Categories
สัตว์น้ำเค็ม

เต่าทะเล วิวัฒนาการที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรได้ตลอดเวลา

เต่าทะเล ถือว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง ที่มีมนุษย์เคยค้นพบเมื่อสมัย 130 ล้านปีก่อน แถมยังเคยพบซากโบราณฟอสซิลก่อนหน้านั้นไม่น้อยกว่า 200,000,000 ปี โดยส่วนใหญ่นั้น จะพบในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่น รวมไปถึงทะเลทั่วโลก มีมากมายหลากหลายชนิดให้คุณสามารถพบเจอได้ แต่ในประเทศไทยนั้นพบเต่าทะเลเพียง 5 ชนิดเท่านั้น โดยมีเต่าบางชนิดที่ไม่เคยพบขึ้นวางไข่ในประเทศไทย เลยในตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงในการสูญพันธุ์นั่นเอง เต่าทะเลถือว่าเป็นสัตว์ที่ชอบเดินทางอยู่เป็นประจำ เพราะเต่าทะเลเป็นสัตว์น้ำอนุรักษ์ ชอบว่ายน้ำหาแหล่งกินแบบไกลบ้าน เพื่อจะผสมพันธุ์และเลือกแหล่งวางไข่แถวชายหาด เมื่อพวกมันวางไข่เสร็จสิ้นจะหายไปเลย รีบคลานลงหาดทรายในเวลาค่ำคืนไปในมหาสมุทรลึก เพื่อหนีศัตรูตามธรรมชาติ ถือว่าเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร เพราะลูกเต่าจากไข่จะมีโอกาสรอดเพียง 1 ใน 1,000 ตัวเท่านั้น

เต่าทะเล ลักษณะจำเพาะที่น่าสนใจ

เต่าทะเล

เต่าทะเลเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลได้ตลอดเวลา เป็นส่วนช่วยทำให้ระบบนิเวศของแนวปะการังนั้น อยู่ในความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้ และทำให้ปะการังมีสุขภาพที่ดี แถม เต่าทะเลสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ยังมีบทบาทสำคัญ ในการรักษาความเป็นสมดุลของห่วงโซ่อาหาร ภายในมหาสมุทรได้อีกด้วย ในปัจจุบันนับว่ามนุษย์ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน เนื่องจากจำนวนเต่าทะเลทั่วโลกนั้นได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก โดยเต่าทะเลนั้นเป็นระบบนิเวศให้แก่ตัวของมันเอง พวกมันจะหาแหล่งที่อยู่อาศัยให้แก่สัตว์อื่นๆ และเป็นตัวช่วยสร้างสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างสายพันธุ์ต่างๆได้อีกด้วย เช่น บน กระดองของเต่าทะเลบางชนิด จะมีแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์เลยทีเดียว มีลักษณะเหมือนกับสัตว์ร้ายเลื้อยคลานทั่วไป แต่อาจมีความแตกต่างหลายอย่าง ช่น 

เต่าทะเล
  • กระโดงของเต่าทะเล สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ จะเป็นเกร็ดปกคลุมร่างกาย เพราะจะทำให้มีวิวัฒนาการที่สามารถว่ายน้ำ และมีรูปทรงเป็นรูปวงรี รูปหัวใจด้วย
  • ขาและหัวของเต่าทะเลนั้น ไม่สามารถที่จะหดไปในกระดองของมันได้ 
  • เต่าทะเลบางตัว สามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรได้ระยะเวลากว่า 100 ไมล์ และว่ายน้ำได้เร็วถึง 35 กม.ต่อชั่วโมงกันเลยทีเดียว 
  • เต่าทะเล สัตว์น้ำอนุรักษ์ นั้นมีลำไส้ที่มีขนาดใหญ่มาก เพื่อช่วยในการย่อยอาหารได้ดี
  • มีจำนวนไขมันมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานจำพวกอื่น เพื่อจะทำให้พวกมันนั้น มีความอบอุ่นแก่ร่างกายอยู่เสมอ
เต่าทะเล

เต่าทะเลนับว่าเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน แต่พวกมนุษย์นั้นชอบจะจับทะเลมาโดยบังเอิญ และส่วนมากก็จะนำไปรับประทาน หรือนำกระดองไปทำเครื่องประดับ ซึ่งมีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ไปอย่างมาก และอย่างที่เรากล่าวไปว่าการวางไข่ของ เต่าทะเลรักษาความสมบูรณ์ของมหาสมุทร  แต่ละหนึ่งรอบ อาจจะมีความเสี่ยงในการรอดที่น้อยนิด ในตอนนี้หลากหลายประเทศจึงมีโครงการอนุรักษ์เพาะพันธุ์เต่าทะเล รวมไปถึงออกกฎหมายเพื่อปกป้องอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลาฉลาม สัตว์ที่ถือกำเนิดมาอย่างยาวนาน

ปลาฉลาม นับว่ามีอาวุโสสูงกว่าไดโนเสาร์ถึง 200 ล้านปี โดยฉลามตัวแรกของโลก ถือกำเนิดในทะเลตั้งแต่ 400 ล้านปีก่อน ปลาฉลาม ปลาที่ใหญ่ที่สุดในทะเล โดยเฉพาะในอดีตที่ฉลามมีลำตัวยาวถึง 40 เมตร แม้ว่าในปัจจุบันฉลามจะมีลำตัวยาวแค่ 0.15 ถึง 12 เมตรก็ตาม มันก็ยังเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในทะเล ไม่นับรวมกับปลาวาฬเพราะปลาวาฬจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 

ปลาฉลาม ผู้รักษาสมดุลแห่งท้องทะเล

ปลาฉลาม

ฉลามเป็นปลากระดูกอ่อนที่มีความหลากหลายสูง ซึ่งบนโลกใบนี้มีฉลามมากกว่า 500 ชนิด แบ่งได้เป็น 8 กลุ่มใหญ่ๆ เนื่องจาก ปลาฉลาม มีหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไปด้วย บางชนิดก็อาศัยอยู่ในเฉพาะน้ำเย็น และบางชนิดก็ชอบที่จะอาศัยในน้ำอุ่น ฉลามบางตัวอาจจะเดินทางท่องโลกแต่บางตัวก็มีนิสัยขี้ขลาดอยู่เฉพาะบริเวณที่ตัวเองเกิด ปลาฉลาม โตช้ากว่าปลากลุ่มอื่นๆ การเจริญเติบโตของฉลามต้องใช้เวลาหลายปี บางสายพันธุ์อาจใช้เวลาถึง 15 ถึง 20 ปี ความสำคัญของปลาฉลาม คือ น่านน้ำแห่งไหนที่มีปลาฉลามอาศัยอยู่ก็จะเป็นหลักประกันความสมดุลทางโครงสร้างของน่านน้ำแห่งนั้น เพราะ ปลาฉลาม เป็นนักล่าลำดับสูงสุด มีหน้าที่กำจัดพวกปลาที่มีความเชื่องช้าหรือป่วยใกล้ตาย ให้หมดไปจากน่านน้ำแห่งนั้น ช่วยรักษาและคัดสรรอื่นๆ ให้มีความแข็งแรง รวมทั้งยังช่วยรักษาสมดุลย์ประชากรในทะเลให้อยู่ในระดับพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจนเกิดความเสียหายให้กับน่านน้ำนั้นๆ

ปลาฉลาม

การมีฉลามอยู่ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลเป็นอย่างยิ่ง หากทะเลแห่งไหนไม่มีฉลาม สิ่งที่ตามมาก็คือห่วงโซ่อาหารในทะเลแห่งนั้นจะเกิดความพังพินาศ เพราะเมื่อผู้ล่าสูงสุดแห่งท้องทะเลสูญหายไปสิ่งที่ตามมาก็คือผู้ล่าระดับรองรองจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนทำให้เกิดการล่าปลากินพืชมากขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งนำไปสู่สภาวะปะการังเสื่อมโทรมและจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศโดยรวมครั้งใหญ่ในที่สุด ความสำคัญของฉลามต่อท้องทะเลนั้นเป็นความสำคัญที่มีความยิ่งใหญ่มหาศาล จนเกิดเป็นคำพูดว่า ฉลามมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลไม่ต่างอะไรกับการที่มีเสือดำรงชีวิตอยู่ในป่า ในปัจจุบันคนเราได้ประโยชน์จากฉลามมากมายนอกจากฉลามจะทำหน้าที่ดูแลระบบนิเวศทางทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว อวัยวะแทบทุกส่วนของฉลามก็ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เช่นกัน จึงทำให้หากฉลามเกิดการสูญพันธุ์ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ประหลาดใจสักเท่าไหร่

ฉลาม สัตว์ที่ปลอดมะเร็ง

ปลาฉลาม

ด้วยร่างกายอันกำยำ หน้าตาอันโหดร้าย และพลังทั้งหมดคือฉลามมี ก็คงจะทำให้หลายคนทราบดีว่า ฉลาม เป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง มากไปกว่านั้นการวิจัยได้เผยให้เห็นว่า ปลาฉลาม เป็นสัตว์ที่ปลอดมะเร็ง จากการสำรวจพบว่า ฉลามไม่เป็นมะเร็งเลย นักชีวเคมีได้สันนิษฐานและกล่าวไว้ว่า ต่อมในตัวฉลาม จะต้องมีฮอร์โมนพิเศษบางชนิดที่เมื่อขับออกมาแล้วทำให้ตัวฉลามปลอดมะเร็ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

พะยูน ที่มาของความอ้วนเทอะทะ น่ารัก

พะยูน ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่ง และสัตว์น้ำชนิดแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายแมวน้ำ ที่สามารถพบได้ในทะเลเขตอบอุ่นใน พื้นที่กว้างขวาง ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลของแอฟริกาตะวันออก ทะเลอันดามัน อ่าวไทย และโอเชียนเนีย โดยปกติแล้วพะยูนมักจะไม่ชอบอาศัยอยู่ในที่น้ำขุ่น และยังเชื่อกันอีกว่าพะยูนเคยอาศัยหากินอยู่บนบก และมีบรรพบุรุษที่ใกล้เคียงกับช้าง เมื่อราวหลายล้านปีมาแล้ว ได้มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ซึ่ง พะยูนได้ลงไปอยู่ในน้ำและไม่กลับขึ้นมาบนบกอีกเลย

พะยูน ความน่ารักของเจ้าสัตว์อ้วน

พะยูน

แนวโน้มเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ตัวอ้วนกลม ลำตัวใหญ่ และมีรูปร่างคล้ายกระสวย ตัวมีสีเทาอมชมพู บริเวณริมฝีปาก จะมีขนเหมือนหนวดของแมว มีขนาดดวงตาเล็ก แม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่มีสายตาไม่ค่อยดี แต่จะมีหูที่เป็นรูเล็กๆไม่มีใบหู ที่มีสัมผัสไวต่อการได้ยิน เหล่าพะยูนจึงจำเป็นต้องใช้เสียงเพื่อการสื่อสาร และมีลักษณะอื่น ดังนี้

  • พะยูนมีรูจมูกที่มีลิ้นเปิดปิด ครีบทั้งสองจะดัดแปลงมาจากขาคู่หน้าทั้งสองข้าง ไว้พะยูงตัว และขุดหาอาหาร 
  • ตัวผู้บางตัวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีฟันหน้าสองซี่เพื่อขุดอาหาร และแย่งชิงคู่ กับอีกฝ่าย ส่วนในตัวเมียจะมีนมสองเต้าขนาดเท่านิ้วก้อย ไว้สำหรับเลี้ยงลูกอ่อน
  • ใช้ปอดในการหายใจ จึงต้องหายใจบริเวณผิวน้ำ 1-2 นาที แล้วจึงดำกลับลงไปในใต้ทะเลอีกครั้ง 
  • เมื่อต้องการพักผ่อน พะยูนจะดิ่งตัวลงเป็นแนวตรงเพื่อทำการนอนพักผ่อน โดยสามารถหายใจอยุ่บนพื้นทะเลได้ถึง 20 นาทีแล้วกลับไปยังใต้น้ำทะเลอีกครั้ง 
  • ปกติแล้วพะยูน จะมีอายุยืนยาวมากราว 70-90 ปี เมื่ออายุ 9-10ปี ก็สามารถสืบพันธุ์ได้ 
  • ระยะเวลาตั้งครรภ์ของพะยูนเพศเมีย ใช้เวลา 9-14 เดือน จะมีลูกได้หนึ่งตัว ไม่เกินสองตัว ลูกพะยูนจะมีน้ำหนักตัวแรกเกิดประมาณ 15 – 20กิโลกรัม พะยูนเป็นสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม และจะเลี้ยงด้วยหญ้าอ่อนทะเล ประมาณ 2-3สัปดาห์ จะหย่านมเมื่ออายุประมาณ 8 เดือน โดยแม่พะยูน จะเลี้ยงลูกไปจนโตเต็มที่และมีขนาด 2เมตร ถึง3 เมตร มีน้ำหนักอยุ่ที 300 กกิโลกกิโลกรัมโดยประมาณ
พะยูน

จากการสำรวจพบว่าพะยูนกินหญ้าทะเลเป็นอาหาร และสาหร่ายทะเลอีกเล็กน้อย จะไม่เลือกหรือเจาะจงว่าเป็นหญ้าชนิดไหน ซึ่งพฤติกรรมของพะยูน จะเริ่มหากินหญ้าทะเลในช่วงน้ำขึ้น จะใช้เวลาในการหากินประมาณ 2 -3 ชั่วโมง และสลับกับการขึ้นมาหาใจบนผิวน้ำ 1-2 นาที แล้วจึงดำกลับไปกินหญ้าใต้ทะเลอีกครั้ง ซึ่งบางตัวจะหากินหญ้าบริเวณใกล้เคียงที่เดิมๆ ในขณะที่บางตัว จะว่ายน้ำเพื่อเปลี่ยนสถานที่กินหญ้าไปไกลประมาณ 1-5 เมตร ซึ่งหญ้าทะเลเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญต่อพะยูนเป็นอย่างมากแต่บางพื้นที่ ก็ประโยชน์กับชาวประมงในพื้นที่เช่นเดียวกัน ในขนาดที่น้ำลงมาก จะพบว่าพะยูนจะเปลี่ยนไปอาศัยอยู่ในร่องน้ำที่ห่างจากชายฝั่งทะเล ประมาณ 4-5 กิโลเมตร เพื่อย้ายที่พักอาศัย และแหล่งอาหาร พะยูนอาจออกมาหากินในช่วงกลางวันและกลางคืน ส่วนมากจะออกมาหาอาหาร ในช่วงน้ำขึ้นของตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากคน และสิ่งแวดล้อม พะยูนเป็นสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งไม่มีอวัยวะที่เป็นอาวุธไว้ป้องกันตัวใดๆ มีเพียงร่างกายที่มีขนาดลำตัวใหญ่ หนังหนา เพื่อป้องกันอันตรายจากการกัด หรือโดนทำร้ายจากสัตว์อื่นๆ เช่น ฉลาม เท่านั้น

พะยูน

จากการศึกษาข้อมูลยังพบว่า การเพิ่มประชากรของพะยูนนั้นยังมีปริมาณน้อยกว่าการตาย ร้อยละ 5 ต่อปีนั้นหมายความว่า มีแนวโน้มเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์  อีกหนึ่งชนิด ในประเทศไทยพบยังสามารถพบได้ทั้งอ่าวไทย และทะเลฝั่งอันดามัน โดยพบกลุ่มใหญ่ที่สุด ในบริเวณทะเลจังหวัดตรัง รวมประชากรพะยูน ในประเทศไทยเหลือไม่มากนัก เนื่องจากสภาพอากาศและแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ และการล่าของมนุษย์ ทำให้การผสมพันธุ์ของพะยูนลดน้อย และการตายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://ufaball.bet เว็บแทงบอลอันดับ1

Categories
ความรู้ สัตว์จืด สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

สัตว์น้ำ น่ารู้ สิ่งมีชีวิตที่สำคัญอย่างหนึ่งของโลก

สัตว์น้ำ

สัตว์น้ำ น่ารู้

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าบนโลกใบนี้มีพื้นน้ำมากกว่าพื้นดิน แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสัตว์น้ำทุกตัวนั้นไม่ได้อยู่แค่ในทะเล เนื่องจากยังอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดรวมไปถึงหนองน้ำอื่นๆอีกด้วย และ สัตว์น้ำ หนึ่งในประเภทของสัตว์โลก  ก็ไม่ได้มีแค่สิ่งมีชีวิตที่เป็นจำพวกปลา เนื่องจากยังมีสาหร่าย ฟองน้ำและสิ่งมีชีวิตอื่นๆมากมายที่ถูกจัดอยู่ในจำแนกของ สัตว์น้ำ น่ารู้ 

สัตว์น้ำ น่ารู้ การปรับตัวต่อวิกฤติของโลก จากอยู่บนบก สู่การอพยพลงน้ำ

หลายท่านคงจะได้ยินถึงวิกฤติและสถานการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นั่นก็คือการที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ โดยสถานการณ์ครั้งนั้นมีผลกระทบรุนแรงต่อสัตว์และสิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลายประเภท รวมไปถึงสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์บก โดย สัตว์น้ำ น่ารู้ นั้นถือว่าเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลานและเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังมาก่อน พยามปรับตัวและเปลี่ยนแปลงวิธีการดำรงชีวิตเพื่อให้อยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมในขณะนั้น จึงกลายมาเป็น สัตว์น้ำ วิวัฒนาการสูง มาหลาย 1,000,000 ปี แน่นอนว่ากว่าจะมาเป็นสัตว์น้ำทุกวันนี้ก็ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายรูปแบบมากมาย เพราะสภาพแวดล้อมของบนบกและในน้ำนั้นมีความแตกต่างกันไปทำให้สัตว์เรานั้นจำเป็นจะต้องเปลี่ยนสรีระร่างกายรวมไปถึงการหากินด้วย เมื่อก่อนอาจจะมีขา จนตอนนี้ขาได้หายไปกลายเป็นคลีบและหางแทน สัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิตในธารา ที่มีมากมายหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการดำรงค์ชีวิต รวมไปถึงแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น

สัตว์น้ำเค็ม
  • สัตว์น้ำ หนึ่งในประเภทของสัตว์โลก ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หนอง ห้วย ที่มีความเข้มข้นของปริมาณน้ำต่ำกว่า 0.05 ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแหล่งน้ำนี้นั้นจะมีเกล็ดปกคลุมอยู่ทั่วตัว ซึ่งจะไม่ยอมให้น้ำซึมผ่านนอกจากบริเวณที่เป็นเหงือก จะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซหายใจเท่านั้นที่น้ำผ่านได้ โดยธรรมชาติปลาน้ำจืดจะไม่ค่อยดื่มน้ำเลย แตกต่างจากปลาทะเลในแหล่งน้ำเค็ม เพราะปลาน้ำจืดจะไม่ทำให้ร่างกายมีน้ำมากเกินความจำเป็น
สัตว์น้ำจืด
  • สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำเค็ม โดยจะมีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากปลาแหล่งน้ำจืดมากนัก แต่จะมีความปรับปรุงตัวได้ดีกว่า และที่สำคัญปลาส่วนใหญ่ที่อยู่ในแหล่งน้ำเค็มเช่น มหาสมุทร ทะเล จะมีมวลกระดูกที่หนาแน่นกว่า ลอยตัวได้ดีกว่านั่นเอง

ซึ่งโลกของเรานั้นได้รับประโยชน์มากมายของการมี สัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิตในธารา ทั้งในเรื่องของการดำรงชีพและที่สำคัญเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศต่างๆให้อยู่ในสภาวะสมดุลย์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่มี สัตว์น้ำ น่ารู้ อาจจะทำให้ธรรมชาตินั้นเกิดความผิดปกติได้ เนื่องจากทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกันเพราะสัตว์น้ำบางชนิดช่วยทำหน้าที่ที่ส่งผลดีต่อแหล่งน้ำที่ตนเองได้เป็นอาศัยอยู่มากมาย

 

 

 

 

GCLUB จีคลับ เว็บไซต์พนันออนไลน์ บริการคาสิโนออนไลน์ 24 ชั่วโมง ด้วยระบบที่เป็นมาตรฐานระดับสากลออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และรวดเร็ว ไว้คอยให้บริการท่าน

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ

ปลาหินฟ้าหางเหลือง ปลาสวยงามที่เกินคำบรรยาย

สัตว์น้ำ

ปลาโลกของเรานั้นต่างก็มีหลากหลายสปีชีส์หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งก็มีทั้งปลาที่เป็นอาหารและแปลสวยงามที่เลี้ยงไว้ประดับตู้ โดยปลาสวยงามนั้นก็ยังมีอีกหลากหลายสายพันธุ์อีก แต่หากพูดถึงปลาสลิดแล้วสายพันธุ์สายพันธุ์ปลาสวยงามของปลาสลิดนั้นก็จะลืม “ปลาหินฟ้าหางเหลือง” ไปไม่ได้เลยค่ะ ดังนั้นวันนี้บทความของเราจะพาทุกท่านมารู้จักกับปลาชนิดนี้กันว่ามีลักษณะอย่างไร อาศัยอยู่ที่ไหนแล้วเลี้ยงได้ไหม บทความของเรามีคำตอบค่ะ

ลักษณะทั่วไปของปลาหินฟ้าหางเหลือง

ปลาหินฟ้าหางเหลือง หรือ ปลาแดมเซลหางเหลือง เป็นปลาทะเลขนาดเล็กที่มีรูปร่างและสีสันที่สวยงาม โดยจัดอยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาสลิดหิน ซึ่งปลาหินฟ้าหางเหลืองลักษณะของมันที่สามารถพบเห็นได้คือ จะเป็นปลาที่มีสีสันชัดเจน โดนเฉพาะสีฟ้าออกน้ำเงินทั่วลำตัว บริเวณหางจะเป็นสีเหลืองที่แผ่ออกไปอย่างสวยงาม ซึ่งลักษณะของตัวก็จะมีความคล้ายคลึงกันกับปลาสลิดหินหางเหลืองนอกเลยค่ะ อีกทั้งยังเป็นปลาที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงให้เป็นปลาสวยงาม เนื่องจากสีสันของมันนี้เอง

ปลาสลิดหินฟ้าหางเหลืองแหล่งอาศัยของมันจะอยู่ในบริเวณทะเลอันดามัน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลที่มีปลาสวยงามหลากหลายสายพันธุ์ ยาวไปจนถึงในแถบฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียกันเลยทีเดียว โดยรวมก็คือสามารถพบปลาชนิดนี้ได้ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานั่นเอง 

ปลาหินฟ้าหางเหลือง กับความสวยงามที่หาชมได้ยาก

ปลาหินฟ้าหางเหลือง หรือที่คนไทยมักเรียกว่า ปลาสลิดหินฟ้าหางเหลือง เป็นที่จับจองไปเป็นสวยงามวางโชว์มาก ๆ เนื่องจากสีสันของมันที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงวิธีการเลี้ยงปลาหินฟ้าหางเหลืองนั้นก็ดูแลง่ายไม่ยุ่งยาก อาหารปลาหินฟ้าหางเหลืองที่พวกมันจะกินนั้นก็คืออาหารเม็ดที่มีส่วนช่วยในการคงสภาพของสีตัวมันไว้นั่นเอง โดยราคาของมันก็จะอยู่ที่ 100 บาท ขึ้นไปค่ะ

บทสรุป 

ปลาหินฟ้าหางเหลือง เป็นปลาสลิดหินสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมนำไปเป็นปลาวางโชว์ตู่หรือปลาสวยงาม พบได้มากในบริเวณทะเลอันดามันทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นปลาที่หาดูได้ยากและมีความสวยงามเฉพาะตัวในแบบที่คุณเห็นแล้วไม่สามารถละสายตาได้เลย

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ แนะนำ

ปลาสร้อยน้ำผึ้ง ปลาอะไรลายคล้ายผึ้ง

สัตว์น้ำ

     ในเมื่อผึ้งเป็นแมลงที่สามารถบินได้และมีลวดลายเป็นสีเหลืองดำ มีหรือที่สัตว์บนโลกอย่างปลาจะมีบ้างไม่ได้ ซึ่งเรากำลังพูดถึง “ปลาสร้อยน้ำผึ้ง” อยู่นั่นเองค่ะ เพราะปลาชนิดนี้เขามีลวดลายที่คล้ายคลึงกับผึ้งมาก เพียงแต่บินได้เท่านั้นเอง แล้วปลาชนิดนี้จะมีอะไรน่าสนใจและเรื่องน่ารู้อะไรบ้างนั้น แวะมาอ่านที่บทความนี้ได้เลยค่ะ

ลักษณะทั่วไปของปลาสร้อยน้ำผึ้ง

     ปลาสร้อยน้ำผึ้ง เป็นปลาน้ำจืดสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นที่นิยมในการนำไปทำเป็นอาหารและน้ำปลาในประเทศไทย โดยปลาสร้อยน้ำผึ้ง ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยสามารถพบได้ในทุกภาคไปจนถึงประเทศมาเลเซีย ส่วนในต่างประเทศนั้นจะพบบริเวณทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยปลาสร้อยน้ำผึ้งลักษณะของมันหากเป็นสายพันธุ์ปกติจะมีสีเช่นเดียวกับผึ้ง โดยบริเวณลำตัวจะยาวคล้ายทรงกระบอก มีสีเหลืองทั่วตัวเสียส่วนใหญ่ และจะมีจุดแต้มหรือลายแต้มที่เป็นสีดำอยู่ทั่วตัว จึงเรียกปลาชนิดนี้ว่าปลาสร้อยน้ำผึ้งนั่นเอง

     ซึ่งก็ยังมีปลาสร้อยน้ำผึ้งที่มีการดัดแปลงสายพันธุ์อีกด้วย เช่น ปลาสร้อยน้ำผึ้งเผือก ที่บริเวณลำตัวจะเป็นสีเหลืองปนขาวเผือกนั่นเอง อาหารปลาสร้อยน้ำผึ้งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่สามารถพบได้บริเวณแหล่งน้ำที่มันอาศัยอยู่ เช่น ตะไคร่น้ำ และซากพืชซากสัตว์ที่หล่นลงไปในแม่น้ำในบริเวณที่พวกมันอาศัยอยู่ เป็นต้น

ปลาสร้อยน้ำผึ้ง มีหลายชื่อนะรู้ยัง

     ชื่อที่เรารู้จักกันของปลาชนิดนี้ก็คือ “ปลาสร้อยน้ำผึ้ง” แต่ความเป็นจริงแล้วพวกมันยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อเลยค่ะ ซึ่งแต่ละชื่อเรียกนั้นก็จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่มันอยู่อาศัยโดยในประเทศไทยก็มีอยู่ทุกภาคชื่อของพวกมันจึงเปลี่ยนไปตามภาคนั่นเอง เช่น ปลาผึ้ง , ปลาน้ำผึ้ง , หรือปลาปักษ์ใต้ เป็นต้น และหากใครที่อยากเลี้ยงปลาสร้อยน้ำผึ้งนั้นก็สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านขายปลาทั่วไป โดยปลาสร้อยน้ำผึ้งราคาของมันนั้นจะไม่สูงมาก อยู่ที่ประมาณ 100 บาท ขึ้นไปเท่านั้น

บทสรุป 

     ปลาสร้อยน้ำผึ้ง เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ซึ่งก็มีการซื้อขายปลาชนิดนี้กันเป็นเรื่องธรรมดา โดยลวดลายของมันจะมีความคล้ายคลึงกับผึ้งนั่นก็คือ จะเป็นสีเหลืองที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีดำ เราจึงรียกมันว่าปลาสร้อยน้ำผึ้งนั่นเอง

 

 

 

เว็บบอล

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ

ปลาออร์ฟิช ปลาพญานาคในตำนานที่คนเล่าขานถึง

สัตว์น้ำ

      ปลาออร์ฟิช ( Oarfish , King of herrings ) หรือ ปลาพญานาค , ปลาออร์ , ปลาริบบิ้น เป็นปลากระดูกแข็งที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Regalecus glesne และอยู่ในวงศ์ REGALECIDAE สามารถพบได้ทั่วไปตามพื้นที่เขตร้อนหรือเขตอบอุ่น โดยมากพบว่าอาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในระดับความลึก 200 เมตร ขึ้นไป เชื่อว่าปลาชนิดนี้สามารถอาศัยอยู่ในน้ำที่มีระดับความลึกมากถึง 1,000 เมตร เลยทีเดียว อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็นปลาที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยความยาวสูงสุดถึง 17 เมตร หนักประมาณ 270-300 กิโลกรัม

      ปลาออร์จัดเป็นปลานักเดินทางที่กระดูกสันหลังยาวที่สุดในโลกโดยพบว่ามันสามารถมีกระดูกสันหลังยาวได้มากกว่า 11 เมตร และมักจะมีการย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อย ๆ เพื่อหาอาหาร สามารถพบได้ในแถบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของออสเตรเลีย ทะเลนอกชายฝั่งเม็กซิโก และแถบหมู่เกาะเบอร์มิวดา ซึ่งมักจะพบกันในสภาพที่เป็นซากถูกคลื่นซัดออกมาเกยหาดเสียส่วนใหญ่

ลักษณะของปลาออร์ฟิช ปลาหน้าแปลก ตัวยาว มีหงอน ชอบซ่อนตัวในน้ำลึก

      ในประเทศไทยมีความเชื่อว่าปลาออร์ฟิชมีลักษณะคล้ายกับพญานาคและคล้ายกับมังกรทะเลตามความเชื่อของชาวตะวันตก มีส่วนใหญ่หัวขนาดใหญ่ ไม่มีฟัน ดวงตากลมโต ลำตัวรูปทรงแบนสีเงิน มีจุดสีฟ้าและดำแต้มสลับกันกระจายไปทั่วทั้งตัว ไม่มีเกล็ด เมื่อโดนแสงลำตัวจะมีความสะท้อนแสงและเรืองแสงได้ 

      ปลาออร์มีครีบด้านหลังสีแดง มีความยาวตลอดลำตัวประมาณ 400 เส้น บนหัวจะมีครีบยาวสีแดงซึ่งจะมีความคล้ายกับหงอนพญานาค อาหารของปลาออร์จะเป็นจำพวกแพลงก์ตอน แม้ว่าจะมีหน้าตาไม่น่ารักเท่าไหร่แต่มีนิสัยไม่ดุร้าย ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์ นอกจากนี้ได้เคยมีคนทดลองกินเนื้อปลาออร์จากซากที่ลอยมาเกยตื้นพบว่าเนื้อมีลักษณะเหลวเป็นวุ้นและรสชาติไม่อร่อย จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นปลาที่ไม่เหมาะกับการนำมาทำเป็นอาหารนั่นเอง

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปลาออร์ฟิช

      ด้วยความที่ปลาชนิดนี้มักอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก การที่จะได้พบเจอปลาชนิดนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะปลาออร์ฟิชนิสัยชอบท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาแหล่งอาหารที่เหมาะสมจึงอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พบตัวได้ยาก ซึ่งในบางครั้งก็ยังสามารถพบเห็นปลาออร์ฟิชแม่น้ำโขงด้วย 

      แม้ว่าข้อมูลในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุจำนวนและข้อมูลที่แน่ชัดได้ แต่จากการประเมินของสหภาพอนุรักษ์โลก (IUCN) คาดว่าปลาออร์น่าจะยังมีอยู่จำนวนมากและยังไม่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากการที่ปลาออร์อาศัยอยู่ทะเลน้ำลึกการจะตามล่าหาตัวปลาชนิดนี้จึงเป็นไปได้ยากมากนั่นเองค่ะ

 

 

สมัครบาคาร่า

Categories
สัตว์น้ำ

ทำความรู้จัก ปลาหมอฟลามิงโก้ ปลาสีสวย นิสัยดุ ที่คนอยากเลี้ยงควรรู้

สัตว์น้ำ

      ปลาหมอฟลามิงโก้ หรือ ปลาหมอไมดาส ( Red devil cichlid , Midas cichlid ) จัดเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่มีสีสันสดใสและโดดเด่น ถูกจัดอยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาหมอสี ( CICHLIDAE ) ซึ่งสัตว์ที่อยู่ในวงศ์ปลาหมอสีนี้สามารถแยกออกได้มากกว่า 1,000 ชนิด โดยแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์และสภาพแวดล้อมถิ่นกำเนิด บางชนิดเราสามารถพบได้ตามแหล่งน้ำกร่อยด้วย มีแหล่งกระจายพันธุ์ในแถบทวีปอเมริกา 

      ปัจจุบันนิยมนำปลาชนิดนี้มาเลี้ยงเป็นปลาสวยงามกันในหลายประเทศและแน่นอนว่าในประเทศเองก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นปลาที่มีสีสันสวยงามจึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป ซึ่งหากสนใจอยากเลี้ยงควรมีการศึกษาถึงนิสัยและธรรมชาติของปลานชนิดนี้เสียก่อนนะคะ

ลักษณะนิสัยและรูปร่างหน้าตาของปลาหมอฟลามิงโก้

      ปลาหมอฟลามิงโก้ หรือ ปลาหมอไมดาส เป็นปลาที่มีรูปร่างค่อนข้างใหญ่และมีรูปทรงแบน โดยเมื่อเจริญเติบโตเต็มวัยจะมีขนาดตัวยาวเฉลี่ยประมาณ 25-30 เซนติเมตร ตลอดลำตัวมีสีส้ม เหลือง ขาว แซมกันอย่างสวยงาม โดยอาจจะมีแถบดำแซมขึ้นมาด้วย ( ขึ้นอยู่กับการลอกสีของปลา ) มีริมฝีปากหนา ตามีสีดำ ส่วนหัวมีลักษณะโหนกนูนและจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเจริญเติบโตเต็มวัย มีครีบที่ท้อง 2 ครีบ ครีบที่หางมีลักษณะแผ่กว้างรูปทรงโค้งมน มีครีบที่กระโดงหลังรูปทรงเรียวยาว และครีบทวารอีก 1 ครีบ 

      ปลาหมอฟลามิงโก้นิสัยค่อนข้างดุร้าย ก้าวร้าว และมีความหวงถิ่นที่อยู่ โดยเฉพาะปลาเพศผู้ที่มีโหนกขนาดใหญ่บนหัวมักจะมีความก้าวร้าวมากเป็นพิเศษ ปลาชนิดนี้ชอบอาศัยและหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอกหินหรือซอกไม้ แต่เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่นักจึงมักจะอาศัยอยู่ตามลำพังตัวเดียว 

การวางไข่และเพาะขยายพันธุ์ของปลาหมอฟลามิงโก้

      ด้วยความที่ปลาหมอฟลามิงโก้มีสีสันที่สวยงามและมีลักษณะที่โดดเด่นจึงทำให้ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงปลาสวยงามไม่น้อย โดยได้มีการนำปลาหมอฟลามิงโก้ขยายพันธุ์เพื่อนำออกจำหน่ายเป็นวงกว้าง อีกทั้งเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

      ปลาหมอฟลามิงโก้ขยายพันธุ์ได้ในตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 24 นิ้ว ขึ้นไป สำหรับผู้ที่สนใจอยากนำปลาชนิดนี้มาเลี้ยงจึงต้องเลือกตู้ปลาที่มีขนาดที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถแหวกว่ายและวางไข่ได้อย่างสบาย โดยปลาตัวเมียจะวางไข่สีเหลืองนวลเอาไว้ตามพื้น หิน หรือต้นไม้ต่าง ๆ ที่นำมาวางประดับภายในตู้ปลา ซึ่งในการวางไข่แต่ละครั้งปลาตัวเมียจะสามารถวางไข่ได้ครั้งละ 400-800 ฟอง โดยจะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 3 วัน จึงจะฟักออกมาเป็นลูกปลาตัวเล็กน่ารัก ๆ แหวกว่ายเผชิญโลกและเจริญเติบโตต่อไป

 

 

แทงบอลออนไลน์

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ

ปลาเพนกวิน ปลาสวยงามตัวจิ๋วที่มาพร้อมความวิววับโดดเด่นสะดุดตา

สัตว์น้ำ

      ปลาเพนกวิน ( Boehlke’s penguin ) เป็นปลาขนาดเล็กที่มีความสวยงามเฉพาะตัว มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Thayeria boehlkei Weitzman , 1957 โดยปลาสายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบลุ่มแม่น้ำอะเมซอน ประเทศบราซิล ทวีปอเมริกาใต้ 

      ปลาเพนกวินลักษณะทั่วไปจะมีขนาดเล็ก โดยจะมีขนาดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-8 เซนติเมตร มีแถบสีดำลากยาวเป็นแนวนอนจากส่วนเหงือกไปจรดส่วนปลายหาง บริเวณหลังมีสีเหลืองทอง มีเกล็ดขนาดเล็กเป็นมันวาว ส่องแสงระยิบระยับเมื่อต้องกับแสง มีครีบบน-ล่าง บริเวณกลางลำตัว 2 ครีบ และมีดวงตาสีดำ ด้วยลักษณะและสีสันโดยรวมทำให้เวลาแหวกว่ายไปมามีความโดดเด่นสะดุดตามากจึงเป็นเหตุให้มีคนสนใจนำไปเลี้ยงเป็นปลาสวยงามประดับตามบ้านเรือนและตามสถานที่ต่าง ๆ 

ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของปลาเพนกวิน 

p>      ปลาเพนกวินลักษณะนิสัยโดยธรรมชาติมักจะชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงและชอบกระโดด เมื่อนำไปเลี้ยงผู้เลี้ยงจึงควรเลี้ยงรวมกันในจำนวน 5-6 ตัว ขึ้นไป และควรเลือกตู้ปลาที่มีฝาปิดด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ปลากระโดดออกนอกตู้ รวมถึงไม่ควรเลี้ยงในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไปเพราะปลาชนิดนี้ชอบอยู่ในที่ค่อนข้างมืดหรือแสงน้อย หากแสงมากเกินไปจะทำให้ปลาตกใจได้ง่าย นอกจากนี้ผู้เลี้ยงควรเลือกเลี้ยงปลาเพนกวินในน้ำใสสะอาดที่มีปริมาณความจุไม่ต่ำกว่า 80 ลิตร และมีความเป็นกรดเล็กน้อยด้วย

      ปลาเพนกวินนิสัยที่เป็นลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ มักจะทรงตัวอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับผิวน้ำและชอบว่ายน้ำ มีความรวดเร็ว ว่องไว โดยการว่ายน้ำมักจะเชิดหัวขึ้นด้านบนลักษณะเหมือนเชิดหน้าทำท่าหยิ่งอยู่แทบจะตลอดเวลาจึงมักจะถูกเรียกเชิงประชดว่าเป็นปลาผู้ดี 

การขยายพันธุ์ของปลาเพนกวิน

      เนื่องจากปลาเพนกวินเพศผู้และเพศเมียมีความคล้ายคลึงกัน ในช่วงเวลาปกติจึงแยกเพศค่อนข้างยาก แต่หากเป็นช่วงผสมพันธุ์เราสามารถสังเกตได้จากลักษณะของตัวปลา โดยปลาเพนกวินตัวเมียจะมีลักษณะอ้วนกลม สั้นป้อม และมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าปลาเพนกวินตัวผู้ชัดเจน ทั้งนี้ก็เพื่อการผสมพันธุ์และวางไข่นั่นเอง เมื่อจบช่วงฤดูวางไข่ปลาเพนกวินตัวเมียก็จะกลับมามีรูปร่างสวยงามและสมส่วนตามเดิม

      การเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ทำได้ไม่ยาก โดยการปล่อยปลาตัวเมีย 4-5 ตัว ต่อปลาตัวผู้ 1 ตัวให้อยู่รวมกัน เหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพราะช่วยให้ปลาตัวผู้ไม่ต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวเมีย และการที่ให้มีปลาตัวเมียหลายตัวก็เพื่อให้ตัวผู้เลือกผสมพันธุ์กับปลาตัวเมียที่ร่างกายพร้อมผสมพันธุ์ ซึ่งปกติแล้วปลา 1 คู่ สามารถผสมพันธุ์กันและให้ลูกปลาได้มากถึง 2,000 ตัว ในเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น

      สังเกตว่าเมื่อปลาเพนกวินตัวเมียพร้อมผสมพันธุ์จะมีปลาเพนกวินตัวผู้ว่ายมาไล่รัดอยู่ตลอดเวลา และเมื่อปลาตัวเมียไข่แก่พร้อมวางไข่ปลาตัวผู้ก็จะว่ายน้ำไปผสมน้ำเชื้อ โดยมักจะมีการวางไข่ในช่วงรุ่งเช้าและจะใช้เวลาในการฟักออกเป็นตัวประมาณ 2-3 วัน เมื่อฟักออกมาเป็นตัวได้ประมาณ 4-5 วัน ลูกปลาก็จะเริ่มว่ายน้ำได้เองและว่ายได้คล่องขึ้น เมื่ออายุครบ 1 เดือน จะเริ่มมีลวดลายปรากฏให้เห็นชัดขึ้น 

 

 

เว็บบาคาร่าฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ

ปลาเทวดาสกาแลร์ ปลาประดับทรงสวยหลากสีสันที่ใครเห็นเป็นต้องชอบ

สัตว์น้ำ

       ปลาเทวดาสกาแลร์ ( Anggelfish , Freshwater angelfish ) หรือ ปลาเทวดา เป็นปลาที่ถูกจัดอยู่ในวงศ์ปลาหมอสี ( Cichlidae ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pterophyllum scalare เป็นปลาน้ำจืดที่มีลักษณะลำตัวและสีสันสวยงามโดยลำตัวจะเป็นสีเทาอมเขียว เวลาที่ขยับตัวแหวกว่ายจะมีประกายเงินไปทั่วทั้งตัวสวยงามมาก ในบางครั้งสามารถพบเห็นปลาชนิดนี้มีจุดสีแดงเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณช่วงไหล่ด้วย ลวดลายบริเวณแผ่นหลังจะมีสีน้ำตาลปนสีเขียวมะกอกและจะมีความสวยงามมากเมื่อต้องกับแสงแดดหรือแสงไฟ

       ในส่วนของขนาดลำตัวปลาชนิดนี้มักจะมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลำตัวค่อนข้างแบนมาก ลวดลายข้างลำตัวจะเป็นลายคาดมีแนวเส้นจำนวน 4 เส้น พาดผ่านมองเห็นได้ชัดเจน และจะมีลายเส้นเล็ก ๆ สั้น ๆ มีสีจาง ๆ คั่นอยู่ในแต่ละเส้นนั้นด้วย โดยเส้นสั้นนั้นจะมีทั้งหมด 3 เส้น ทุกเส้นจะมีสีดำ-เทาแก่ เมื่อปลามีขนาดโตเต็มที่จะมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 6 นิ้ว พบว่ามีแหล่งกระจายพันธุ์อยู่ตามแม่น้ำสายใหญ่ ๆ ในแถบทวีปอเมริกาใต้ เช่น แม่น้ำอเมซอน แม่น้ำโอริโนโค มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงโดยเฉพาะบริเวณที่มีพืชน้ำขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งปลาชนิดนี้จะชอบมากเป็นพิเศษ

ลักษณะที่แตกต่างกันของปลาสกาแลร์ แม้จะเป็นปลาชนิดเดียวกันแต่มีสีสันกลับไม่เหมือนกัน

       ในเวลาต่อมาได้มีการเพาะพันธุ์ปลาเทวดาสกาแลร์มาเรื่อย ๆ จนมีลวดลายและสีสันหลากหลายแตกต่างไปจากปลาสายพันธุ์ดั้งเดิม จึงมีการตั้งชื่อให้ตรงตามลักษณะของตัวปลาดังนี้

-ปลาเทวดามุก มีลำตัวมีสีเหลืองอ่อน ๆ ทั่วทั้งตัว ไม่มีลวดลาย

-ปลาเทวดาครึ่งชาติ มีผิวด้านบนสีขาว ท่อนล่างสีดำ

ปลาเทวดาแพลตทินัมทอง

-ปลาเทวดาแพลตทินัมทอง มีตัวสีเหลือบขาวทอง ตาสีแดง

-ปลาเทวดาแพลตทินัมเงิน มีตัวสีขาวสะอาดแวววาว ตาสีดำ

-ปลาเทวดาดำ มีตาสีดำ ตัวสีดำทั้งตัว มีครีบสั้น

-ปลาเทวดาหินอ่อน มีลวดลายดำสลับขาวตัดไปทั่วลำตัว คล้ายลายหินอ่อน ฯลฯ

การผสมพันธุ์และการขยายพันธุ์ของปลาเทวดาสกาแลร์

       ปลาเทวดาสกาแลร์เป็นปลาที่ปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ขยายในตู้เลี้ยงได้แล้วโดยจะมีการวางไข่อยู่ตามวัสดุหรือพื้นผิวเรียบเรียงกันเป็นแถว เบ่งไข่ครั้งละประมาณ 10-15 ฟอง เมื่อปลาเทวดาวางไข่เสร็จแล้ว ปลาตัวเมียก็จะว่ายน้ำออกมา จากนั้นตัวผู้ก็จะว่ายเข้าไปค่อย ๆ ปล่อยน้ำเชื้อใส่ในเม็ดไข่ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะว่ายถอยออกมาหลีกทางให้ปลาตัวเมียกลับเข้าไปอีก โดยจะทำเช่นนี้สลับกันไปจนไข่หมดท้องใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง ในการวางไข่และการผสมไข่แต่ละครั้ง ซี่งในการวางไข่แต่ละครั้งจะให้ไข่ทั้งหมดประมาณ 200-500 ฟอง 

ลูกปลาเทวดาที่พึ่งฟักออกจากไข่ได้ไม่นาน

       หลังจากผสมเรียบร้อยแล้วเหล่าคุณพ่อปลาและคุณแม่ปลาก็ช่วยกันดูแลรักษาไข่ลูกน้อยของตนโดยจะคอยพัดโบกน้ำใกล้ ๆ กับบริเวณที่วางไข่เป็นระยะ ๆ เพื่อให้มีออกซิเจนส่งไปยังลูกน้อยให้ลูกปลาหายใจได้อย่างสะดวกและจะคอยทำความสะอาดบริเวณที่วางไข่โดยหากไข่ใบไหนเสียก็จะเก็บไข่นั้นกิน

       ปลาเทวดาจะใช้เวลาในการฟักไข่ประมาณ 48 ชั่วโมง เมื่อลูกปลาฟักออกจากไข่แล้วก็จะเกาะอยู่ตามพื้นหรือวัสดุต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เช่น กิ่งไม้ ขอนไม้ ก้อนหินต่าง ๆ ซึ่งในระยะที่ฟักตัวออกมาใหม่ ๆ ลูกปลาจะยังชีพโดยอาศัยกินอาหารจากถุงไข่แดงขนาดใหญ่ที่มีอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 วันอาหารจากถุงไข่แดงหมดลง ลูกปลาก็จะว่ายน้ำไปรวมกับฝูงเพื่อออกหาอาหาร โดยในช่วงนี้ลูกปลาจะยังว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ พ่อและแม่เพื่อให้พ่อแม่คอยปกป้องดูแลให้ความปลอดภัยไปจนถึงเมื่อเจริญเติบโตพอสมควรจึงจะแยกออกไปหาอาหารด้วยตนเอง เมื่อวางไข่ชุดแรกไปแล้วแม่ปลาจะใช้เวลาอีกประมาณ 25-30 วัน สำหรับการเริ่มผสมพันธุ์และวางไข่ใหม่อีกครั้ง

 

 

slot wallet ไม่มีขั้นต่ํา