแห่งป่าใหญ่ นิสัยดุร้ายไม่เกรงใจใคร

เจ้าเหมียว “แมวพัลลัส” เป็นแมวป่าสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีลักษณะรูปร่างโดดเด่นมาก หัวจะเล็ก หน้าแป้นแล้น ปากสั้น เบ้าตาอยู่ต่ำ ร่างล่ำเตี้ย ใบหูกลมน่ารักมาก มีขนที่ยาวและหนา ส่วนใหญ่ขนจะมีสีเทาอมแดง หรือสีเทา และมีขนสีขาวอยู่ประปราย ซึ่งลักษณะของสีขนจะแตกต่างกันตามที่อยู่อาศัย และสามารถเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลได้ นอกจากนั้นแมวพัลลัสจะมีความแตกต่างกับแมวสายพันธุ์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด คือ ที่รูม่านตาจะเป็นทรงกลม ซึ่งปกติแล้วแมวทั่วไปจะรูม่านตาเป็นช่องเรียว ถึงแม้ว่าเจ้าแมวพัลลัสนี้หน้าตาดูน่าเอ็นดู น่ารักน่าชัง แต่รู้หรือไหมว่าน้องค่อนข้างดุเอาเรื่องเลยทีเดียว ชอบทำหน้าตาไม่รับแขก ขังขัง หน้าบูดตลอดเวลา ถ้าเผลอไปอุ้มระวังกรงเล็บอันแสนแหลมคมจะสร้างบาดแผล รอยข่วน เป็นของที่ระลึกฝากไว้ให้คิดถึง สมกับฉายาตัวตึงแห่งป่าใหญ่เลยทีเดียว

แมวลัสพัสนักล่าสายพันธุ์โหด

แมวพัลลัสนักล่าสายพันธุ์โหด ตัวสั้น ดุ๊กดิ๊ก สุดคิ้วท์นี้สามารถเจอได้ที่ไหน

          เชื่อไหมว่าแมวพัลลัสเป็นแมวป่าที่ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆ เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์สัตว์หายากตามธรรมชาติ และเตือนว่าไม่ควรเข้าใกล้ เพราะน้องมีนิสัยดุมาก ถ้าตรวจดูประวัติสายเลือดจะพบว่าเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้ชิดกับแมวดาว ซึ่งปัจจุบันแมวพัลลัสถูกจัดให้อยู่ในระดับเสี่ยงต่อการเป็นสัตว์สูญพันธุ์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 โดยสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) หากใครเจอถือว่าโชคดีมากเลยนะเนี่ย

ถิ่นที่อยู่อาศัย

          แมวป่าสายพันธุ์นี้จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกับแมวทั่วไป ซึ่งสามารถพบได้ที่เอเชียกลาง บริเวณตะวันตกของประเทศอิหร่านยาวไปจนถึงตะวันตกของประเทศจีน รวมทั้งทางตอนใต้ของรัสเซียไปจนถึงที่ราบสูงทิเบต และเทือกเขาหิมาลัย จึงเป็นแมวนักล่าเจ้าถิ่นที่พบมากในบริเวณสภาพอากาศหนาวเย็น ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในประเทศมองโกเลีย คาซัคสถาน จีน อิหร่าน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และไซบีเรียตอนใต้ เป็นต้น

แมวพัลพัส

อาหารการกิน

          น้องแมวนักล่าชนิดนี้ จะมีสัญชาตญาณในการล่าเหยื่อสูงมาก อาหารส่วนใหญ่จะเป็นกระต่ายพิกา หรือกลุ่มของสัตว์ฟันแทะ ที่หาได้โดยทั่วไป เช่น แฮมสเตอร์ เจอร์บัว และโวล เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นน้องๆ ยังสามารถกินนก หรือพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังได้อีกด้วย การล่าจะเน้นการซุ่มมองและตะครุบเหยื่อด้วยกรงเล็บอันแหลมคม แต่น่าเสียดายด้วยสรีระร่างกายที่ล่ำเตี้ย จึงทำให้วิ่งไม่เก่งมาก มักจะหลบซ่อนตัวในการหลบภัย หรือการล่าจะไม่เน้นวิ่งไล่เหยื่อเพราะวิ่งไม่ทัน

อุปนิสัย

          แมวพัลลัสเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไม่อยู่เป็นฝูง จะรักสันโดษมาก ชอบหากินในตอนกลางคืน และหลับในช่วงเวลากลางวัน นิสัยของน้องไม่ได้เป็นมิตรมากนัก มีสัญชาตญาณสัตว์ป่าสูง เพราะฉะนั้นจะไม่คุ้นชินกับมนุษย์ หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ

แมวพัลลัส นักล่าขาสั้น

แมวพัลลัส นักล่าขาสั้น สัตว์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มใกล้สูญพันธุ์

          แมวพัลลัสถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์บกที่จัดอยู่ในกลุ่มนักล่า อาศัยอยู่ในป่าและรักสันโดษเอามากๆ แต่แมวป่าชนิดนี้มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์สูงมาก เนื่องจากมีการขยายพันธุ์ในวงกว้าง อีกทั้งมีฤดูผสมพันธุ์หรือช่วงติดสัดสั้นมาก เพียงแค่ 2 วันเท่านั้นเอง ซึ่งน้อยกว่าแมวสายพันธุ์อื่นๆ ช่วงฤดูผสมพันธุ์จะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และแมวพัลลัสนั้นยังเป็นแมวที่วิ่งได้ช้า จึงทำให้วิถีการล่าของพวกเขาเป็นการย่อง ซุ่ม โจมตีเหยื่อเสียมากกว่าการวิ่งไล่ตาม สามารถกินอาหารได้หลากหลายส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ฟันแทะ หรือในช่วงขาดแคลนอาหารแมวพัลลัสสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยการกินแมลงแทนสัตว์ขนาดเล็ก แมวสายพันธุ์นี้อยู่ในพื้นที่ที่หนาวจัด เช่น เทือกเขาหิมาลัย จึงมีขนที่หนามากๆ เพื่อใช้ในการป้องกันความหนาวเหน็บ แต่ความจริงแล้วเป็นแมวที่มีขนาดตัวเล็ก ซึ่งที่เห็นกันว่าน้องดูอ้วนท้วนสมบูรณ์มากเนื่องตากขนที่หนากว่าแมวปกตินั่นไงล่ะ จึงทำให้พวกเขาดูกลม ตัวอ้วน น่ารัก น่ากอดเหลือเกิน แต่อย่าเผลอไปอุ้มทีเดียวเชียว ไม่งั้นจะได้รอยข่วนเป็นของขวัญชิ้นโบแดงประดับผิวกายเอาไว้ให้ดูต่างหน้ากันเลยทีเดียว

ขอขอบคุณคลิปจาก WILDLIFE Thailand

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ animal2you.com

รวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ กระแตใต้ สัตว์น่ารักที่สามารถเลี้ยงได้

Categories
ความรู้ สัตว์บก

พารู้จักกับหนูผีจิ๋ว สัตว์ตัวเล็กที่ปัจจุบันหาดูได้ยาก

วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องราวของหนูผีจิ๋วกัน สัตว์ตัวเล็กกระจ้อยร่อยที่พบเจอได้ยากมากขั้นในปัจจุบัน แต่หากมีพื้นที่สมบูรณ์มากพอการเจอพวกเขาไม่ยาก ส่วนที่กำลังสนใจและน่าจะหาโอกาสเจอพวกเขาได้ยาก วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเจ้าตัวจิ๋วตัวนี้มาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น และรับประกันว่าหลังจากได้ข้อมูลจากเราแล้ว ทันทีที่เจอพวกเขาจะไม่ทำร้ายเขาอีกต่อไป โดยข้อมูลน่าสนใจของพวกเขามีดังนี้

หนูผีจิ๋ว คืออะไร มีข้อมูลส่วนไหนน่าสนใจกันบ้าง 

สำหรับหนูผีจิ๋ว จัดอยู่ในโหมดของหนูผีอีกชนิดหนึ่ง โดยเป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กมาก ซึ่งหากไม่ได้สังเกต หรือไม่เคยรู้จักมาก่อนอาจจะมองว่าเป็นสัตว์ประเภทอื่นด้วยซ้ำ นอกจากนั้นยังจัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับตุ่น และเพื่อไม่ให้เสียเวลามาดูกันว่าข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับพวกเขาที่ต้องรู้มีเรื่องไหนกันบ้างดังนี้

ลักษณะทั่วไป 

เริ่มต้นกันด้วยลักษณะทั่วไปของหนูผี (Dwarf shrew) จะมีลักษณะที่ชี้ชัดคือมีเท้าหลังสั้นมาก และมีสีคล้ำในตัวเต็มวัย จมูกแหลมยาวมาก ตามีขนาดเล็กมาก ใบหูมีขนาดใหญ่ไม่ค่อยพอดีกับตัวมากนัก ส่วนกะโหลกลาดแบน โดยจะมีความยาวของลำตัวจากจมูกถึงรูทวารเพียงแค่ 4.5.6 เซนติเมตร เท่านั้น ส่วนน้ำหนักสูงสุดที่ 1.8 กรัม มีอายุได้ประมาณ 16 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ที่มีอายุค่อนข้างสั้นอย่างมาก ส่วนเหตุผลที่ทำให้พวกเขาโดนจับบ่อย ๆ เพราะเป็นสัตว์ที่หูและตาไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้การหาอาหารของพวกเขาจึงมาจากการดมกลิ่นเป็นหลัก

พื้นที่อาศัย

พื้นที่อาศัยของ Etruscan pygmy shrew โดยทั่วไปจะพบได้ตั้งแต่กว้างมาก เพราะสามารถอาศัยได้ทั้งเอเชียและยุโรป ซึ่งในประเทศไทยเจอได้เกือบทุกภาคยกเว้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากว่าเป็นสัตว์ที่ชอบทำรังใต้ดินและในพงหญ้าเป็นหลัก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีความชื้นและเปียก 

อุปนิสัยใจคอ 

ทั้งนี้สำหรับอุปนิสัยทั่วไปของพวกเขาคือเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดุร้าย ชอบกัดกันเอง โดยมีท่าขู่ประจำตัวคือ ยืน 2 ขา และส่งเสียงร้องแหลมเล็กให้อีกฝ่ายกลัว และหากได้จังหวะกัดเมื่อไหร่จะเลือกกัดที่หางหรือขาหลังก่อนอันดับแรก โดยจะกัดเป็นวงกลมไปเรื่อย ๆ พร้อมกันนั้นจะส่งเสียงขู่ใส่ตลอดเวลาอีกด้วย

อาหารของหนูผี 

ส่วนเรื่องของอาหารของพวกเขาจะเป็นสัตว์ขนาดเล็ก ในกลุ่มของ มด แมลง และปลวก โดยจะหากินบนพื้นดิน โดยจะออกหากินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน การหากินจะหากินเพียงลำพัง ไม่ค่อยหากินเป็นหมู่คณะเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ๆ 

ข้อมูลอื่น ๆ และประโยชน์ที่ได้จากหนูผี 

ส่วนข้อมูลอื่น ๆ ที่ต้องรู้มีอีกหลายข้อด้วยกัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการหาข้อมูลเกี่ยวกับหนูผีมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งข้อมูลที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ก็คือ 

  • หนูผีบางชนิดมีพิษ ซึ่งพิษของพวกเขาจะมีกลิ่นเหม็นอย่างมาก และพิษที่ส่งต่อยังสัตว์ที่โดนกัดคือจะทำให้เป็นอัมพาตทันที 2-3 วัน 
  • เป็นสัตว์ที่ใช้เวลาหากิน 3 ชั่วโมง และนอนหลับพักผ่อนทั้งหมด 3 ชั่วโมง โดยวงจรเวลาของพวกเขาจะมีผลต่อการดำรงชีวิตอยู่นั่นเอง 
  • หนูผีจิ๋วเป็นหนึ่งใน 385 สายพันธุ์ในกลุ่มหนูผีทั่วทั้งโลก 
  • หากพบเจอในบ้านไม่ควรทำร้ายเขาเพราะพวกเขากำลังช่วยกำจัดมด แมลง และปลวกในบ้านให้คุณ โดยไม่ทำลายข้าวของภายในบ้านให้เกิดความเสียหาย 
  • หนูผีเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดไม่สกปรกเลยด้วยซ้ำ

สรุป สัตว์ตัวจิ๋วที่มีเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ค่อยจิ๋วเท่าไหร่นัก 

เห็นไหมว่าหนูผีจิ๋วถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก แต่เรื่องราวของพวกเขากลับไม่เล็กเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นหากเจอพวกเขาไม่ควรทำร้าย และควรปล่อยให้พวกเขาหากินไปตามธรรมชาติดีกว่า ส่วนใครที่ตั้งใจว่าจะเลี้ยงสามารถทำได้เช่นกัน เพราะพวกเขายังไม่ถูกบรรจุให้เป็นสัตว์คุ้มครอง เพียงแต่ต้องทำใจให้ได้ว่าพวกเขามีอายุค่อนข้างสั้นมาก animal2you.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
ความรู้ สัตว์บก

เจาะลึกทำความรู้จักกับกระจง สัตว์ที่หน้าตาคล้ายหนู แต่ไม่เหมือนหนู

กระจง เป็นสายพันธุ์สัตว์ป่าที่มีขนาดตัวเล็ก กระทัดรัด และหน้าตาคล้ายกับหนู แต่ไม่ใช่หนู ส่วนของร่างกายจะคล้ายกับกวาง ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์เท้ากีบที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับวัว ควาย กวาง อูฐ ยีราฟ และหมู เป็นต้น กระจงเป็นสัตว์กินพืช ซึ่งมันเป็นเหยื่อของสัตว์นักล่าตามธรรมชาติ ปัจจุบันกลายเป็นสัตว์ที่หาเจอได้ยาก

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับ “กระจง” สัตว์ป่าผู้ว่องไว และปราดเปรียว

จากตำนานของขาวมลายู ยกย่องให้กระจงเป็นสัตว์ที่ฉลาด ปราดเปรียว และว่องไว สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ในเกือบทุกสถานการณ์ ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์กระจายตัวอยู่ในทวีปเอเชีย

ลักษณะทางสัณฐานวิทยา

ลักษณะของกระจงมีรูปร่างคล้าย ๆ กับกวาง แต่สิ่งที่แตกต่างคือไม่มีเขา และไม่มีต่อมน้ำตา น้ำหนักเพียงแค่ 0.7 ถึง 8.0 กิโลกรัมเท่านั้น ความลำตัวอยู่ที่ประมาณ 40-75 เซนติเมตร เป็นสัตว์เท้ากีบที่มีขนาดเล็กมากสุดในโลก แต่ถ้าดูเผิน ๆ ใบหน้าจะค่อยคล้ายหนูเลย หน้ายาว หูตั้งสั้น และมีดวงตากลมโต

กระจงมีกี่สายพันธุ์

กระจง มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้ ซึ่งมีทั้งหมด 6 สายพันธ์ ได้แก่ กระจงชวา กระจงเล็ก กระจงใหญ่ กระจงฟิลิปปินส์ กระจงเวียดนาม และกระจงวิลเลียมสัน ซึ่งสายพันธุ์ที่พบได้ในประเทศไทยจะมีอยู่เพียง 2 ชนิดเท่านั้น ได้แก่ กระจงหนู หรือเรียกว่ากระจงเล็ก (Lesser mouse-deer) และกระจงควาย หรือเรียกว่ากระจงใหญ่ (Greater mouse-deer) 

ถิ่นที่อยู่อาศัย

กระจง พบการกระจายพันธุ์ทั่วไปในทวีปเอเชีย ซึ่งจะอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศจีนตอนใต้อย่างมณฑลยูนนาน รวมทั้งตอนใต้ของเกาะปาลาวันในประเทศฟิลิปปินส์ ในประเทศไทยเราเองก็สามารถพบสัตว์ชนิดนี้ได้เช่นเดียวกัน

กระจง กินอะไรเป็นอาหาร

สัตว์ชนิดนี้อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าเป็นสัตว์เท้ากีบ จึงจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์กินพืชเป็นอาหารหลัก โดยส่วนใหญ่จะกินอาหารที่อยู่ตามพืช ซึ่งกินได้ง่าย เช่น ใบไม้ ผลไม้ เห็ดบางชนิดที่ไม่ใช่เห็ดพิษ นอกจากนั้นยังสามารถกินจำพวกแมลง ปลา ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามสัตว์ชนิดนี้จะไม่นิยมกินหญ้าเนื่องจากเส้นใยอาหารมากเกินไป และมีสารอาหารน้อย 

พฤติกรรม และนิสัย

เป็นสัตว์ที่หากินได้ทั้งเวลากลางคืน และกลางวัน ซึ่งชอบหากินเดี่ยว ๆ ลำพังไม่อยู่เป็นกลุ่ม แต่ฤดูผสมพันธุ์ หรือหากมีลูกอ่อนมักจะอยู่เป็นคู่ หรือเป็นครอบครัว สัตว์ชนิดมักจะตื่นตระหนกง่าย ขี้อาย มีความระแวง และระมัดระวังตัวสูงมาก ดังนั้นถ้ามันตกใจหรือคิดว่าอันตรายกำลังเข้ามา จะหนีอย่างรวดเร็ว ฝุ่นตลบเลยทีเดียว เคลื่อนที่ได้ว่องไวมาก 

กระจง สัตว์ป่าร่างเล็ก ที่ยังคงมีอยู่ในพื้นที่ป่าของประเทศไทย

สำหรับกระจงจัดเป็นกวางขนาดเล็ก ที่หน้าตาน่ารักคล้ายหนู ดวงตากลมโต แวววาว เป็นประกายมาก ๆ ซึ่งตอนนี้นับว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่สามารถซื้อขายได้ เชื่อไหมว่าจริง ๆ แล้วกระจงมีมากถึง 10 ชนิด แต่ว่าได้สูญพันธุ์ไปแล้วมากถึง 6 ชนิด บางสายพันธุ์ปัจจุบันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่หาได้ยาก ในประเทศไทยเหลือกระจงเพียง 2 สายพันธุ์เท่านั้น ได้แก่ กระจงหนู หรือกระจงเล็ก และกระจงควาย หรือกระจงใหญ่ เป็นสัตว์บกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์

อาหารหลักจะเป็นพืชต่าง ๆ ที่เจริญตามพื้น และสามารถกินแมลง กินปลาได้อีกด้วย กระจงเป็นสัตว์ที่มีไหวพริบดีมาก สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูงสุด ๆ และยังเป็นสัตว์ที่ฉลาดปราดเปรือง จึงเอาตัวรอดได้ดีจากนักล่า หรือภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในกลุ่มสัตว์สูญพันธุ์ แต่เสี่ยงสูญพันธุ์สูงมาก ดังนั้นต้องเร่งกันอนุรักษ์ และฟื้นฟูให้จำนวนประชากรของสัตว์ชนิดเพิ่มสูงขึ้น animal2you.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
ความรู้ สัตว์บก แมลง

แมงกระชอน ของแซ่บที่ต้องลองกิน สุดยอดแหล่งโปรตีน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

แมงกระชอน หรือ ทางอีสานเรียกว่า แมงจีซอน แมงอีซอน ส่วนทางภาคเหนือจะเรียกกันว่า แมงจอน นั่นเอง แมลงชนิดนี้ลักษณะค่อนข้างคล้ายกับจิ้งหรีด ซึ่งสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ รสชาติจะมัน ๆ กรอบ ๆ เคี้ยวเพลินเลยทีเดียว ชาวบ้านทางภาคอีสานมักจะชอบจับแมงกระชอนกัน

เนื่องจากเป็นที่นิยมบริโภคในพื้นที่ สร้างกำไรได้ไม่น้อยเลย แต่การจับแมงกระชอนไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะว่าจะต้องใช้เสียงหลอกล่อเพื่อให้แมลงปรากฏตัวให้เห็น หรือวิธีบ้าน ๆ จะปล่อยน้ำลงพื้นที่นา จากนั้นจะเอาเท้าเหยียบ ๆ หรือรถไถ เพื่อให้แมลงที่อยู่ใต้ดินนั้นออกมานั่นเอง เชื่อไหมว่าราคาของแมลงชนิดนี้น่าทึ้งมาก ซึ่งขายกันอยู่ที่ 200 บาท ขึ้นไป ต่อกิโลกรัม เป็นอีกหนึ่งรายได้เสริมที่น่าสนใจมาก รสชาติอร่อยใช้ได้ ใครที่ยังเคยลองแนะนำว่าต้องกินดู 

แมงกระชอน อาศัยอยู่ที่ไหน และลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร ไปทำความรู้จักกัน

หลายคนอาจจะไม่รู้เลยว่าแมงกระชอนคืออะไร และมีหน้าตาแบบไหน จะสามารถพบเจอได้ที่ไหนบ้าง วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับแมลงชนิดนี้ให้มากขึ้น เพราะเป็นอีกหนึ่งแมลงที่สามารถเป็นแหล่งอาหารในอนาคตได้ เป็นแหล่งของอาหารและโปรตีนมหาศาล 

ลักษณะทางสัณฐานวิทยา

แมลงกระชอน ลักษณะอย่างที่บอกข้างต้นว่าคล้าย ๆ กับจิ้งหรีด ซึ่งจะมีหนดสั้นสีน้ำตาล ส่วนหัวค่อนข้างเล็ก แต่อกใหญ่กว่า ลักษณะลำตัวเป็นสีน้ำตาลเข้ม โดยจะมีขนบาง ๆ ปกคลุมทั่วลำตัว ปีกมี 2 คู่ โดยคู่หน้าจะยาวประมาณครึ่งหนึ่งของส่วนท้อง ส่วนคู่หลังปีกจะแคบ และยาวเกินส่วนท้องไปทางด้านล่าง ขาคู่หน้าเป็นแผ่นกว้าง พร้อมทั้งมีเล็บคมเอาไว้ใช้ในการขุดดิน และยึดเกาะ ขนาดความยาวลำตัวอยู่ที่ประมาณ 25-35 มม. 

นิสัยและพฤติกรรม

แมงกระชอนมักจะชอบออกหากินในช่วงเวลาตอนกลางคืน ซึ่งหากถามว่าแมลงกระชอน ชอบกินอะไรอาหารส่วนใหญ่เหมือนกับแมลงทั่วไป จะกินจำพวกราก โคนของพืช กินได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นต้นชา ต้นอ้อย ต้นยาสูบ และมันเทศ เป็นต้น และแมลงชนิดนี้จะมีเสียงเฉพาะตัว ซึ่งแมลงตัวผู้สามารถทำเสียงโดยการถูขอบปีกคู่หน้า

ถิ่นที่อยู่อาศัย

แมงกระชอนนี้พบได้จำนวนมากในป่าละเมาะ สวน ทุ่งหญ้า ริมห้วย หนอง บึง และท้องนา เป็นต้น การกระจายพันธุ์แพร่พันธุ์เป็นวงกว้างพบเจอได้ทุกภาคในประเทศไทย ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในดิน สามารถขุดรูและทำเป็นโพรงเพื่ออาศัยและวางไข่

วงจรชีวิต

วงจรชีวิตแมลงกระชอนหลังวางไข่แล้ว ไข่จะใช้เวลาในการฟักประมาณ 10-21 วัน ซึ่งเป็นแมลงที่ช่วงเวลาตัวอ่อนจะเติบโตช้า กว่าจะเข้าสู่ตัวเต็มวัยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน เลยทีเดียว ฤดูผสมพันธุ์จะเป็นช่วงต้นฤดูฝน และวางไข่ใต้ดินนั่นเอง

แมงกระชอน แมลงทำเงิน จับขายสร้างรายได้งามเกินคาด

สำหรับแมงกระชอน หรือ แมลงกะชอน กระจายพันธุ์ทั่วประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมมากในภาคอีสาน สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ เช้าบ้านต่างกันพาไป “ย่ำแมงอิซอน” เพื่อจับมาทำเป็นอาหาร และนำมาขายได้ โดยเชื่อไหมว่าหนึ่งกิโลกรัมสามารถสร้างรายได้มากกว่า 200 บาท เลยทีเดียว ลักษณะแมลงกระชอนไม่ได้แตกต่างกับจิ้งหรีดมากนัก จัดอยู่ในแมลงกลุ่มเดียวกัน

แมงกระชอนปัจจุบันยังมีจำนวนประชากรอยู่ในอัตราที่สูง เนื่องจากว่าสามารถผสมพันธุ์และวางไข่ได้มากถึง 40-50 ฟองต่อครั้งเลยทีเดียว แมลงกระชอน ประโยชน์ก็คืออย่างที่กล่าวไปสามารถนำมากินเป็นอาหารได้ มีโปรตีนที่สูงเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นโปรตีนจากแมลงที่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการทำปศุสัตว์ในบริเวณกว้าง รวมทั้งการทำฟาร์มแมลงยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันการทำเกษตรกรรมมักจะใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง และวัชพืชต่าง ๆ จึงทำให้แมงกระชอนที่อาศัยอยู่ตามแหล่งธรรมชาติได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกาย และสะสมเอาไว้ เมื่อนำมารับประทานจะได้รับสารพิษเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนะนำว่าเราควรจะรักษาระบบนิเวศ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรม เพื่อลดสารพิษในสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เกิดการตกค้างสะสมในแมลงเหล่านี้ เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค

animal2you.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
ความรู้ สัตว์บก

กุย สัตว์หน้าตาประหลาดไม่ซ้ำใคร สิ่งมีชีวิตชีวิตที่น่าสงสารสุดรันทด

กุย หรือ ไซกา สัตว์ที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Saiga tatarica เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีความใกล้เคียงกับแอนิโลป ซึ่งปัจจุบันมันกลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์โดยสาเหตุหลักเกิดจากการถูกล่าอย่างหนักหน่วงด้วยฝีมือมนุษย์ เนื่องจากสามารถนำไปปรุงเป็นยา ราคาขายค่อนข้างดีมาก จนทำให้จำนวนประชากรลดลงเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นพวกมันต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้าย ประวัติศาสตร์ที่น่าสลดใจของกุยในปี ค.ศ. 2015 มีการแพร่ระบาดของโรคร้ายที่ได้คร่าชีวิตกุยที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติไปมากถึง 100,000 กว่าตัว ในประเทศคาซัคสถาน ซึ่งให้จำนวนประชากรลดลงเกือบครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ เข้าสู่ขั้นวิกฤตที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ และการขยายพันธุ์เพื่อให้จำนวนประชากรกลับมาคงเดิมก็ต้องใช้เวลานานเป็นสิบ ๆ ปี นอกจากนั้นภาวะโลกร้อนที่มีความรุนแรงขึ้นในทุกปีก็ส่งผลให้อัตราการตายของพวกมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ 

กุย จมูกงวง สัตว์ที่สามารถเปลี่ยนสีขนได้ตามสภาพอากาศ

กุย นอกจากมีหน้าตาที่โดดเด่นแล้ว เนื่องจากว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ที่มีจมูกงวงขนาดใหญ่ยื่นออกมาคล้ายกับสมเสร็จ ทำให้ดูสะดุดตามาก ๆ สิ่งที่พิเศษคือมันสามารถปรับตัวกับเข้าสิ่งแวดล้อมได้ดีเยี่ยม ซึ่งจะมีการเปลี่ยนสีขนได้ตามฤดูกาล โดยจะมีขนสีขาวในช่วงฤดูหนาว ทั้งยังเพิ่มความหนาของขนเพื่อป้องกันอากาศที่หนาวเย็นยะเยือก ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ และเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลออกเหลือง และมีความยาวที่สั้นลง ขนบาง เพื่อให้ร่างกายสามารถระบายความร้อนได้ดี

ลักษณะโครงสร้างร่างกาย

กุย ลักษณะที่โดดเด่นมากที่สุด คือ จมูกที่มีขนาดใหญ่ เป็นงวงยื่นออกมา และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งเอาไว้ใช้ในการหายใจ และช่วยอุ่นอากาศที่หยาวเย็นให้อุ่นมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถใช้ในการกรองฝุ่นละอองได้อีกด้วย เมื่อโตเต็มวัยจะมีความสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ซึ่งตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย และมีเขาที่สวยงาม ส่วนตัวเมียจะไม่มีเขา

ถิ่นที่อยู่อาศัย

กุย เป็นสัตว์หายากที่พบได้บริเวณเอเชียตอนกลาง ในแถบประเทศไซบีเรีย มองโกเลีย และจีน

ความสามารถพิเศษ

ถึงแม้จะเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่บนบก แต่เชื่อไหมว่าพวกมันว่ายน้ำได้เก่งกาจมาก และเป็นสัตว์ที่มีความว่องไวสูง สามารถวิ่งได้เร็วถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความอึดถึกทน เดินไม่รู้เหนื่อย ในแต่ละวันสามารถเดินทางไกลได้มากถึง 80-100 กิโลเมตรต่อวัน 

กุย

อุปนิสัย

กุย เป็นสัตว์บกที่ชอบอยู่เป็นฝูงขนาดใหญ่ ซึ่งสัตว์ชนิดนี้มีความว่องไวและตื่นตัวตลอดเวลา อย่าคิดว่าจะล่าได้ง่าย ๆ เพราะวิ่งเร็วมาก แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่อาจพ้นน้ำมือของมนุษย์ สัตว์ชนิดนี้สามารถกินพืชได้หลายชนิด รวมทั้งพืชที่มีพิษก็กินได้ ยิ่งใบหญ้าอ่อน ๆ ชอบมาก เล็มกินเพลินเลยทีเดียว

อายุขัย

จะมีอายุขัยไม่นานเท่าไหร่ประมาณ 6-10 ปี ซึ่งตัวเมียจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุครบ 8 เดือน และตัวผู้อายุครบ 20 เดือน 

กุย หรือ ไซกา สัตว์โลกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์

กุย หรือ ไซกานั้น เป็นสัตว์โลกที่แสนน่ารัก ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร ซึ่งเป็นสัตว์กินพืช ที่มีลักษณะเด่นตรงจมูกงวงยื่นออกมาใช้สำหรับหายใจ อุ่นอากาศให้อุ่นในช่วงฤดูหนาว และกรองฝุ่นละออง เป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วมาก ว่ายน้ำเก่ง และชอบเดินทางไกล มักจะพบอยู่กันเป็นฝูง แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันต้องจัดอยู่ในกลุ่มใกล้เป็นสัตว์สูญพันธุ์ สาเหตุหลักเกิดจากการล่าของมนุษย์เนื่องจากมีความเชื่อของชาวจีนโบราณว่า กุย เป็นยาชั้นเลิศ นำไปปรุงเป็นยาดื่มบำรุงร่างกาย และไม่เพียงเท่านั้นวิกฤติที่นักที่สุดคือการเกิดโรคระบาดที่ทำให้กุยตายเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 250,000 ตัวเท่านั้น โดยจะแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ที่ยังคงอยู่ ได้แก่ กุยมองโกเลีย (S. borealis) และกุยธรรมดา (S. t. tatarica) ซึ่งตอนนี้ก็พบเจอปัญหาภาวะโลกร้อนที่เป็นตัวการสำคัญทำให้สัตว์เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 

animal2you.com

บทความเพิ่มเติม