Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลานกแก้ว ปลาทะเลสีสวยและวิธีการกางมุ้งนอนที่ไม่เหมือนใคร

สัตว์น้ำ

ปลานกแก้ว

ปลานกแก้ว ปลาทะเลสีสวยและวิธีการกางมุ้งนอนที่ไม่เหมือนใคร

 

ปลานกแก้ว ( Parrotfishes ) เป็นปลาทะเลที่มีสีสันสดใสและมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ ด้วย  ลักษณะลำตัวแบนเรียว เกล็ดเรียงสวยหลากหลายสีสัน สามารถมองเห็นได้ชัดในระยะไกล เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดราวๆ 30-40 เซนติเมตร จัดว่าเป็นปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ในบรรดาปลาทะเลที่มีสีสันสวยงามด้วยกัน  มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ จะมีฟันเรียงติดกันเป็นแผงยื่นออกมาข้างนอกทั้งบนและล่าง  โดยจะเรียงซ้อนกันสองแถวทั้งบนและล่าง ทำให้ปากมีลักษณะเป็นจะงอยยื่นออกมาเหมือนปากนกแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “ปลานกแก้ว ”  

นอกจากนี้ยังมีลักษณะอื่นๆที่คล้ายนกอีก เช่น การมีสีสันที่หลากหลายและเด่นชัด สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล  และมีลักษณะการว่ายน้ำที่คล้ายๆกับลักษณะการกางปีกบิน คือจะมีการกางคลีบที่อยู่ข้างลำตัวและหุบเข้า-ออก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว ดูแล้วก็เป็นความงดงามที่คล้ายนกกางปีกบินนั่นเอง

ปลานกแก้ว-1

วิถีการใช้ชีวิตของปลานกแก้ว

ปลานกแก้วมักอาศัยอยู่ตามท้องทะเลที่มีสภาพแวดล้อมและแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำใสสะอาด เจ้าปลาทะเลชนิดนี้หากินโดยการใช้ฟันที่แหลมและแข็งแรงแทะกินสาหร่ายที่งอกอยู่ตามแนวปะการังต่างๆ  รวมถึงใช้ฟันขูดกินผิวปะการังขนาดเล็ก  โดยมีระบบกระเพาะอาหารที่สามารถคัดแยกสาหร่ายและฝุ่นผงออกจากกันได้ จากนั้นจึงขับถ่ายออกมา มีการวิจัยพบว่าปลานกแก้วที่มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม สามารถผลิตฝุ่นทรายได้มากถึง 1 ตัน เลยทีเดียว ปลาชนิดนี้จึงมีความสำคัญต่อระบบนิเวศของท้องทะเลอีกชนิดหนึ่ง 

ในส่วนของการผสมพันธุ์จะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่จะมีช่วงที่สูงที่สุดคือ ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม เมื่อมีอายุระหว่าง 2-4 ปี โดยเมื่อปฏิสนธิแล้วพวกมันจะจับคู่กันและตัวเมียจะปล่อยไข่ให้จมลงในน้ำ  จากนั้นจะฟักตัวภายใน 25 ชั่วโมงและจะเริ่มออกหาอาหารได้ใน 3 วันให้หลัง  สังเกตว่าเจ้าปลาทะเลชนิดนี้มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมากๆ และต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองตั้งแต่เกิด  เมื่อยังเล็กมันจะกินพวกพืชและสัตว์ตัวเล็กๆ เข้มแข็งจริงๆนะ..   

ปลานกแก้ว

วิธีการนอนของปลานกแก้ว  “ นอนยังไงให้ไร้การรบกวน ”

เมื่อออกหากินมาตลอดทั้งวันแล้ว  ตกกลางคืนเจ้าปลานกแก้วก็จะนอนพักผ่อนเอาแรงบ้าง  ซึ่งปลาทะเลชนิดนี้มีวิธีการนอนที่น่าทึ่งมากๆ โดยมันจะมองหาทำเลที่นอนตามซอกหินหรือซอกปะการังที่เหมาะสม  จากนั้นมันจะเข้าไปจับจองหาที่นอนและกางมุ้งนอนค่ะ  ใช่ค่ะ..มันกางมุ้งนอนเพื่อป้องกันอันตรายและการรบกวนจากปรสิตต่างๆ โดยมันจะปล่อยเมือกเหนียวๆออกมาคลุมตัวเองเอาไว้ หากมีศัตรูจะเข้ามาทำร้ายมันจะรู้สึกตัวได้ในทันทีและเผ่นหนีเอาตัวรอดได้ทันทีเลยล่ะค่ะ เป็นการใช้ชีวิตที่รอบคอบจริงๆนะเนี่ย!

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ทากทะเลสีน้ำเงินตัวจิ๋ว สัตว์มีพิษผู้ไม่สามารถสร้างพิษเองได้

สัตว์น้ำ

ทากทะเล

ทากทะเลสีน้ำเงิน ( Sea swallow blue )  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Glaucus Atlanticus   เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับหอยที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก   จริงๆแล้วมันก็คือ “ ทากทะเล ” นั่นล่ะค่ะ   เจ้าตัวนี้มีสีน้ำเงินหน้าตาประหลาดแต่สวยงาม  ไม่มีกระดูกสันหลัง  เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดราวๆ 3 เซนติเมตร   ซึ่งถือว่ามีขนาดค่อนข้างเล็กมากเลยทีเดียว  เห็นเล็กๆแบบนี้พวกมันมีนิสัยดุร้ายและมีพิษที่รุนแรงมากเลยล่ะค่ะ   แต่แปลกที่มันกลับไม่สามารถสร้างพิษเองได้   พิษที่เราเห็นพวกมันปล่อยออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นพิษที่มาจากสัตว์พิษชนิดอื่นๆที่มันได้กินเข้าไป  จากนั้นมันก็จะทำการเปลี่ยนผันเอาพิษนั้นมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพื่อเอาไว้ใช้งานต่อไป    น่าทึ่งกว่านั้นก็คือมันสามารถสะสมเก็บพิษเอาไว้ได้เป็นเวลานานและทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย   เมื่อโดนพิษของมันอาจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยพิษมีความรุนแรงจนเรียกได้ว่าเจ้าตัวนี้เป็น “ หนึ่งในสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก ” ก็ว่าได้   โดยพิษของมันจะเข้าไปทำลายระบบการทำงานของหัวใจ  ระบบประสาท  และเซลล์ใต้ผิวหนังซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้  อาการเมื่อถูกพิษ คือ ปวดหัว คลื่นไส้  อาเจียนมีอาการผิวหนังอักเสบรุนแรง   หากเผลอไปโดนพิษมาเข้าแนะนำว่าควรรีบไปหาหมอโดยเร็วที่สุด

ทากทะเล-1

วิถีการดำรงชีวิตของทากทะเลสีน้ำเงินที่แสนชาญฉลาด

นอกจากจะมีพิษร้ายแรงแล้วลักษณะปละพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของมันก็มีความแตกต่างจากตัวทากทะเลทั่วๆไป  กล่าวคือโดยมากพวกทากทะเลก็จะอาศัยอยู่ตามแนวปะการังหรือก้นทะเล  แต่เจ้าตัวนี้กลับลอยตัวอยู่บนผิวน้ำโดยใช้วิธีที่แสนฉลาดคือมันจะกลืนเอาอากาศไปสะสมไว้ในถุงลมที่อยู่ข้างตัว  เพื่อให้ช่วยในการพยุงตัวและปล่อยให้ตัวมันไหลไปตามกระแสน้ำ  ทั้งนี้มันมีเหตุผลสำคัญคือเพื่อให้มันสามารถหาฝูงแมงกะพรุนไฟหรือสัตว์พิษชนิดอื่นที่ลอยผ่านมาได้ง่ายขึ้นนั่นเอง  เห็นแบบนี้แล้วดูเหมือนว่ามันมีเป้าหมายอยู่ที่การสะสมพิษไปเรื่อยๆเพื่อให้ตัวมันเองแข็งแกร่ง 

 

ทากทะเล-2

เทคนิคการพลางตัวเพื่อเอาตัวรอด

สิ่งที่เห็นชัดเจนอีกอย่างหนึ่งคือมันจะพลางตัวโดยการลอยน้ำกลับหัวเอาส่วนท้องที่มีสีฟ้ามาไว้ด้านบนผิวน้ำ   เมื่อกระทบกับแสงแดดจะช่วยพรางตามันจากอันตรายที่จะมาจากเหล่านักล่าทั้งใต้ทะเลและจากบนท้องฟ้าได้  เรียกเทคนิคแบบนี้ว่า Countershading    แต่แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงและสามารถพรางตัวได้เก่งจนน่าทึ่งมากแค่ไหนก็ตาม   ในปัจจุบันทากทะเลสีน้ำเงินก็ได้ถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Categories
สัตว์จืด สัตว์น้ำ

รู้หรือไม่ ปลากดอเมริกัน ถือเป็นปลาเศรษฐกิจโลก ขายก็ได้ เลี้ยงก็ดี

สัตว์น้ำ

ปลากดอเมริกัน คือ ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาเศรษฐกิจโลก และไม่ใช่แค่ประเทศอเมริกาเท่านั้นที่นิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง ในประเทศไทยก็นิยมเลี้ยงเช่นกัน โดยจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปลากดหลวง นั้นเอง ว่าแต่ทำไมปลากดชนิดนี้ ถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาเศรษฐกิจโลกกันนะ? แล้วปลากดสายพันธุ์นี้ มีความสำคัญ ความแตกต่างจากปลาสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างไร ตามมาดูกันเลย

มารู้จักกับ ปลากดอเมริกัน

ปลากด เป็นปลาน้ำจืดที่อยู่ในตระกูลปลากระดูกแข็งน้ำจืด กลุ่มปลาหนัง ในภาษากรีกมีความหมายว่าปลาหนัง หรือ แมว เนื่องจากปรกติปลาชนิดนี้จะมีหนวดถึง 4 คู่ด้วยกัน ปลากดมีรูปร่างคล้าย ๆ กับตระกูลปลาดุก ปลาสวาย มีหัวขนาดใหญ่ มีขนาดลำตัวที่ใหญ่และยาว มีสีดำหรือสีเทาอมน้ำตาล ผิวเรียบลื่น ไม่มีเกล็ด ปากกว้างและมีฟันในปาก ก้านครีบแข็ง หรือที่เรียกว่าเงี่ยงจะมีพิษในบางสายพันธุ์

ถิ่นกำเนิดของปลากด

ปลากดอเมริกัน เป็นปลาพื้นเมืองที่อยู่กระจายหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่ทวีปอเมริกาเหนือ จนไปถึงทวีปอเมริกากลาง ส่วนมากปลากดจะกระจายพันธุ์อยู่ในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในแถบรัฐจอร์เจีย รัฐเท็กซัส รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะในลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี รัฐมิสซิสซิปปี และทางตอนใต้ของรัฐแคนาดา จะเจอปลากลุ่มนี้จำนวนมากเป็นพิเศษ

ปลากดกินอะไรเป็นอาหาร

โดยปกติพฤติกรรมการใช้ชีวิตของ ปลากดอเมริกัน มีนิสัยก้าวร้าว และสันโดษ ไม่ชอบอยู่เป็นฝูง เป็นกลุ่ม มันอาศัยอยู่ใต้ท้องน้ำลึก เพราะเป็นปลาที่หากินตามพื้น จะกบดานอยู่นิ่ง ๆ และไม่เคลื่อนไหวตัวเท่าไหร่ ยกเว้นแต่ว่ามันจะออกหาอาหารหรือล่าเหยื่อ ปลากดเป็นปลากินเนื้อ จึงกินได้หลากหลาย ทั้งปลาเล็ก กุ้ง แมลง และซากพืชซากสัตว์เป็นอาหาร

ปลากดกับเลือกกินอาหารตามอุณหภูมิ

การกินของปลากด จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของท้องน้ำและสภาพอากาศด้วย เนื่องจากปลากดจะเจริญอาหารและเติบโตได้ดี เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ผิวหน้าน้ำไม่ร้อนจัด มีอุณหภูมิน้ำเย็น หรือไม่เกิน 29 องศาเซลเซียส จะทำให้ปลากดกินอาหารได้ในปริมาณมาก ส่วนในฤดูร้อน หรือวันที่อากาศร้อนจัด เหล่าปลากดจะกินอาหารน้อยลง

ฉายาปลาสายพันธุ์นี้ ปลาเศรษฐกิจโลก เลี้ยงก็ง่าย ขายก็ดี แถมกินก็อร่อย

ปลากดอเมริกัน มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ เนื่องจากสามารถเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจได้ ทั้งในเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร เลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรือจะเอาไว้ตกปลาเป็นเกมกีฬาก็ได้เช่นกัน ปลากดสายพันธุ์นี้ มีอัตราการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว อีกทั้งเนื้อปลากดยังมีรสชาติดี ทำให้เกิดการเปลี่ยนมาเป็นอาหารมีมากขึ้น และเกิดการนิยมเลี้ยงในหลาย ๆ พื้นที่ เนื่องจากปลากดชนิดนี้กระจายอยู่ในลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี ดังนั้น มลรัฐมิสซิสซิปปี จึงถือเป็นรัฐที่มีอุตสาหกรรมการเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แค่ฟาร์มเพาะมีปริมาณเนื้อที่ถึง 1,000 ไร่ขึ้นไป

ปลากดหลวง ชื่อนี้คนไทยเป็นคนตั้ง

การนำ ปลากดอเมริกัน ชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทย เริ่มแรกเลย เกิดจากสถาบันพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ AIT และกรมประมง ได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์เข้ามาในไทยถึง 50 คู่ และเรียกเป็นชื่อภาษาไทยว่า ‘ปลากดหลวง’ โดยนำไปเลี้ยงและเพาะพันธุ์ในกระชัง ฟาร์ม บ่อ เขื่อน และอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ได้มีการทดลองเลี้ยงปลากดหลวง พบว่าปลากดหลวงนั้น มีการเจริญเติบโตที่ดีมาก มีอัตราการรอดชีวิตสูง จึงทำให้เกษตรกร เริ่มหันมาลองมาทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารดู พบว่าเมื่อนำมาประกอบอาหาร เนื้อปลาแน่น มีสีขาว มีรสชาติที่หวานอร่อย สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนูทีเดียว จึงเป็นที่นิยมทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค

Categories
สัตว์จืด สัตว์น้ำ

นากสักถึงจะดูน่ารัก แต่ก็เป็นตัวจอมทำลาย

สัตว์น้ำ

เป็นสัตว์ที่อาศัยได้ทั้งบนบกและในน้ำมีความเก่งกาจสามารถเฉพาะตัวค่อนข้างสูง ถือว่าเป็นสัตว์ที่เอาตัวรอดได้เก่งมากๆ ไม่ว่าจะอยู่ในน้ำหรืออยู่บนบกตัวนากนั้นมีความสามารถในการหากินที่เก่งไม่เบา ด้วยความที่มีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าสัตว์ชนิดอื่นทำให้ตัวนากนั้นสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ด้วยความที่มีความพิเศษในตัวทำให้คนจำนวนไม่น้อยสนใจและอยากจะได้ตัวนาคมาไว้ครอบครอง สิ่งที่อยากได้มากที่สุดของตัวหน้าก็คงจะเป็นหนังและขนของเขาสมัยก่อนนิยมนำมาทำเสื้อผ้า ด้วยความพิเศษของตัวหนังของเขาที่ให้ความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ตัวนากกลายเป็นสัตว์สงวนที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว

ความแข็งแรงของตัวนาก

ตัวนากมีลักษณะคล้ายกับหนูตัวใหญ่บางคนที่ไม่เคยเห็นตัวนากมาก่อนก็อาจจะคิดว่าสัตว์ตัวนี้ขึ้นหนูตัวใหญ่ที่เราไม่เคยเห็น คุณลักษณะพิเศษของเขาที่เห็นเด่นชัดนั่นคือที่หุ้มมือถือถุงเท้าของเขาจะมีพังผืดคล้ายๆกับตีนเป็ด ทำให้สามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีคนสมบัติประเภทนี้อยู่ในตัวการหาอาหารในน้ำก็ไม่ใช่เป็นเรื่องยาก เขาสามารถใช้การว่ายน้ำที่ว่องไวดักจับสัตว์น้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ปลาตัวเล็กหรือสัตว์ตัวเล็กที่หลงเข้ามาในอาณาจักรของตัวนาก ถ้าเกิดตัวนากได้หมายปองไว้แล้วไม่มีทางที่จะหนีพ้นไปอย่างแน่นอน

ตัวนากมีฟันที่แหลมคม

หลายคนคิดว่าตัวนากคงจะไม่เป็นพิษเป็นภัยแต่ก็ต้องระวังกันไว้สักเล็กน้อยด้วยความที่ตัวนากนั้นมีพลังในการทำลายล้างที่ค่อนข้างสูง ด้วยความทรงพลังของฟันและเขี้ยวที่สามารถกักไม้ขาดได้เป็นต้นๆ การขุดหรือการกัดของตัวนากนั้นสามารถที่จะทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง นอกจากที่ตัวน่าจะหากินในน้ำแล้วก็ยังหากินสัตว์และแมลงตัวเล็กจากบนพื้น บางครั้งบางทีก็ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบต้นไม้น้อยใหญ่ที่โดนตัวหน้าเข้ากับทำลายก็เสียหายเป็นแถบๆเลยก็มี

กลิ่นตัวที่เฉพาะของตัวนาก

น่าแปลกเป็นอย่างมากสำหรับตัวนาก เขามีกลิ่นตัวที่เฉพาะเป็นอย่างมากเมื่อเราเข้าใกล้รัศมีเขาจะรู้ได้เลยว่าถิ่นที่อยู่ตรงนี้จะต้องมีตัวนากอย่างแน่นอน เขาเป็นสัตว์ที่มีกลิ่น ข้างแรงบางคนจะรู้สึกได้เลยว่ากินแบบนี้ไม่ถูกโฉลกกับตัวเอง เพียงแค่ได้กลิ่นตัวนากเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขากินทั้งรากไม้กินทั้งแมลงและกินทุกอย่าง เลยทำให้มีกลิ่นตัวเฉพาะก็ถือเป็นความพิเศษของตัวเข้าอีก 1 อย่างด้วยเช่นกัน

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

แมงกะพรุนสัตว์ทะเลอันตรายที่ห้ามเข้าใกล้

สัตว์น้ำ

เราคงรู้จักกันดีว่าเป็นสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เนื้อตัวของแมงกะพรุนนั้นค่อนข้างใสดูเหมือนจะไม่มีอันตรายและไม่มีพิษสงแต่อย่างใด แต่ด้วยความที่ดูไม่อันตรายแบบนี้ใครที่เคยได้โดนสัมผัส ใครที่เคยโดนพิษร้ายจากแมงกะพรุนก็คงจะรู้ดีว่าความสวยงามของแมงกะพรุนนั้น สามารถฆ่าชีวิตของเราได้ด้วยเช่นกันหลายคนประมาทเข้าใกล้แมงกะพรุนหรือว่าไปสัมผัสกับแมงกะพรุนแล้วไม่รีบทำการรักษา ไม่รีบทำการล้างพิษของมันออกก่อนกว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็กลายเป็นแผลพุพองเหมือนโดนน้ำร้อนลวก บางรายรุนแรงเหมือนโดนน้ำกรดเกิดเป็นแผลเวอะหวะรักษากันนานแรมเดือนก็มีมาแล้ว

แมงกะพรุนสามารถกินได้

แต่ในความอันตรายของแมงกะพรุนก็ยังมีแมงกะพรุนบางประเภทสามารถนำมาเป็นอาหารรับประทานกันได้ โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะนำแมงกะพรุนนั้นมาทำการดอง ทำการขจัดพิษในตัวของมันออกเสียก่อน ถึงจะนำมารับประทานเป็นอาหารได้ แต่ก็ใช่ว่าแมงกะพรุนทุกชนิดจะสามารถกินได้ทั้งหมด มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่เราสามารถนำมาเป็นอาหารรับประทานกันได้ สำหรับคนที่เคยได้กินแมงกะพรุนแล้วก็คงจะรู้กันดีถึงความเอร็ดอร่อย เคี้ยวแล้วได้รสสัมผัสที่กรุบกรอบเคี้ยวสนุก ยิ่งถ้าได้แมงกะพรุนคุณภาพดีและร้านปรุงรสที่เด็ดขาด ก็ยิ่งชวนให้หลงใหลเป็นอย่างมาก หลายคนที่ยังไม่เคยได้กินหรือไม่กล้าที่จะลองอยากจะอธิบายว่าแมงกะพรุนนั้นรสสัมผัสคล้ายกับเห็ดหูหนูขาว มีความกรุบกรอบแต่รสชาตจะดีกว่ามาก บางคนติดใจถึงขนาดที่ว่าต้องหากินกันให้ได้ในทุกอาทิตย์กันเลย

แมงกะพรุนคือสัตว์โลกล้านปี

มีคำถามเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานว่าแมงกะพรุนนั้นเป็นสัตว์ที่กำเนิดอยู่ในยุคไหน มีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดสอบและสืบหาประวัติการกำเนิดของแมงกะพรุนมาอย่างยาวนาน และก็พอได้คำตอบกันมาว่าแมงกะพรุนนั้นเป็นสัตว์โลกล้านปีที่น่าจะอยู่ก่อนในยุคไดโนเสาร์ เพราะแมงกะพรุนนั้นสามารถปรับตัวอยู่ในน้ำทะเลได้ในทุกสภาพสภาพ แถมมีการขยายตัวมีการขยายพันธุ์กันอย่างรวดเร็ว ทำให้แมงกะพรุนนั้นไม่มีวันที่จะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน

แมงกะพรุนอาศัยอยู่ในท้องทะเล

บางคนที่ไม่แน่ใจในเรื่องของแมงกะพรุนว่ามีพิษอันตรายมากน้อยเพียงใด คิดว่าการว่ายน้ำในทะเลแล้วได้เจอแมงกะพรุนนั้นเป็นเรื่องที่โชคดี เราเห็นแมงกะพรุนห่างจากเราพอประมาณแล้วได้ว่ายน้ำตามเพื่อดูความสวยงามของแมงกะพรุนแต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิดมหันต์เพราะแมงกะพรุนนั้นจะมีเส้นใยบางๆและมีสารพิษตกค้างระหว่างทางที่แมงกะพรุนได้ว่ายน้ำผ่าน บางคนที่แพ้มากเพียงแค่ได้โดนละอองเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ปวดแสบปวดร้อนต้องรักษากันนานแรมเดือนเลยก็มี ทางที่ดีอยู่ให้ห่างจะปลอดภัยเป็นที่สุด

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

หอยเต้าปูนเป็นหอยอะไร สามารถกินได้หรือไม่

สัตว์น้ำ

หอยเต้าปูนหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักชื่อเรียกได้ว่าชื่อนี้ไม่คุ้นหูกันเลย คำถามแรกที่ทุกคนนั้นจะถามกันขึ้นมานั่นก็คือหอยเต้าปูนนั้นกินได้เหมือนหอยปกติหรือไม่ คำถามทักมาก็จะถามต่อกันมาว่าหน้าตาของหอยชนิดนี้เป็นเช่นไร โดยส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะรู้ว่าหอยเกือบจะทุกชนิดเราสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารกันได้ แต่ก็มีหอยบางชนิดที่เราไม่สามารถจะนำมารับประทานอาหารได้ด้วยเช่นกันอย่างเช่นเจ้าหอยเต้าปูนเป็นหลัก หอยชนิดนี้มีพิษร้ายแรงจนไม่อยากจะเชื่อว่าผิดของตัวมันนั้นจะสามารถฆ่าชีวิตมนุษย์กันได้เลยทีเดียว

เคลื่อนที่ว่องไวจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นหอย

หอยทุกชนิดนั้นการขึ้นตัวจะใช้การเคลื่อนตัวแบบช้าๆ แต่งสำหรับหอยเต้าปูนก็ไม่ได้บอกว่าจะสามารถเคลื่อนตัวได้ไวกว่าปกติแต่สิ่งที่ว่องไวเกินกว่าที่พวกเราจะคิดกันได้นั่นคือการหาอาหารหรือการจับเหยื่อของหอยเต้าปูน หอยเต้าปูนนั้นมีความเร็วในการจับเหยื่อเป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วที่ไวพอๆกับการกระพริบตาของเราก็สามารถที่จะใช้อาวุธอันสำคัญของตัวหอยนั้นจัดการให้กับเหยื่อหมดสติและสลบลงไป ไม่น่าเชื่อว่าจะมีหอยที่สามารถจับเหยื่อได้รวดเดียวได้ขนาดนี้

ความพิเศษเหนือกว่าหอยธรรมดา

หอยเต้าปูนจัดว่าเป็นหอยที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก สีสันที่สวยงามทำให้หลายคนเข้าใจว่าความสวยงามของมันนั้นไม่น่าจะมีพิษสงแต่อย่างใด แต่ความที่เราหลงใหลกับความสวยงามแบบนี้มักจะมีพิษสงซ่อนอยู่ในตัวเสมอ หอยเต้าปูนมีเข็มพิษที่อันตรายสามารถฆ่าชีวิตมนุษย์ได้ถ้าเราไม่รู้ทันมันเสียก่อน เข็มพิษที่หอยเต้าปูนนั้นสามารถทิ่มแทงตัวเราได้ถ้าเปรียบเทียบกันให้เห็นภาพได้ชัดพิษของมันมีความรุนแรงไม่แพ้กับอสรพิษเลยเช่นกัน นั่นเป็นการบอกว่าสิ่งใดที่สวยงามดูแล้วไม่น่าจะมีพิษสงจำเป็นจะต้องระวังเอาไว้ ยิ่งสวยงามเท่าไหร่ยิ่งมีพิษร้ายเท่านั้น

หอยเต้าปูนไม่ใช่หอยน้ำจืด

หอยเต้าปูนจะอาศัยอยู่ในท้องทะเลไม่ได้เจอได้ตามน้ำจืดหรือห้วยหนองคลองบึงอย่างแน่นอน เราจึงไม่ต้องระวังตัวเวลาที่ลงน้ำจืดหรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ถ้าเกิดว่าไปเที่ยวที่ทะเลก็ต้องระวังไว้เสียหน่อยท่องไว้อย่างสั้นๆว่าของอะไรที่ดูสวยเกินไปมักจะมีพิษร้ายอย่าเข้าใกล้เป็นอันดี หอยชนิดนี้ดูแล้วน่าจะเป็นแค่สัตว์ธรรมดาแต่ความดุร้ายของเขาอีกอย่างนั้นก็คือเขากินทุกอย่างไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะกินปลาเล็กหรือหอยที่ตัวเล็กกว่าเขาก็จับมาเป็นอาหารได้ทั้งนั้น ถือว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ในระบบนิเวศชั้นสูงเลย

Categories
สัตว์จืด สัตว์น้ำ

ปลากัดปลาประจำชาติไทย ตั้งแต่สมัยโบราณโบราณ

สัตว์น้ำ

เป็นปลาที่สวยงามและเป็นปลาประจำชาติไทย ปัจจุบันมีการเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายเรียกกันได้ว่าปลากัดนั้นเลี้ยงกันมาตั้งแต่สมัยโบราณโบราณ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30-40 ปีก่อน คนนิยมจะเลี้ยงปลากัดไทยและนำมากัดกันเหมือนกับการชนไก่หรือตีไก่อะไรประมาณนั้น เป็นเกมกีฬาที่ถือว่าได้รับความนิยมกันเป็นอย่างสูง แต่ปัจจุบันได้เรียนหายกันไปเป็นจำนวนมาก เหลือแต่เพียงการเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และมีการผสมข้ามสายพันธุ์ให้มีความแพร่หลายของสีสันในตัวปลากัดเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ปลากัดมีหลายสายพันธุ์

ปลากัดสัวต์น้ำประจำชาติไทย

ปลากัดนั้นจัดว่ามีหลายสายพันธุ์เป็นอย่างมาก ถ้าจะให้เรียบเรียงสายพันธุ์คงจะต้องใช้เวลาเรียบเรียงกันนานนับปี เพราะแต่ละสายพันธุ์นั้นมีการแยกย่อยกันไปอีกเป็นจำนวนมากสีสันที่ต่างกันและขนาดที่ต่างกันก็มีการเรียกชื่อของปลากัดที่ต่างกันออกไปแล้ว ปัจจุบันคนนิยมการเลี้ยงปลากัดเพื่อความสวยงามและถ้าเกิดว่าสีสันนั้น สามารถทำได้แตกต่างกว่าคนอื่นหรือเป็นสีสันที่เหนือธรรมชาติ อย่างเช่นปลากัดสีทองล้วน เมื่อกระทบกับไฟสีส้มก็จะส่องแสงเป็นสีทองประกายวิบวับราคาค่าตั๋วก็หลักหมื่นหลักแสน หรือลายธงชาติไทยเป็นความบังเอิญที่เหมือนธงชาติไทยเป็นอย่างมากทำให้ผู้คนต้องการที่จะเลี้ยงปลากัดและต้องการที่จะครอบครองเอาไว้สนนราคาค่าตัวก็หลักหมื่นด้วยเช่นกัน

วิธีการเลี้ยงปลากัด

ปลากัดสัวต์น้ำประจำชาติไทย

เป็นปลาที่เลี้ยงง่ายไม่จำเป็นจะต้องใช้เครื่องมืออะไรมากมายนัก สำหรับมือใหม่เพียงแค่หาขวดโหลมา 1 ขวด ล้างให้สะอาดใส่น้ำพักไว้ประมาณ 1 คืน ก็สามารถนำปลากัดมาเลี้ยงได้เรียบร้อยแล้ว การให้อาหารนั้นก็สุดแสนจะประหยัด จะเป็นอาหารเม็ดให้ระหว่างมื้อเช้าและมื้อเย็น หรือจะเพิ่มเป็นอาหารสดก็สามารถทำได้เช่นกัน สำหรับการเปลี่ยนน้ำไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนน้ำบ่อย เนื่องด้วยปลากัดกินน้อยถ่ายน้อย 2-3 อาทิตย์เปลี่ยนน้ำสัก 1 ครั้งก็ได้

อาชีพปลากัดไม่เคยจางหาย

ปลากัดสัวต์น้ำประจำชาติไทย

คนที่เลี้ยงปลากัดเป็นอาชีพนั้นปัจจุบันก็ยังคงเลี้ยงกันอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งส่งออกต่างประเทศและทั้งเลี้ยงภายในประเทศ เป็นอาชีพที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรหวือหวามากนัก แต่ก็ไม่ได้ตกต่ำถึงขนาดที่คนเลิกเลี้ยงกันไปเหมือนสัตว์ชนิดอื่น การเลี้ยงปลากัดถือว่าเป็นอะไรที่เลี้ยงง่ายดูแลน้อย ถ้าเทียบกับการเลี้ยงสัตว์ประเภทอื่นแล้วถือว่าเป็นการเลี้ยงที่สบายที่สุด เดินตามตลาดนัดต้นไม้หรือสัตว์ก็สามารถซื้อมาเลี้ยงไว้ที่บ้านได้ บางคนเริ่มเพลงแค่ 1 ตัวจนตอนนี้กลายเป็นบ่อเพาะพันธุ์ไปเลยก็มี

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

เชื่อหรือไม่ว่า โลมามันไม่ใช่ปลาแต่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

สัตว์น้ำ

โลมาหรือที่หลายชอบเรียกว่าปลาโลมาที่จริงแล้วชื่อของเขานั้นเรียกกันให้ถูกต้องต้องเรียกว่าโลมา โลมาเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำเค็มและเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม หลายคนอาจจะสงสัยว่าอยู่ในน้ำทะเลเค็มขนาดนั้นจะเลี้ยงลูกด้วยนมได้เช่นไร ปราสาทรับรู้ของสัตว์แต่ละชนิดนั้นไม่เหมือนกันการเลี้ยงลูกด้วยการใช้น้ำนมเลี้ยงนั้นก็มีสารอาหารชนิดพิเศษที่ระหว่างปลาโลมาด้วยกันเท่านั้นจะเข้าใจ จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างมากสัตว์น้ำที่หลายคนคิดว่าไม่น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับโลมาด้วยเช่นกันแล้วเรามาดูกันว่าโลมาเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมากน้อยขนาดไหนหลายคนถึงได้ตั้งข้อสงสัยกัน

โลมาเป็นสัตว์ที่ดุร้ายจริงหรือไม่

โลมาเป็นสัตว์ที่เราไม่ได้ต้องการทำมาเป็นอาหารสมัยก่อนโลมาถ้าเกิดว่ามีการติดกวนหรือติดแหขึ้นมาที่บนเรือ ก็จะถูกฆ่าทิ้งโยนลงทะเลกลับคืนสู่อย่างเก่า เป็นเรื่องที่น่าสงสารเป็นอย่างมากหลายคนเกิดคำถามว่าเพราะโลมาดุร้ายหรือถึงได้ทำร้ายมันเช่นนั้น ความเป็นจริงไม่ได้ดุร้ายอย่างใดแต่เป็นสัตว์น้ำที่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก แต่ที่เราชอบทำเช่นนั้นเพราะว่ามีจำนวนมากและชอบเข้ามากินปลาที่เขาได้วางอวน ว่าไงดักปลาเอาไว้ก็เลยทำไปยังไม่คิดเช่นนั้น

ความน่ารักของโลมาไม่มีที่สิ้นสุด

เป็นสัตว์ที่น่ารักเป็นอย่างมากหลายคนที่ได้เห็นตามท้องทะเล เพียงแค่ได้เห็นโลมาโผล่ขึ้นมาก็มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนแก้มเราเป็นที่เรียบร้อย หน้าตาของโลมานั้นดูแล้วเป็นมิตรเป็นอย่างมากแถมเป็นสัตว์น้ำที่เชื่องชอบว่ายบนตามเรือ มีเรื่องเล่าต่างๆนานาว่าเมื่อไหร่พี่เกิดเหตุอันตรายกลางทะเลก็จะมีเหล่าปลาโลมามาช่วยเหลืออยู่เสมอ ถึงขนาดที่ว่ามีการนำปลาโลมามาสร้างเป็นหนังสารคดี สัตว์น้ำประเภทนี้เราควรต้องอนุรักษ์เอาไว้ รวมถึงสัตว์น้ำประเภทอื่นๆที่มีความน่ารักและไม่เป็นพิษเป็นภัยเราก็ควรจะอนุรักษ์เอาไว้ด้วยเช่นกัน

โลมากำลังจะหายไปจากโลกนี้

ปัจจุบันโลมาค่อยๆจางหายไปจากท้องทะเล อาจจะด้วยการโดนลักลอบล่าสัตว์ หรือไปติดควรติดแผลของชาวบ้านชาวเรือแล้วไม่สามารถจะหลุดหนีไปได้ก็ทำให้ต้องเสียชีวิตกันไป รวมถึงสัตว์น้ำชนิดอื่นที่ชาวบ้านไม่ค่อยได้ดูแลปล่อยให้อ้วนหรือหาที่ขาดหลุดลอยทิ้งตามทะเลแล้วไปเกี่ยวกับสัตว์น้ำชนิดอื่นทำให้เกิดความเสียหายได้ก็มีอีกไม่น้อยด้วยเช่นกัน ควรหันมาใส่ใจเกี่ยวกับท้องทะเลเพิ่มขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องดูเฉพาะโลมาแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าเราดูแลท้องทะเลเหมือนกับบ้านของเราสัตว์น้ำทุกชนิดในท้องทะเลก็จะกลับคืนมาเหมือนแต่ก่อน

Categories
สัตว์จืด สัตว์น้ำ

แม่มะลิ ฮิปโปโปเตมัสขวัญใจคนไทย

สัตว์น้ำ

แม่มะลิ ฮิปโปโปเตมัสขวัญใจคนไทย

เมื่อข่าวการปิดสวนสัตว์เขาดินถูกประกาศขึ้น หลายๆ คนแม้แต่เด็กๆ ก็เกิดคำถามขึ้นว่าบรรดาสัตว์ต่างๆ จะถูกย้ายไปที่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่มะลิ ที่เป็นฮิปโปโปเตมัสแห่งสวนสัตว์เขาดินที่ใครๆ ก็ต้องไปเยี่ยมเยือนเมื่อเที่ยวยังสวนสัตว์เขาดิน แม้ว่าในตอนนี้แม่มะลิได้ถูกย้ายไปยังสวนสัตว์เขาเขียวที่อาจจะกว้างขวางกว่าบ้านเดิมของมันอย่างปลอดภัยแล้ว ก็ยังมีผู้คนมากมายเดินทางไปเยี่ยมเยือนแม่ฮิปโปโปเตมัสตัวนี้ถึงสวนสัตว์เขาเขียว

ประวัติแม่มะลิ ฮิปโปโปเตมัสแห่งเขาดิน

แม่มะลิ ฮิปโปโปเตมัสขวัญใจคนไทย ขอบคุณภาพจาก https://www.matichonacademy.com/

แม่มะลิเป็นฮิปโปโปเตมัสที่เกิดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2509 ในประเทศเยอรมนี ซึ่งจนถึงปี 2563 นี้ก็นับว่าแม่มะลิมีอายุถึง 54 ปีแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นฮิปโปโปเตมัสที่อายุยืนยาวทีเดียวหากเทียบกับอายุขัยของฮิปโปโปเตมัสทั่วไปที่จะมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 -50 ปี และแม่มะลิก็นับว่าเป็นฮิปโปโปเตมัสที่มีอายุยืนที่สุดในประเทศไทยด้วย หลังจากที่แม่มะลิเกิดมาไม่นานก็ถูกย้ายไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ต่อมามีการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างประเทศของทางสวนสัตว์ ทำให้แม่มะลิถูกส่งมายังสวนสัตว์เขาดินเมื่อปี พ.ศ. 2510 และกลายเป็นซุปตาร์แห่งสวนสัตว์ตั้งแต่นั้นมา และแน่นอนว่าคำว่า “แม่” ของแม่มะลิก็มาจากการที่มันได้ให้กำเนิดลูกแก่สวนสัตว์มาแล้ว โดยแม่มะลิได้ให้กำเนิดลูกมาแล้วถึง 14 ตัว และลูกของแม่มะลิก็ได้ถูกส่งไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วประเทศไทยเพื่อให้คนไทยได้ชื่นชม

แม่มะลิ ฮิปโปโปเตมัสผู้ใจดีแห่งสวนสัตว์

ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ดุร้ายที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าโดยธรรมชาติแล้ว ฮิปโปโปเตมัสถือเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดุร้าย หรืออาจกล่าวได้ว่าฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ดุร้ายที่สุดในโลก ซึ่งฮิปโปโปเตมัสสามารถต่อสู้กับจระเข้ได้อย่างสูสีเลยทีเดียว แต่หากเรากลับมาดูอุปนิสัยของแม่มะลิที่ถึงแม้จะเป็นฮิปโปร่างใหญ่ แต่ก็ไม่เคยมีข่าวคราวว่าแม่มะลิได้ทำอันตรายให้กับคนเลี้ยง หรือมนุษย์เลย อาจเป็นเพราะความใกล้ชิดระหว่างแม่มะลิกับมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่แม่มะลิยังเด็ก ที่ทำให้แม่มะลิกลายเป็นฮิปโปโปเตมัสแสนใจดีแห่งสวนสัตว์ได้ไม่ยาก

อย่างที่เราได้บอกไว้แต่แรกว่าแม่มะลิได้ถูกย้ายไปยังสวนสัตว์เขาเขียวเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าสวนสัตว์เขาเขียวก็สามารถดูแลมันได้ดีพอๆ กับบ้านเดิมของมัน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเจ้าฮิปโปซุปตาร์ตัวนี้ก็มีชีวิตอย่างมีความสุขกับบ้านใหม่ของมันไม่น้อยเลย หากคุณคิดถึงแม่มะลิ ก็อย่าลืมไปเยี่ยมเจ้าฮิปโปโปเตมัสขวัญใจคนไทยตัวนี้ได้ที่สวนสัตว์เขาเขียวทุกวัน

Categories
สัตว์น้ำ

กุ้งแม่น้ำกับวิถีชีวิตของคนไทย

สัตว์น้ำ

กุ้งแม่น้ำกับวิถีชีวิตคนไทย

กุ้งแม่น้ำอาหารจานอร่อยยอดฮิต ราคาแพงที่เราชอบกินกัน คุณเคยรู้บ้างหรือไม่ว่ากุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติมีชีวิตเป็นอย่างไร หรือความเป็นมาของกุ้งแม่น้ำกับวิถีชีวิตคนไทยนั้นผูกพันกันมายาวนานมากแค่ไหน เรากำลังมาบอกเล่าเรื่องราวของกุ้งแม่น้ำในมุมที่คุณยังไม่เคยรู้กัน

กุ้งแม่น้ำ คือ

กุ้งแม่น้ำคือกุ้งที่อยู่อาศัยในบริเวณน้ำจืดเขตร้อน

         กุ้งก้ามกราม หรือกุ้งแม่น้ำ คือ กุ้งที่อยู่อาศัยในบริเวณน้ำจืดเขตร้อน เป็นกุ้งที่มีขนาดใหญ่ โดยมีส่วนหัวใหญ่กว่าลำตัว นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กุ้งแม่น้ำถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมให้เป็นสินค้าส่งออกเท่ากับกุ้งสายพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมบริโภคเนื้อกุ้ง และไม่ค่อยนิยมกินหัวกุ้งหรือมันกุ้งมากนัก และเนื่องจากการที่กุ้งแม่น้ำพบได้ และอาศัยอยู่บริเวณแหล่งน้ำจืด ทำให้สำหรับประเทศไทย เราจะสามารถพบกุ้งแม่น้ำได้ตามเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะเขตจังหวัดอยุธยา

กุ้งแม่น้ำอยุธยา

กุ้งแม่น้ำอยุธยา ถือเป็นกุ้งแม่น้ำที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ

         กุ้งแม่น้ำอยุธยา ถือเป็นกุ้งแม่น้ำที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ อาชีพตกกุ้งแม่น้ำอยุธยาเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน หากคุณได้เคยชมละครย้อนยุคอย่างเรื่องบุพเพสันนิวาส คุณน่าจะได้เคยเห็นความผูกพันของกุ้งแม่น้ำอยุธยา กับวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ด้วยความนิยมในการรับประทานกุ้งแม่น้ำในปัจจุบัน ทำอาชีพงมกุ้งหรือตกกุ้งตามแหล่งน้ำจืด หรือตามลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้รับความนิยมมากขึ้น

เลี้ยงกุ้งแม่น้ำ

         ด้วยความนิยมในการรับประทานกุ้งที่สูงขึ้นมาก รวมถึงราคากุ้งแม่น้ำที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดอาชีพเลี้ยงกุ้งแม่น้ำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามกัน ซึ่งกุ้งแม่น้ำที่มาจากการเลี้ยง เราจะเรียกว่า กุ้งก้ามกราม

กุ้งแม่น้ำที่มาจากการเลี้ยง เราจะเลี้ยงว่า กุ้งก้ามกราม

         อย่างไรก็ตามการเลี้ยงกุ้งแม่น้ำ จะต้องมีการจับพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์มาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติอยู่ดี ซึ่งบ่อกุ้งแม่น้ำที่เหมาะสมจะต้องทำมาจากดินเหนียวหรือดินร่วนที่สามารถอุ้มน้ำได้ดี หรือพูดง่ายๆก็คือ ผู้เลี้ยงจะต้องจำลองบ่อเลี้ยงกุ้งแม่น้ำให้ใกล้เคียงกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากที่สุด นั่นรวมไปถึงน้ำในบ่อที่ต้องมาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีคุณภาพด้วย อาหาของกุ้งแม่น้ำเลี้ยงจะต้องเป็นอาหารเม็ดจมน้ำ เนื่องจากกุ้งแม่น้ำโดยธรรมชาติจะชอบกินพวกซากพืช ซากสัตว์ ที่อยู่ตามพื้นแม่น้ำ

อาหารจานเด็ดจากกุ้งแม่น้ำได้รับความนิยมมากขึ้น

         อาหารจานเด็ดจากกุ้งแม่น้ำอาจจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ปริมาณกุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติปัจจุบันลดลงอย่างน่าเป็นห่วง แม้ว่าจะมีการเลี้ยงกุ้งแม่น้ำมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังคงนิยมที่จะรับประทานกุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติมากกว่าอยู่ดี ทำให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะปล่อยกุ้งแม่น้ำลงสู่ธรรมชาติ เพื่อรักษาสมดุลของท้องน้ำตามธรรมชาติต่อไป