Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

วาฬสีน้ำเงิน พี่เบิ้มแห่งโลกใต้ทะเล

สัตว์น้ำ

วาฬสีน้ำเงิน พี่เบิ้มแห่งโลกใต้ทะเล

คุณรู้หรือไม่ว่า วาฬสีน้ำเงิน หรือ ปลาวาฬสีน้ำเงิน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพี่เบิ้มใหญ่แห่งท้องทะเล แม้ว่าพวกมันจะอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก แต่ในความจริงแล้ววาฬสีน้ำเงินมีบรรพบุรุษที่เป็นสัตว์บกสี่ขาก่อน แต่ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไม่พอ หากเราจะบอกคุณว่าวาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ แม้แต่ไดโนเสาร์ก็ยังมีขนาดเล็กกว่าพวกมันเสียอีก

ประวัติของวาฬสีน้ำเงิน

ประวัติของวาฬ : วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีบรรพบุรุษมาจากสัตว์ 4 ขา ตั้งแต่เมื่อ 65 ล้านปีก่อน

จากที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า วาฬสีน้ำเงิน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดในท้องมหาสมุทร พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มวาฬบาลีน ที่มีแผ่นกระดูกไว้คอยกรองอาหารจากน้ำทะเล ซึ่งอาหารของวาฬสีน้ำเงินได้แก่ แพลงตอนหรือสัตว์ทะเลขนาดเล็ก และแน่นอนพวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มวาฬที่ไม่มีฟัน จากประวัติของวาฬที่ค้นพบว่า วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีบรรพบุรุษมาจากสัตว์ 4 ขา ตั้งแต่เมื่อ 65 ล้านปีก่อน จนถึงเมื่อ 10 ล้านปีก่อนพวกมันกลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และด้วยวิวัฒนาการของวาฬทำให้พวกมันกลายเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน และด้วยการที่วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ออกลูกเป็นตัว ใช้เวลาการตั้งท้องเป็นปี ที่ทำให้เราเชื่อว่า วาฬ ไม่ได้เป็นปลา เหมือนที่หลายๆ คนเรียกพวกมันจนติดปากว่า ปลาวาฬ

วาฬสีน้ำเงิน

าฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวถึง 34 เมตร

เคยมีการค้นพบวาฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีความยาวถึง 34 เมตร และมีน้ำหนักได้ถึง 200 ตัน นั่นทำให้เราจะสามารถเจอพวกมันได้ตามท้องมหาสมุทรขนาดใหญ่ ทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงมหาสมุทรอินเดีย หากจะทำให้คุณจิตนาการได้ถึงขนาดอันมโหฬารของมัน คุณอาจจะนึกถึงน้ำหนักลิ้นของมันที่เทียบเท่ากับน้ำหนักของช้างตัวใหญ่ๆ หนึ่งตัวแล้ว หรือขนาดของหัวใจวาฬสีน้ำเงิน ที่ใหญ่พอให้มนุษย์ลงไปว่ายน้ำได้ และแม้ว่า วาฬสีน้ำเงิน จะกินแพลงตอนที่เป็นสัตว์ทะเลตัวเล็กเป็นอาหาร แต่พวกมันสามารถกินแพลงตอนได้ถึง 4 ตันต่อวันเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าวาฬสีน้ำเงินจะเป็นพี่เบิ้มที่น่าเกรงขามแห่งท้องทะเล แต่พวกมันก็ยังคงถูกมนุษย์ล่า ทั้งเพื่อเอาไขมันหรือน้ำมันมาใช้เป็นอาหารไปจนถึงการล่าเป็นประเพณี ที่ทำให้จำนวนประชากรวาฬสีน้ำเงินลดลงอย่างน่าตกใจ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้กลุ่มอนุรักษ์วาฬต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อคุ้มครองกลุ่มวาฬที่เหลืออยู่ ไปจนถึงเพื่อรักษาระบบนิเวศของท้องมหาสมุทรให้มีความสมดุล และคงอยู่ตลอดไป

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ดาวทะเล ความน่าพิศวงของดวงดาวแห่งโลกใต้ทะเล

สัตว์น้ำ

หากเสน่ห์ของท้องฟ้าหมายถึงดวงดาว เสน่ห์ของท้องทะเลก็คือดาวทะเลเช่นกัน และนี่คือเรื่องจริง เพราะลักษณะของดาวทะเลที่ดูคล้ายดวงดาว รวมถึงดาวทะเลมีสีสันที่สดใสงดงาม ที่ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า และหาดทรายสีขาว เหมือนกับประกายของดวงดาวที่ตัดกับความมืดมิดของท้องฟ้าเบื้องบน แต่นอกจากความงดงามที่เราเห็น ยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่อีกมาก เราจะมาค้นหาความลับของดาวทะเลไปด้วยกัน

ดาวทะเล ความน่าพิศวงของดวงดาวแห่งโลกใต้ทะเล

โครงสร้างของดาวทะเล

         คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนจึงเรียก ดาวทะเล ว่า ปลาดาว ซึ่งอันที่จริงแล้วดาวทะเลไม่ใช่ปลา เพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง คนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจผิด และจัดพวกมันไว้ในกลุ่มปลา แบบเดียวกับที่ หมึก ก็ไม่ใช่ปลาเช่นกัน โดยโครงสร้างของดาวทะเลจะมีลำตัวแยกออกเป็นแฉกๆ หรือเรียกว่าแขน ใต้แขนแต่ละแขนจะมีหนวดสั้นๆ และมีปากอยู่ด้านใต้ของลำตัว ซึ่งโดยปกติ คุณอาจจะเคยเห็นดาวทะเลใช้ชีวิตแบบที่นอนนิ่งๆอยู่ตามชายหาด หรือบริเวณใต้ท้องทะเลในช่วงเวลากลางวัน นั่นก็เพราะดาวทะเลเหล่านั้นกำลังพักผ่อนและพวกมันจะออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน ดาวทะเลเหล่านี้ กินหอยเป็นอาหาร รวมถึงกุ้ง ปู หนอนทะเล และปลาขนาดเล็ก และยังมีปลาดาวบางชนิดที่กินซากพืช ซากสัตว์ และปะการังเป็นอาหารด้วย ซึ่งการที่โครงสร้างของดาวทะเลที่มีปากอยู่ด้านใต้ของลำตัว พวกมันจะยื่นปากออกมาเพื่องับเหยื่อไว้ และดึงเหยื่อของพวกมันกลับเข้าไปยังกระเพาะที่จะอยู่ไม่ไกลจากปากของมันนั่นเอง

โครงสร้างของดาวทะเลจะมีลำตัวแยกออกเป็นแฉกๆ หรือเรียกว่าแขน ใต้แขนแต่ละแขนจะมีหนวดสั้นๆ

         อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของโครงสร้างดาวทะเลก็คือ พวกมันไม่มีเลือด คุณอาจเคยได้เรียนรู้มาว่าสิ่งมีชีวิตจะต้องใช้เลือดที่เป็นของเหลวในร่างกายเพื่อลำเลียงสารอาหาร แต่สำหรับดาวทะเล ทฤษฎีนี้อาจไม่ใช่ เพราะดาวทะเลไม่มีเลือด พวกมันจะใช้น้ำทะเลในการลำเลียงสารไปยังเส้นประสาทต่างๆ โดยการกรองผ่านลำตัวโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเลือดแม้แต่น้อย

การงอกใหม่ของดาวทะเล

การงอกใหม่ของดาวทะเล: คุณรู้หรือไม่ว่าดาวทะเลสามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายหรือได้รับบาดเจ็บได้

         นอกจากความน่าอัศจรรย์ของโครงสร้างที่ดูแปลกตากว่าสัตว์ทะเลชนิดอื่น คุณรู้หรือไม่ว่าดาวทะเลสามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายหรือได้รับบาดเจ็บได้ด้วยการงอกส่วนนั้นออกมาใหม่ หรือ ที่เราเรียกว่าการงอกใหม่ของดาวทะเล รวมถึงหากพวกมันรู้สึกว่าพวกมันกำลังอยู่ในอันตราย หรือถูกจับพวกมันจะทำการสละแขนส่วนนั้นทันที และในทางกลับกัน ส่วนที่ขาดของมันก็สามารถงอกตัวออกมากลายเป็นปลาดาวอีกตัวที่มีลักษณะเหมือนกันได้ ที่นับว่าเป็นการทำโคลนนิ่งโดยสมบูรณ์ตามธรรมชาติได้เลยทีเดียว และยังถือว่าเป็นการสืบพันธุ์โดยไม่ต้องอาศัยเพศก็ได้

         แต่หากเราจะพูดถึงในมุมของความงดงามแล้ว ดาวทะเล ถือเป็นสิ่งมีชีวิตใต้โลกมหาสมุทรที่เป็นเสมือนเครื่องประดับอันแสนอัศจรรย์ที่คอยแต่งแต้มโลกแห่งท้องทะเลอันกว้างใหญ่ดูงดงามตลอดไป

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม สัตว์บก

ปูเสฉวน สัตว์เลี้ยงหน้าใหม่แห่งวงการเลี้ยงสัตว์

สัตว์น้ำ

ใครเคยเห็นปูเสฉวนตามร้านขายสัตว์เลี้ยงบ้าง? ตอนนี้ปูเสฉวนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงหน้าใหม่ของวงการผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกอีกชนิดหนึ่ง แต่ทำไมเจ้าปูเสฉวนจึงกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ และการเลี้ยงปูเสฉวนจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ลองมาหาตำตอบดูกัน

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท: ปูเสฉวนบก และปูเสฉวนน้ำ

ปูเสฉวนบก & ปูเสฉวนน้ำ

ปูเสฉวนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ตามลักษณะถิ่นที่อยู่ ได้แก่ ปูเสฉวนบก และปูเสฉวนน้ำ ซึ่งปูเสฉวนบกจะอาศัยอยู่ตามบริเวณชายหาดห่างจากน้ำทะเลไม่เกิน 15 กิโลเมตร แต่ปูเสฉวนน้ำจะอาศัยอยู่ในน้ำทะเลลึก ปูเสฉวนเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 1-6 เซนติเมตร ปูเสฉวนมีขา 10 ขา และกินซากพืช ซากสัตว์ เป็นอาหาร

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 1-6 เซนติเมตร

ปูเสฉวนน้ำ หรือปูเสฉวนทะเล

จะใช้ชีวิตและขยายพันธุ์อยู่ใต้น้ำทะเลลึกเท่านั้น แต่ปูเสฉวนบกมีวงจรชีวิตที่น่าสนใจกว่านั้นคือ พวกมันจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ตามชายหาด อย่างที่เราเห็นโดยทั่วไปตอนไปเที่ยวทะเล แต่เมื่อปูเสฉวนบกได้ผสมพันธุ์กันแล้ว ปูเสฉวนตัวเมียจะวางไข่ลงในน้ำทะเล และเมื่อลูกปูเสฉวนฟักออกจากไข่ พวกมันจะขึ้นมาเจริญเติบโตบนชายฝั่งต่อไป

ปูเสฉวนเลี้ยง

แต่ปัจจุบันเราอาจเคยเห็นเจ้าปูเสฉวนตามร้านขายสัตว์บางแห่ง เนื่องจากมีคนบางกลุ่มเริ่มนิยมที่จะลองเลี้ยงเจ้าปูเสฉวนบกดูบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปูเสฉวนบก และหลายคนอาจเชื่อว่าปูเสฉวนบกเป็นปูเสฉวนเลี้ยงที่สามารถเลี้ยงได้ง่าย แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องจริง

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนเลี้ยง ต้องการการดูแลที่ค่อนข้างดี

ปูเสฉวนเลี้ยง ต้องการการดูแลที่ค่อนข้างดี พวกมันต้องการสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างพิเศษ การเลี้ยงปูเสฉวนจะต้องเตรียมทั้งถ้วยน้ำจืด ถ้วยน้ำเค็ม เปลือกหอยหลากหลายขนาดที่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เพื่อหากเจ้าปูเสฉวนมีการลอกคราบในตอนที่มันโตขึ้น พวกมันจะต้องเปลี่ยนขนาดของเปลือกหอยให้เหมาะสมกับขนาดตัวของมันด้วย มีการควบคุมอุณหภูมิที่ดี โดยปูเสฉวนจะสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะต้องไม่ต่ำกว่า 25 องศา อีกทั้งการเตรียมอาหารที่เหมาะสม โดยธรรมชาติ ปูเสฉวนจะกินซากพืช ซากสัตว์ ดังนั้นผู้เลี้ยงอาจจะมีการเตรียมทั้งผลไม้ ผัก หรือเนื้อเพื่อเป็นอาหารแก่เจ้าปูเสฉวน และต้องระวังไม่ให้อาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือช๊อคโกแลต

ปูเสฉวนเลี้ยงสามารถมีอายุยืนยาวได้จนถึง 10 ปี หากมีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม แต่คุณรู้ไหมว่าปัจจุบันยังไม่มีร้านขายเจ้าปูเสฉวนใดที่สามารถขยายพันธุ์เจ้าปูเสฉวนได้เอง ดังนั้นปูเสฉวนบกที่เราเห็นตามร้านขายสัตว์ ล้วนแล้วแต่ถูกจับมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนเลี้ยงสามารถมีอายุยืนยาวได้จนถึง 10 ปี หากมีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม

หากคุณสนใจการเลี้ยงปูเสฉวน ควรจะลองพิจารณาให้ดี เพราะนอกจากการจับปูเสฉวนจากธรรมชาติมาเลี้ยงจะทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุลแล้ว ถ้าคุณไม่มีความรู้ในการเลี้ยงที่ดีพอ คุณอาจจะกลายเป็นผู้ทำลายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

“พะยูน” ดุหยงน้อยแห่งทะเลแดนใต้

สัตว์น้ำ

ไม่นานมานี้คุณอาจเคยได้ยินข่าวคราวของลูกพะยูนน้อยน่าสงสารที่พลัดหลงจากแม่ ในตอนที่พายุพัดเข้าไปยังชายฝั่งทะเลของจังหวัดกระบี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับฝูงพะยูนของประเทศไทย หลายๆ คนอาจจะรู้จักว่าพะยูนเป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้จะสูญพันธุ์ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเจ้าพะยูนน้อยเหล่านี้เป็นสัตว์ทะเลที่มีความงดงามไม่แพ้สัตว์ทะเลชนิดอื่นเลย

พะยูน หรือ ดุหยง ที่แปลว่าหญิงแห่งท้องทะเล

ประวัติพะยูน

พะยูน หรือ ที่คนใต้เรียกว่า “ดุหยง” เป็นภาษามลายู มีความหมายว่า หญิงสาวแห่งท้องทะเล เป็นสัตว์ทะเลเขตน้ำอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม พวกมันมีลำตัวคล้ายโลมาผสมกับแมวน้ำ มีลำตัวสีเทาออกชมพู หรือสีน้ำตาลเทา มีครีบอยู่ทั้ง 2 ข้างของลำตัวที่ช่วยพวกมันว่ายน้ำ มีตาที่เล็ก และมีขนขึ้นอยู่โดยรอบริมฝีปาก ส่วนพะยูนตัวผู้จะมีฟันคู่หนึ่งงอกออกมาเมื่อโตเต็มที่

พะยูนจะออกลูกได้เพียงครั้งละ 1 -2 ตัว พวกมันเป็นสัตว์สงวนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ที่ห้ามค้าขายโดยเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัย หรือเพื่อเพาะพันธุ์เท่านั้น แม้พะยูนเป็นสัตว์ทะเล ว่ายน้ำได้ แต่พวกมันไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นปลาตามที่หลายคนเข้าใจ พะยูนหายใจด้วยปอด และถือเป็นญาติห่างๆ ของช้างด้วย

ของเสียจากพะยูนเป็นปุ๋ยและอาหารชั้นดีต่อระบบนิเวศ

ประโยชน์ของพะยูน

พะยูนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศมากกว่าที่คุณคิดหลายเท่านัก เพราะเจ้าพะยูนเหล่านี้กินหญ้าทะเลเป็นอาหาร พวกมันปล่อยของเสียออกมาที่สามารถเป็นทั้งปุ๋ย และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลตัวเล็ก ๆ ตามแนวชายฝั่ง ปุ๋ยจากพะยูนจะช่วยให้หญ้าทะเลเติบโตได้ดี และหญ้าทะเลเหล่านี้จะสามารถช่วยเป็นเกราะกำบังการพังทลายของแนวชายฝั่ง รวมถึงเป็นบริเวณที่ช่วยอนุบาลสัตว์ทะเลขนาดเล็กก่อนที่จะได้เติบโตไปผจญโลกกว้าง ประโยชน์ของพะยูนอาจจะดูไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่หากไม่มีพะยูนระบนิเวศบริเวณชายฝั่งจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

พะยูนในไทย

น่าเศร้าที่จากการสำรวจล่าสุด จำนวนประชากรพะยูนในไทยเหลืออยู่เพียงประมาณ 240 ตัวเท่านั้น ก่อนหน้าที่พะยูนจะได้รับการคุ้มครองเป็นสัตว์ป่าสงวน จำนวนของพะยูนได้ลดลงอย่างรวดเร็วด้วยความเชื่อผิดๆ ของหลายคนที่เชื่อว่าน้ำตาของพะยูนเป็นเครื่องรางช่วยในเรื่องเมตตามหานิยม และที่แย่กว่านั้นกระดูกและเขี้ยวของพะยูนถูกนำไปขายในมูลค่าที่สูง ทำให้บรรดาชาวประมงพากันออกล่าพะยูนที่สงสารเหล่านี้

จำนวนประชากรพะยูนในไทยเหลืออยู่เพียงประมาณ 240 ตัวเท่านั้น

แม้ว่าในปัจจุบันบรรดาพะยูนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้การไล่ล่า หรือการจับปลาพะยูนหายไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามนุษย์อย่างเราๆ ยังคงมีการทำร้ายเจ้าพะยูนพวกนี้ทางอ้อมอยู่ดี ด้วยการที่เราทิ้งขยะพลาสติกลงในทะเล อย่างในกรณีของ “มาเรียม” เจ้าพะยูนน้อยแห่งทะเลกระบี่ที่ได้กินขยะพลาสติกลงไปจนทำให้มันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ม้าน้ำ จากตำนานแห่งเทพเจ้ากรีก สู่สัตว์เศรษฐกิจของประเทศ

สัตว์น้ำ

ตำนานม้าน้ำมักเป็นที่ถูกกล่าวถึงในนิยายและความเชื่อในหลายประเทศ

หากคุณเป็นแฟนตัวยงของเทพนิยายกรีกและโรมัน คุณจะต้องเคยเห็นภาพของ ม้าน้ำ เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในตำนานความเชื่อตามเทพนิยายมาบ้าง ม้าน้ำถูกเชื่อว่าเป็นยานพาหนะของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล "โพไซดอน" ซึ่งม้าน้ำหรือฮิปโปแคมปัส มาจากภาษากรีก โดยคำว่าฮิปโป ที่แปลว่า ม้า และ แคมปัส ที่หมายถึง สัตว์ประหลาดในทะเล ดังนั้น ฮิปโปแคมปัสมีความหมายรวมๆ ว่าสัตว์ประหลาดในทะเลที่มีรูปร่างเหมือนม้า พวกมันเป็นสัตว์ตามจินตนาการในเทพนิยายปกรณัมกรีก ที่มีความเชื่อว่าพวกมันมีท่อนบนเป็นม้า ท่อนล่างเป็นปลาและยังเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงอีกด้วย

ม้าน้ำ หรือ ฮิปโปแคมปัสยังได้ถูกกล่าวถึงในตำนานของอีกหลายๆ ประเทศ ตำนานของม้าน้ำ เช่น ตำนานของชาวสก็อตแลนด์ ที่เรียกพวกมันว่าเคลปี้ (Kelpie) ที่สามารถจำแลงร่าง แถมยังกินคนด้วย หรือในความเชื่อของชาวยุโรปที่ว่า ม้าน้ำเป็นทูตที่มีหน้าที่ส่งดวงวิญญาณของบรรดากะลาสีเรือไปยังปรโลก

ในโลกแห่งความจริง ม้าน้ำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์กว่านั้น เนื่องด้วยลักษณะม้าน้ำ ที่ดูแปลกตา แต่พวกมันยังคงถูกจัดให้อยู่ในประเภทของปลาชนิดหนึ่ง ม้าน้ำมีกระดูกแข็งห่อหุ้มร่างกาย มีครีบเล็กอยู่กลางหลังไว้ช่วยให้พวกมันเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก มีหางยาวเรียวเพื่อไว้ใช้เกาะเกี่ยวกับก้อนหิน หรือแนวปะการัง ม้าน้ำอาศัยอยู่ในทะเล พวกมันเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับปลาจิ้มฟันจระเข้ ม้าน้ำตัวผู้จะมีถุงหน้าท้องไว้คอยฟักไข่ และดูแลตัวอ่อน

ลักษณะของม้าน้ำดูแปลกตา ดูน่ามหัศจรรย์

"ม้าน้ำกินอะไร"

คุณอาจจะสงสัยว่าด้วย ลักษณะของม้าน้ำ ที่มีปากเล็กและยาว พวกมันจะสามารถหาอะไรใต้ท้องทะเลกินได้บ้าง ซึ่งอาหารของเจ้าม้าน้ำตามธรรมชาติได้แก่สัตว์น้ำตัวเล็ก ๆ ทั้งหลายใต้ท้องทะเลไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู หรือปลา พวกมันจะใช้หางยึดตัวเองไว้กับพืช หรือปะการังแล้วมองหาอาหาร

ม้าน้ำ-2
ม้าน้ำกินอะไร:พวกมันกินสัตว์ทะเลตัวเล็ก ๆ เป็นอาหาร

ม้าน้ำเหล่านี้ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศด้วย โดยชาวจีนเชื่อว่าม้าน้ำเหล่านี้สามารถนำมาทำเป็นยาที่ช่วยเพิ่มสรรถภาพทางเพศ ช่วยให้สตรีมีบุตรง่าย รวมถึงช่วยในการบำรุงไต เพิ่มกำลังวังชา ม้าน้ำตากแห้งยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับ และเครื่องรางด้วย พวกมันถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาซื้อขายที่ค่อนข้างสูง ถึงขีดละประมาณ 4,000-5,000 บาท เลยทีเดียว นั่นเป็นเหตุผลทำให้ชาวประมงจำนวนมากทำอาชีพจับม้าน้ำมาตากแห้งเพื่อขายส่งออก หรือแม้แต่ม้าน้ำตัวเป็นๆ ที่เริ่มเป็นที่นิยมในการนำมาเลี้ยงในตู้ปลาด้วย

ด้วยราคาซื้อขายที่สูงของ ม้าน้ำ ทำให้ประชากรม้าน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมีนักวิชาการจำนวนมากที่ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อพยายามสนับสนุนให้ม้าน้ำได้รับการคุ้มครอง และถูกขึ้นทะเบียนไซเตสได้ในเร็ววัน

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม แนะนำ

“ฉลาม” เป็น “นักล่า” ที่น่ากลัวจริงหรือ?

สัตว์น้ำ

หากเราจะพูดถึง ฉลาม หรือ ปลาฉลาม คุณจะนึกถึงอะไร? เรามั่นใจว่ามากกว่า 70% ที่จะนึกถึงความดุร้ายของฉลามขาว หรือจะเป็นความน่าเกรงขามของฉลามวาฬ รวมถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวของปลาฉลามชนิดต่าง ๆ ที่เราได้เห็นตามสื่อหรือภาพยนตร์ระทึกขวัญมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับนักล่าที่น่าเกรงขามนี้ว่าจริง ๆ แล้ว พวกมันมีความน่าอัศจรรย์ที่คุณยังไม่ได้รู้อีกมากมาย ลองอ่านบทความนี้แล้วคุณจะรู้ว่าความน่าอัศจรรย์ที่เรากล่าวถึงคืออะไร

ประวัติปลาฉลาม

ที่คุณต้องรู้คือ ฉลามทุกชนิดเป็นสัตว์กินเนื้อ ฉลามส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว มีเพียงฉลามน้ำจืด หรือน้ำกร่อยบางชนิดที่ออกลูกเป็นไข่ และสุดท้ายนักล่าเหล่านี้มีโครงสร้างร่างกายที่มีแต่กระดูกอ่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงได้ว่ายน้ำได้ปราดเปรียวนัก

ฉลามเป็นสัตว์ที่มีหลากหลายสายพันธุ์มาก และแต่ละปลาฉลามแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรูปร่าง หน้าตา ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น ฉลามวาฬ ที่ถือว่าเป็นฉลามที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถมีความยาวได้ถึง 20 เมตร แต่ฉลามวาฬเหล่านี้กลับมีฟันซี่เล็กและกินแพลงตอนเป็นอาหาร, ฉลามขาวเป็นฉลามที่นับว่าดุร้ายมากสายพันธุ์หนึ่ง ลักษณะเด่นของฉลามขาว คือพวกมันจะมีท้องสีขาวและแผงเหงือกข้างลำตัว หรือ ฉลามหัวค้อนที่มีลักษณะที่ดูแปลกตา คือพวกมันจะมีส่วนหัวที่แบนราบคล้ายกับค้อน เป็นต้น

นอกจากนั้นฉลาม ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้สร้างสมดุลแห่งท้องทะเล” จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าปลาฉลามที่หลายคนเรียกว่านักล่านั้น อันที่จริงแล้วพวกมันเป็น 1 ในผู้สร้างสมดุลแห่งท้องทะเล ซึ่งบรรดาฉลามไม่ว่าจะเป็น ฉลามวาฬ ฉลามขาว ฉลามหัวค้อนหรือไม่ว่าจะเป็นฉลามสายพันธุ์ไหน ส่วนใหญ่พวกมันจะเลือกเหยื่อที่เชื่องช้า ป่วย อ่อนแอ หรือใกล้ตาย นั่นก็เหมือนกับนักล่าเหล่านี้กำลังพยายามที่จะช่วยเลือกสรร และจัดสรรให้โลกใต้น้ำอยู่ในความสมดุลเพื่อไม่ให้มีปลากินพืชมากไป หรือช่วยไม่ให้มีสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากพวกมันมากเกินไป แต่ด้วยสัญชาตญาณนี้ของปลาฉลามทำให้เมื่อมีคนลงไปว่ายน้ำใกล้พวกมัน ทำให้พวกมันคิดว่านั่นคือ “เหยื่อ” และได้ทำอันตรายกับคนเหล่านั้นได้


แต่เราอาจเรียกไม่ได้เต็มปากอีกต่อไปว่า ปลาฉลามคือนักล่า เพราะในความเป็นจริงแล้วพวกมันกลับกลายเป็นเหยื่อสำหรับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีองค์กรมากมายถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อคอยพิทักษ์เจ้าฉลามพวกนี้ เพื่ออนุรักษ์นักล่าเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน.