Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลาแมนดาริน จอมหวงถิ่นและวิธีจีบสาวเท่ห์ๆในสไตล์แมนดาริน

สัตว์น้ำเค็ม

              ปลาแมนดาริน ( Mandarinfish ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Synchiropus splendiddus เป็นปลาน้ำจืดที่จัดอยู่ในวงศ์ Callionynidae มีหน้าตาคล้ายปลาบู่แต่ไม่ได้อยู่วงเดียวกันกับปลาบู่ สามารถพบปลาแมนดารินในทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ โดยมักจะเป็นการอาศัยอยู่ตามบริเวณแนวปะการังที่มีกระแสน้ำไม่แรงมากนักและมักจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามโขดหิน

              ปลาแมนดารินเป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีความยาวได้ไม่เกิน 80 เซนติเมตร โดยเป็นปลาที่มีสีสันฉูดฉาดมีสีตัดกันสลับไปมาดูสดใส มีผิวเรียบและลื่น ยิ่งในช่วงที่มีการผสมพันธุ์หรือมีการต่อสู้กันปลาแมนดารินตัวผู้จะแสดงสีสันที่ชัดเจนมากกว่าช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตเพศของปลาแมนดารินได้โดยให้สังเกตที่บริเวณครีบหลัง ซึ่งตัวผู้จะมีครีบหลังที่ยาวยื่นออกมาให้เห็นได้ชัดเจน ส่วนตัวเมียจะไม่มีครีบหลัง

การหาอาหารและวิธีการเอาตัวรอดตามสไตล์ของปลาแมนดาริน

              อาหารของปลาน้ำจืดชนิดนี้จะเป็นจำพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก โดยมันจะใช้ครีมบริเวณท้องซึ่งเป็นครีบที่มีขนาดใหญ่ช่วยพยุงตัวคลานไปตามพื้นทะเลเพื่อหาอาหาร และมีครีบบริเวณหางช่วยในการบังคับทิศทาง เมื่อมันต้องเผชิญอันตรายมันจะปล่อยเมือกพิษออกมาเพื่อป้องกันตัวจากศัตรูหรือจากปลาที่มีขนาดใหญ่กว่า 

              ปลาแมนดารินมักจะแสดงนิสัยก้าวร้าวออกมาโดยเฉพาะเวลาที่ต้องการรักษาอาณาเขตของตนจากปลาชนิดเดียวกัน โดยมันจะกางครีบออกมาให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้และพยายามขับสีผิวให้มีสีเข้มที่สุดเพื่อที่จะทำการข่มขู่ฝ่ายตรงกันข้าม แต่หากมีการต่อสู้เกิดขึ้นมันจะปล่อยเมือกพิษออกมาทำลายคู่ต่อสู้ในทันที 

วิธีการจีบสาวและการผสมพันธุ์ของปลาแมนดาริน

              จัดว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีวิธีการจีบสาวที่สุดแสนจะอ่อนหวานมากเลยทีเดียว ช่างแตกต่างกับพฤติกรรมเวลาที่ต้องปกป้องอาณาเขตโดยสิ้นเชิง โดยเจ้าปลาแมนดารินตัวผู้จะพยายามทำตัวให้มีสีสันสวยงามขึ้นมากกว่าในช่วงเวลาปกติอย่างเห็นได้ชัด และจะจีบโดยใช้วิธีว่ายน้ำเกี้ยวสาวไปรอบๆเพื่อให้สาวๆได้ชื่นชมความงดงามของตนเหมือนกับจะพยายามทำตัวให้สาวๆหลงเสน่ห์ยังไงอย่างงั้น เมื่อตัวเมียมีใจจะปล่อยไข่ออกมาและไข่จะลอยไปตามกระแสน้ำตัวผู้จึงจะทำการปล่อยน้ำเชื้อเข้าไปผสม

              หลังจากนั้นจะใช้เวลาเพียง 14 ชั่วโมงเท่านั้นในการฟักไข่โดยปริมาณอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 28 องศา โดยเมื่อลูกปลาถึงเวลาที่จะต้องออกมาสู่โลกภายนอก มันจะใช้หัวดันเปลือกไข่ออกมาทีละนิดๆ จนสามารถหลุดออกมาได้ในที่สุด

 

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปูแมงมุมญี่ปุ่น ปูที่มีขายาวที่สุดในโลก

สัตว์น้ำเค็ม

        เมื่อนึกถึงปูหลายๆคนอาจจะนึกถึงเมนูอาหารที่แสนอร่อยและอาจจะเป็นของโปรดของใครหลายๆคนด้วยนะคะ   ปูเป็นสัตว์น้ำที่มีลักษณะทางกายภาพคือ  มีกระดองหุ้มตัว  ไม่มีกระดูกสันหลัง  มี 10 ขา  มีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ ทั่วโลก  ในแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีขนาดแตกต่างกันออกไปและมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของสายพันธุ์   วันนี้เราจะพามาดูสายพันธุ์ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น  “ สายพันธุ์ที่มีขายาวมากที่สุดในโลก ” จะยาวขนาดไหนไปดูกันเลยค่ะ

มารู้จักกับปูแมงมุมญี่ปุ่น  สัตว์ที่มีขายาวที่สุดในจำพวกสัตว์ขาปล้อง

         ปูแมงมุมญี่ปุ่น ( Japanese spider crab ) ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ทาคาชิกามิ   จัดอยู่ในสกุล Macrocheira  เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยราวๆ 20 กิโลกรัม  มีขนาดลำตัวกว้างประมาณ 30-40 เมตรและยาวประมาณ 20 ซ.ม.  ส่วนขามีความยาวมากถึง 5.5 เมตร จึงถือว่าเป็นสัตว์ที่มีขายาวมากที่สุดในจำพวกสัตว์ที่มีขาปล้อง   ลำตัวมีสีส้มแต้มด้วยจุดสีขาวเป็นลายตามตัว  โดยตัวเมียจะมีส่วนขาและส่วนก้ามที่สั้นกว่าตัวผู้   มันเป็นสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยนแม้จะมีลักษณะดุร้ายก็ตาม 

แหล่งที่อยู่อาศัยที่สามารถพบได้บ่อยๆและการเอาตัวรอด

          มักจะพบปูแมงมุมญี่ปุ่นได้ในน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่น  บริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาะฮนชูและอ่าวโตเกียวยาวลงมาจังหวัด คาโกชิมะ และจบที่ประเทศไต้หวัน   โดยสามารถพบได้ในน้ำที่มีอุณหภูมิ 10-13 องศา  ที่ความลึก50-600 เมตร   เจ้าปูขายาวนี้มีปุ่มหนามและกระดองที่แข็งแรงเพื่อให้มันสามารถป้องกันตัวเองจากอันตรายได้   มันมักจะอำพรางตัวโดยการซ่อนตัวภายใต้ฟองน้ำ  สัตว์อื่นๆที่อยู่รอบๆตัว  รวมถึงทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆตัว   ซึ่งการที่เปลือกของมันขรุขระไม่เรียบเนียนก็ทำให้มันได้เปรียบในการพรางตัวโดยเฉพาะการพรางตัวอยู่ตามโขดหินใต้น้ำ   มันมักจะออกหากินในเวลากลางคืนโดยการซุ่มดักจับสัตว์ตัวเล็กๆมาเป็นอาหาร  ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังคงถูกมนุษย์ล่าเพื่อนำมาเป็นอาหารในเมนูจานพิเศษอยู่ดี   นั่นก็เพราะว่ามันมีรสชาติที่อร่อย  เนื้อแน่น  มีรสหวาน  จึงทำให้มีการล่ามันมาเพื่อจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายในราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวและไม่แน่ว่าในอนาคตหากยังมีการนิยมล่าอยู่แบบนี้อาจทำให้มันสูญพันธุ์ก็ได้

 

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ปลานกแก้ว ปลาทะเลสีสวยและวิธีการกางมุ้งนอนที่ไม่เหมือนใคร

สัตว์น้ำเค็ม

ปลานกแก้ว

ปลานกแก้ว ปลาทะเลสีสวยและวิธีการกางมุ้งนอนที่ไม่เหมือนใคร

 

ปลานกแก้ว ( Parrotfishes ) เป็นปลาทะเลที่มีสีสันสดใสและมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ ด้วย  ลักษณะลำตัวแบนเรียว เกล็ดเรียงสวยหลากหลายสีสัน สามารถมองเห็นได้ชัดในระยะไกล เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดราวๆ 30-40 เซนติเมตร จัดว่าเป็นปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ในบรรดาปลาทะเลที่มีสีสันสวยงามด้วยกัน  มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ จะมีฟันเรียงติดกันเป็นแผงยื่นออกมาข้างนอกทั้งบนและล่าง  โดยจะเรียงซ้อนกันสองแถวทั้งบนและล่าง ทำให้ปากมีลักษณะเป็นจะงอยยื่นออกมาเหมือนปากนกแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “ปลานกแก้ว ”  

นอกจากนี้ยังมีลักษณะอื่นๆที่คล้ายนกอีก เช่น การมีสีสันที่หลากหลายและเด่นชัด สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล  และมีลักษณะการว่ายน้ำที่คล้ายๆกับลักษณะการกางปีกบิน คือจะมีการกางคลีบที่อยู่ข้างลำตัวและหุบเข้า-ออก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว ดูแล้วก็เป็นความงดงามที่คล้ายนกกางปีกบินนั่นเอง

ปลานกแก้ว-1

วิถีการใช้ชีวิตของปลานกแก้ว

ปลานกแก้วมักอาศัยอยู่ตามท้องทะเลที่มีสภาพแวดล้อมและแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำใสสะอาด เจ้าปลาทะเลชนิดนี้หากินโดยการใช้ฟันที่แหลมและแข็งแรงแทะกินสาหร่ายที่งอกอยู่ตามแนวปะการังต่างๆ  รวมถึงใช้ฟันขูดกินผิวปะการังขนาดเล็ก  โดยมีระบบกระเพาะอาหารที่สามารถคัดแยกสาหร่ายและฝุ่นผงออกจากกันได้ จากนั้นจึงขับถ่ายออกมา มีการวิจัยพบว่าปลานกแก้วที่มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม สามารถผลิตฝุ่นทรายได้มากถึง 1 ตัน เลยทีเดียว ปลาชนิดนี้จึงมีความสำคัญต่อระบบนิเวศของท้องทะเลอีกชนิดหนึ่ง 

ในส่วนของการผสมพันธุ์จะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่จะมีช่วงที่สูงที่สุดคือ ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม เมื่อมีอายุระหว่าง 2-4 ปี โดยเมื่อปฏิสนธิแล้วพวกมันจะจับคู่กันและตัวเมียจะปล่อยไข่ให้จมลงในน้ำ  จากนั้นจะฟักตัวภายใน 25 ชั่วโมงและจะเริ่มออกหาอาหารได้ใน 3 วันให้หลัง  สังเกตว่าเจ้าปลาทะเลชนิดนี้มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมากๆ และต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองตั้งแต่เกิด  เมื่อยังเล็กมันจะกินพวกพืชและสัตว์ตัวเล็กๆ เข้มแข็งจริงๆนะ..   

ปลานกแก้ว

วิธีการนอนของปลานกแก้ว  “ นอนยังไงให้ไร้การรบกวน ”

เมื่อออกหากินมาตลอดทั้งวันแล้ว  ตกกลางคืนเจ้าปลานกแก้วก็จะนอนพักผ่อนเอาแรงบ้าง  ซึ่งปลาทะเลชนิดนี้มีวิธีการนอนที่น่าทึ่งมากๆ โดยมันจะมองหาทำเลที่นอนตามซอกหินหรือซอกปะการังที่เหมาะสม  จากนั้นมันจะเข้าไปจับจองหาที่นอนและกางมุ้งนอนค่ะ  ใช่ค่ะ..มันกางมุ้งนอนเพื่อป้องกันอันตรายและการรบกวนจากปรสิตต่างๆ โดยมันจะปล่อยเมือกเหนียวๆออกมาคลุมตัวเองเอาไว้ หากมีศัตรูจะเข้ามาทำร้ายมันจะรู้สึกตัวได้ในทันทีและเผ่นหนีเอาตัวรอดได้ทันทีเลยล่ะค่ะ เป็นการใช้ชีวิตที่รอบคอบจริงๆนะเนี่ย!

Categories
ความรู้ สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ทากทะเลสีน้ำเงินตัวจิ๋ว สัตว์มีพิษผู้ไม่สามารถสร้างพิษเองได้

สัตว์น้ำเค็ม

ทากทะเล

ทากทะเลสีน้ำเงิน ( Sea swallow blue )  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Glaucus Atlanticus   เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับหอยที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก   จริงๆแล้วมันก็คือ “ ทากทะเล ” นั่นล่ะค่ะ   เจ้าตัวนี้มีสีน้ำเงินหน้าตาประหลาดแต่สวยงาม  ไม่มีกระดูกสันหลัง  เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดราวๆ 3 เซนติเมตร   ซึ่งถือว่ามีขนาดค่อนข้างเล็กมากเลยทีเดียว  เห็นเล็กๆแบบนี้พวกมันมีนิสัยดุร้ายและมีพิษที่รุนแรงมากเลยล่ะค่ะ   แต่แปลกที่มันกลับไม่สามารถสร้างพิษเองได้   พิษที่เราเห็นพวกมันปล่อยออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นพิษที่มาจากสัตว์พิษชนิดอื่นๆที่มันได้กินเข้าไป  จากนั้นมันก็จะทำการเปลี่ยนผันเอาพิษนั้นมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพื่อเอาไว้ใช้งานต่อไป    น่าทึ่งกว่านั้นก็คือมันสามารถสะสมเก็บพิษเอาไว้ได้เป็นเวลานานและทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย   เมื่อโดนพิษของมันอาจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยพิษมีความรุนแรงจนเรียกได้ว่าเจ้าตัวนี้เป็น “ หนึ่งในสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก ” ก็ว่าได้   โดยพิษของมันจะเข้าไปทำลายระบบการทำงานของหัวใจ  ระบบประสาท  และเซลล์ใต้ผิวหนังซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้  อาการเมื่อถูกพิษ คือ ปวดหัว คลื่นไส้  อาเจียนมีอาการผิวหนังอักเสบรุนแรง   หากเผลอไปโดนพิษมาเข้าแนะนำว่าควรรีบไปหาหมอโดยเร็วที่สุด

ทากทะเล-1

วิถีการดำรงชีวิตของทากทะเลสีน้ำเงินที่แสนชาญฉลาด

นอกจากจะมีพิษร้ายแรงแล้วลักษณะปละพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของมันก็มีความแตกต่างจากตัวทากทะเลทั่วๆไป  กล่าวคือโดยมากพวกทากทะเลก็จะอาศัยอยู่ตามแนวปะการังหรือก้นทะเล  แต่เจ้าตัวนี้กลับลอยตัวอยู่บนผิวน้ำโดยใช้วิธีที่แสนฉลาดคือมันจะกลืนเอาอากาศไปสะสมไว้ในถุงลมที่อยู่ข้างตัว  เพื่อให้ช่วยในการพยุงตัวและปล่อยให้ตัวมันไหลไปตามกระแสน้ำ  ทั้งนี้มันมีเหตุผลสำคัญคือเพื่อให้มันสามารถหาฝูงแมงกะพรุนไฟหรือสัตว์พิษชนิดอื่นที่ลอยผ่านมาได้ง่ายขึ้นนั่นเอง  เห็นแบบนี้แล้วดูเหมือนว่ามันมีเป้าหมายอยู่ที่การสะสมพิษไปเรื่อยๆเพื่อให้ตัวมันเองแข็งแกร่ง 

 

ทากทะเล-2

เทคนิคการพลางตัวเพื่อเอาตัวรอด

สิ่งที่เห็นชัดเจนอีกอย่างหนึ่งคือมันจะพลางตัวโดยการลอยน้ำกลับหัวเอาส่วนท้องที่มีสีฟ้ามาไว้ด้านบนผิวน้ำ   เมื่อกระทบกับแสงแดดจะช่วยพรางตามันจากอันตรายที่จะมาจากเหล่านักล่าทั้งใต้ทะเลและจากบนท้องฟ้าได้  เรียกเทคนิคแบบนี้ว่า Countershading    แต่แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงและสามารถพรางตัวได้เก่งจนน่าทึ่งมากแค่ไหนก็ตาม   ในปัจจุบันทากทะเลสีน้ำเงินก็ได้ถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

แมงกะพรุนสัตว์ทะเลอันตรายที่ห้ามเข้าใกล้

สัตว์น้ำเค็ม

เราคงรู้จักกันดีว่าเป็นสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เนื้อตัวของแมงกะพรุนนั้นค่อนข้างใสดูเหมือนจะไม่มีอันตรายและไม่มีพิษสงแต่อย่างใด แต่ด้วยความที่ดูไม่อันตรายแบบนี้ใครที่เคยได้โดนสัมผัส ใครที่เคยโดนพิษร้ายจากแมงกะพรุนก็คงจะรู้ดีว่าความสวยงามของแมงกะพรุนนั้น สามารถฆ่าชีวิตของเราได้ด้วยเช่นกันหลายคนประมาทเข้าใกล้แมงกะพรุนหรือว่าไปสัมผัสกับแมงกะพรุนแล้วไม่รีบทำการรักษา ไม่รีบทำการล้างพิษของมันออกก่อนกว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็กลายเป็นแผลพุพองเหมือนโดนน้ำร้อนลวก บางรายรุนแรงเหมือนโดนน้ำกรดเกิดเป็นแผลเวอะหวะรักษากันนานแรมเดือนก็มีมาแล้ว

แมงกะพรุนสามารถกินได้

แต่ในความอันตรายของแมงกะพรุนก็ยังมีแมงกะพรุนบางประเภทสามารถนำมาเป็นอาหารรับประทานกันได้ โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะนำแมงกะพรุนนั้นมาทำการดอง ทำการขจัดพิษในตัวของมันออกเสียก่อน ถึงจะนำมารับประทานเป็นอาหารได้ แต่ก็ใช่ว่าแมงกะพรุนทุกชนิดจะสามารถกินได้ทั้งหมด มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่เราสามารถนำมาเป็นอาหารรับประทานกันได้ สำหรับคนที่เคยได้กินแมงกะพรุนแล้วก็คงจะรู้กันดีถึงความเอร็ดอร่อย เคี้ยวแล้วได้รสสัมผัสที่กรุบกรอบเคี้ยวสนุก ยิ่งถ้าได้แมงกะพรุนคุณภาพดีและร้านปรุงรสที่เด็ดขาด ก็ยิ่งชวนให้หลงใหลเป็นอย่างมาก หลายคนที่ยังไม่เคยได้กินหรือไม่กล้าที่จะลองอยากจะอธิบายว่าแมงกะพรุนนั้นรสสัมผัสคล้ายกับเห็ดหูหนูขาว มีความกรุบกรอบแต่รสชาตจะดีกว่ามาก บางคนติดใจถึงขนาดที่ว่าต้องหากินกันให้ได้ในทุกอาทิตย์กันเลย

แมงกะพรุนคือสัตว์โลกล้านปี

มีคำถามเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานว่าแมงกะพรุนนั้นเป็นสัตว์ที่กำเนิดอยู่ในยุคไหน มีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดสอบและสืบหาประวัติการกำเนิดของแมงกะพรุนมาอย่างยาวนาน และก็พอได้คำตอบกันมาว่าแมงกะพรุนนั้นเป็นสัตว์โลกล้านปีที่น่าจะอยู่ก่อนในยุคไดโนเสาร์ เพราะแมงกะพรุนนั้นสามารถปรับตัวอยู่ในน้ำทะเลได้ในทุกสภาพสภาพ แถมมีการขยายตัวมีการขยายพันธุ์กันอย่างรวดเร็ว ทำให้แมงกะพรุนนั้นไม่มีวันที่จะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน

แมงกะพรุนอาศัยอยู่ในท้องทะเล

บางคนที่ไม่แน่ใจในเรื่องของแมงกะพรุนว่ามีพิษอันตรายมากน้อยเพียงใด คิดว่าการว่ายน้ำในทะเลแล้วได้เจอแมงกะพรุนนั้นเป็นเรื่องที่โชคดี เราเห็นแมงกะพรุนห่างจากเราพอประมาณแล้วได้ว่ายน้ำตามเพื่อดูความสวยงามของแมงกะพรุนแต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิดมหันต์เพราะแมงกะพรุนนั้นจะมีเส้นใยบางๆและมีสารพิษตกค้างระหว่างทางที่แมงกะพรุนได้ว่ายน้ำผ่าน บางคนที่แพ้มากเพียงแค่ได้โดนละอองเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ปวดแสบปวดร้อนต้องรักษากันนานแรมเดือนเลยก็มี ทางที่ดีอยู่ให้ห่างจะปลอดภัยเป็นที่สุด

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

หอยเต้าปูนเป็นหอยอะไร สามารถกินได้หรือไม่

สัตว์น้ำเค็ม

หอยเต้าปูนหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักชื่อเรียกได้ว่าชื่อนี้ไม่คุ้นหูกันเลย คำถามแรกที่ทุกคนนั้นจะถามกันขึ้นมานั่นก็คือหอยเต้าปูนนั้นกินได้เหมือนหอยปกติหรือไม่ คำถามทักมาก็จะถามต่อกันมาว่าหน้าตาของหอยชนิดนี้เป็นเช่นไร โดยส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะรู้ว่าหอยเกือบจะทุกชนิดเราสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารกันได้ แต่ก็มีหอยบางชนิดที่เราไม่สามารถจะนำมารับประทานอาหารได้ด้วยเช่นกันอย่างเช่นเจ้าหอยเต้าปูนเป็นหลัก หอยชนิดนี้มีพิษร้ายแรงจนไม่อยากจะเชื่อว่าผิดของตัวมันนั้นจะสามารถฆ่าชีวิตมนุษย์กันได้เลยทีเดียว

เคลื่อนที่ว่องไวจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นหอย

หอยทุกชนิดนั้นการขึ้นตัวจะใช้การเคลื่อนตัวแบบช้าๆ แต่งสำหรับหอยเต้าปูนก็ไม่ได้บอกว่าจะสามารถเคลื่อนตัวได้ไวกว่าปกติแต่สิ่งที่ว่องไวเกินกว่าที่พวกเราจะคิดกันได้นั่นคือการหาอาหารหรือการจับเหยื่อของหอยเต้าปูน หอยเต้าปูนนั้นมีความเร็วในการจับเหยื่อเป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วที่ไวพอๆกับการกระพริบตาของเราก็สามารถที่จะใช้อาวุธอันสำคัญของตัวหอยนั้นจัดการให้กับเหยื่อหมดสติและสลบลงไป ไม่น่าเชื่อว่าจะมีหอยที่สามารถจับเหยื่อได้รวดเดียวได้ขนาดนี้

ความพิเศษเหนือกว่าหอยธรรมดา

หอยเต้าปูนจัดว่าเป็นหอยที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก สีสันที่สวยงามทำให้หลายคนเข้าใจว่าความสวยงามของมันนั้นไม่น่าจะมีพิษสงแต่อย่างใด แต่ความที่เราหลงใหลกับความสวยงามแบบนี้มักจะมีพิษสงซ่อนอยู่ในตัวเสมอ หอยเต้าปูนมีเข็มพิษที่อันตรายสามารถฆ่าชีวิตมนุษย์ได้ถ้าเราไม่รู้ทันมันเสียก่อน เข็มพิษที่หอยเต้าปูนนั้นสามารถทิ่มแทงตัวเราได้ถ้าเปรียบเทียบกันให้เห็นภาพได้ชัดพิษของมันมีความรุนแรงไม่แพ้กับอสรพิษเลยเช่นกัน นั่นเป็นการบอกว่าสิ่งใดที่สวยงามดูแล้วไม่น่าจะมีพิษสงจำเป็นจะต้องระวังเอาไว้ ยิ่งสวยงามเท่าไหร่ยิ่งมีพิษร้ายเท่านั้น

หอยเต้าปูนไม่ใช่หอยน้ำจืด

หอยเต้าปูนจะอาศัยอยู่ในท้องทะเลไม่ได้เจอได้ตามน้ำจืดหรือห้วยหนองคลองบึงอย่างแน่นอน เราจึงไม่ต้องระวังตัวเวลาที่ลงน้ำจืดหรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ถ้าเกิดว่าไปเที่ยวที่ทะเลก็ต้องระวังไว้เสียหน่อยท่องไว้อย่างสั้นๆว่าของอะไรที่ดูสวยเกินไปมักจะมีพิษร้ายอย่าเข้าใกล้เป็นอันดี หอยชนิดนี้ดูแล้วน่าจะเป็นแค่สัตว์ธรรมดาแต่ความดุร้ายของเขาอีกอย่างนั้นก็คือเขากินทุกอย่างไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะกินปลาเล็กหรือหอยที่ตัวเล็กกว่าเขาก็จับมาเป็นอาหารได้ทั้งนั้น ถือว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ในระบบนิเวศชั้นสูงเลย

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

เชื่อหรือไม่ว่า โลมามันไม่ใช่ปลาแต่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

สัตว์น้ำเค็ม

โลมาหรือที่หลายชอบเรียกว่าปลาโลมาที่จริงแล้วชื่อของเขานั้นเรียกกันให้ถูกต้องต้องเรียกว่าโลมา โลมาเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำเค็มและเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม หลายคนอาจจะสงสัยว่าอยู่ในน้ำทะเลเค็มขนาดนั้นจะเลี้ยงลูกด้วยนมได้เช่นไร ปราสาทรับรู้ของสัตว์แต่ละชนิดนั้นไม่เหมือนกันการเลี้ยงลูกด้วยการใช้น้ำนมเลี้ยงนั้นก็มีสารอาหารชนิดพิเศษที่ระหว่างปลาโลมาด้วยกันเท่านั้นจะเข้าใจ จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างมากสัตว์น้ำที่หลายคนคิดว่าไม่น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับโลมาด้วยเช่นกันแล้วเรามาดูกันว่าโลมาเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมากน้อยขนาดไหนหลายคนถึงได้ตั้งข้อสงสัยกัน

โลมาเป็นสัตว์ที่ดุร้ายจริงหรือไม่

โลมาเป็นสัตว์ที่เราไม่ได้ต้องการทำมาเป็นอาหารสมัยก่อนโลมาถ้าเกิดว่ามีการติดกวนหรือติดแหขึ้นมาที่บนเรือ ก็จะถูกฆ่าทิ้งโยนลงทะเลกลับคืนสู่อย่างเก่า เป็นเรื่องที่น่าสงสารเป็นอย่างมากหลายคนเกิดคำถามว่าเพราะโลมาดุร้ายหรือถึงได้ทำร้ายมันเช่นนั้น ความเป็นจริงไม่ได้ดุร้ายอย่างใดแต่เป็นสัตว์น้ำที่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก แต่ที่เราชอบทำเช่นนั้นเพราะว่ามีจำนวนมากและชอบเข้ามากินปลาที่เขาได้วางอวน ว่าไงดักปลาเอาไว้ก็เลยทำไปยังไม่คิดเช่นนั้น

ความน่ารักของโลมาไม่มีที่สิ้นสุด

เป็นสัตว์ที่น่ารักเป็นอย่างมากหลายคนที่ได้เห็นตามท้องทะเล เพียงแค่ได้เห็นโลมาโผล่ขึ้นมาก็มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนแก้มเราเป็นที่เรียบร้อย หน้าตาของโลมานั้นดูแล้วเป็นมิตรเป็นอย่างมากแถมเป็นสัตว์น้ำที่เชื่องชอบว่ายบนตามเรือ มีเรื่องเล่าต่างๆนานาว่าเมื่อไหร่พี่เกิดเหตุอันตรายกลางทะเลก็จะมีเหล่าปลาโลมามาช่วยเหลืออยู่เสมอ ถึงขนาดที่ว่ามีการนำปลาโลมามาสร้างเป็นหนังสารคดี สัตว์น้ำประเภทนี้เราควรต้องอนุรักษ์เอาไว้ รวมถึงสัตว์น้ำประเภทอื่นๆที่มีความน่ารักและไม่เป็นพิษเป็นภัยเราก็ควรจะอนุรักษ์เอาไว้ด้วยเช่นกัน

โลมากำลังจะหายไปจากโลกนี้

ปัจจุบันโลมาค่อยๆจางหายไปจากท้องทะเล อาจจะด้วยการโดนลักลอบล่าสัตว์ หรือไปติดควรติดแผลของชาวบ้านชาวเรือแล้วไม่สามารถจะหลุดหนีไปได้ก็ทำให้ต้องเสียชีวิตกันไป รวมถึงสัตว์น้ำชนิดอื่นที่ชาวบ้านไม่ค่อยได้ดูแลปล่อยให้อ้วนหรือหาที่ขาดหลุดลอยทิ้งตามทะเลแล้วไปเกี่ยวกับสัตว์น้ำชนิดอื่นทำให้เกิดความเสียหายได้ก็มีอีกไม่น้อยด้วยเช่นกัน ควรหันมาใส่ใจเกี่ยวกับท้องทะเลเพิ่มขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องดูเฉพาะโลมาแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าเราดูแลท้องทะเลเหมือนกับบ้านของเราสัตว์น้ำทุกชนิดในท้องทะเลก็จะกลับคืนมาเหมือนแต่ก่อน

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

วาฬสีน้ำเงิน พี่เบิ้มแห่งโลกใต้ทะเล

สัตว์น้ำเค็ม

วาฬสีน้ำเงิน พี่เบิ้มแห่งโลกใต้ทะเล

คุณรู้หรือไม่ว่า วาฬสีน้ำเงิน หรือ ปลาวาฬสีน้ำเงิน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพี่เบิ้มใหญ่แห่งท้องทะเล แม้ว่าพวกมันจะอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก แต่ในความจริงแล้ววาฬสีน้ำเงินมีบรรพบุรุษที่เป็นสัตว์บกสี่ขาก่อน แต่ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไม่พอ หากเราจะบอกคุณว่าวาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ แม้แต่ไดโนเสาร์ก็ยังมีขนาดเล็กกว่าพวกมันเสียอีก

ประวัติของวาฬสีน้ำเงิน

ประวัติของวาฬ : วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีบรรพบุรุษมาจากสัตว์ 4 ขา ตั้งแต่เมื่อ 65 ล้านปีก่อน

จากที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า วาฬสีน้ำเงิน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดในท้องมหาสมุทร พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มวาฬบาลีน ที่มีแผ่นกระดูกไว้คอยกรองอาหารจากน้ำทะเล ซึ่งอาหารของวาฬสีน้ำเงินได้แก่ แพลงตอนหรือสัตว์ทะเลขนาดเล็ก และแน่นอนพวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มวาฬที่ไม่มีฟัน จากประวัติของวาฬที่ค้นพบว่า วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีบรรพบุรุษมาจากสัตว์ 4 ขา ตั้งแต่เมื่อ 65 ล้านปีก่อน จนถึงเมื่อ 10 ล้านปีก่อนพวกมันกลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และด้วยวิวัฒนาการของวาฬทำให้พวกมันกลายเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน และด้วยการที่วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ออกลูกเป็นตัว ใช้เวลาการตั้งท้องเป็นปี ที่ทำให้เราเชื่อว่า วาฬ ไม่ได้เป็นปลา เหมือนที่หลายๆ คนเรียกพวกมันจนติดปากว่า ปลาวาฬ

วาฬสีน้ำเงิน

าฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวถึง 34 เมตร

เคยมีการค้นพบวาฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีความยาวถึง 34 เมตร และมีน้ำหนักได้ถึง 200 ตัน นั่นทำให้เราจะสามารถเจอพวกมันได้ตามท้องมหาสมุทรขนาดใหญ่ ทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงมหาสมุทรอินเดีย หากจะทำให้คุณจิตนาการได้ถึงขนาดอันมโหฬารของมัน คุณอาจจะนึกถึงน้ำหนักลิ้นของมันที่เทียบเท่ากับน้ำหนักของช้างตัวใหญ่ๆ หนึ่งตัวแล้ว หรือขนาดของหัวใจวาฬสีน้ำเงิน ที่ใหญ่พอให้มนุษย์ลงไปว่ายน้ำได้ และแม้ว่า วาฬสีน้ำเงิน จะกินแพลงตอนที่เป็นสัตว์ทะเลตัวเล็กเป็นอาหาร แต่พวกมันสามารถกินแพลงตอนได้ถึง 4 ตันต่อวันเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าวาฬสีน้ำเงินจะเป็นพี่เบิ้มที่น่าเกรงขามแห่งท้องทะเล แต่พวกมันก็ยังคงถูกมนุษย์ล่า ทั้งเพื่อเอาไขมันหรือน้ำมันมาใช้เป็นอาหารไปจนถึงการล่าเป็นประเพณี ที่ทำให้จำนวนประชากรวาฬสีน้ำเงินลดลงอย่างน่าตกใจ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้กลุ่มอนุรักษ์วาฬต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อคุ้มครองกลุ่มวาฬที่เหลืออยู่ ไปจนถึงเพื่อรักษาระบบนิเวศของท้องมหาสมุทรให้มีความสมดุล และคงอยู่ตลอดไป

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม

ดาวทะเล ความน่าพิศวงของดวงดาวแห่งโลกใต้ทะเล

สัตว์น้ำเค็ม

หากเสน่ห์ของท้องฟ้าหมายถึงดวงดาว เสน่ห์ของท้องทะเลก็คือดาวทะเลเช่นกัน และนี่คือเรื่องจริง เพราะลักษณะของดาวทะเลที่ดูคล้ายดวงดาว รวมถึงดาวทะเลมีสีสันที่สดใสงดงาม ที่ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า และหาดทรายสีขาว เหมือนกับประกายของดวงดาวที่ตัดกับความมืดมิดของท้องฟ้าเบื้องบน แต่นอกจากความงดงามที่เราเห็น ยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่อีกมาก เราจะมาค้นหาความลับของดาวทะเลไปด้วยกัน

ดาวทะเล ความน่าพิศวงของดวงดาวแห่งโลกใต้ทะเล

โครงสร้างของดาวทะเล

         คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนจึงเรียก ดาวทะเล ว่า ปลาดาว ซึ่งอันที่จริงแล้วดาวทะเลไม่ใช่ปลา เพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง คนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจผิด และจัดพวกมันไว้ในกลุ่มปลา แบบเดียวกับที่ หมึก ก็ไม่ใช่ปลาเช่นกัน โดยโครงสร้างของดาวทะเลจะมีลำตัวแยกออกเป็นแฉกๆ หรือเรียกว่าแขน ใต้แขนแต่ละแขนจะมีหนวดสั้นๆ และมีปากอยู่ด้านใต้ของลำตัว ซึ่งโดยปกติ คุณอาจจะเคยเห็นดาวทะเลใช้ชีวิตแบบที่นอนนิ่งๆอยู่ตามชายหาด หรือบริเวณใต้ท้องทะเลในช่วงเวลากลางวัน นั่นก็เพราะดาวทะเลเหล่านั้นกำลังพักผ่อนและพวกมันจะออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน ดาวทะเลเหล่านี้ กินหอยเป็นอาหาร รวมถึงกุ้ง ปู หนอนทะเล และปลาขนาดเล็ก และยังมีปลาดาวบางชนิดที่กินซากพืช ซากสัตว์ และปะการังเป็นอาหารด้วย ซึ่งการที่โครงสร้างของดาวทะเลที่มีปากอยู่ด้านใต้ของลำตัว พวกมันจะยื่นปากออกมาเพื่องับเหยื่อไว้ และดึงเหยื่อของพวกมันกลับเข้าไปยังกระเพาะที่จะอยู่ไม่ไกลจากปากของมันนั่นเอง

โครงสร้างของดาวทะเลจะมีลำตัวแยกออกเป็นแฉกๆ หรือเรียกว่าแขน ใต้แขนแต่ละแขนจะมีหนวดสั้นๆ

         อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของโครงสร้างดาวทะเลก็คือ พวกมันไม่มีเลือด คุณอาจเคยได้เรียนรู้มาว่าสิ่งมีชีวิตจะต้องใช้เลือดที่เป็นของเหลวในร่างกายเพื่อลำเลียงสารอาหาร แต่สำหรับดาวทะเล ทฤษฎีนี้อาจไม่ใช่ เพราะดาวทะเลไม่มีเลือด พวกมันจะใช้น้ำทะเลในการลำเลียงสารไปยังเส้นประสาทต่างๆ โดยการกรองผ่านลำตัวโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเลือดแม้แต่น้อย

การงอกใหม่ของดาวทะเล

การงอกใหม่ของดาวทะเล: คุณรู้หรือไม่ว่าดาวทะเลสามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายหรือได้รับบาดเจ็บได้

         นอกจากความน่าอัศจรรย์ของโครงสร้างที่ดูแปลกตากว่าสัตว์ทะเลชนิดอื่น คุณรู้หรือไม่ว่าดาวทะเลสามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายหรือได้รับบาดเจ็บได้ด้วยการงอกส่วนนั้นออกมาใหม่ หรือ ที่เราเรียกว่าการงอกใหม่ของดาวทะเล รวมถึงหากพวกมันรู้สึกว่าพวกมันกำลังอยู่ในอันตราย หรือถูกจับพวกมันจะทำการสละแขนส่วนนั้นทันที และในทางกลับกัน ส่วนที่ขาดของมันก็สามารถงอกตัวออกมากลายเป็นปลาดาวอีกตัวที่มีลักษณะเหมือนกันได้ ที่นับว่าเป็นการทำโคลนนิ่งโดยสมบูรณ์ตามธรรมชาติได้เลยทีเดียว และยังถือว่าเป็นการสืบพันธุ์โดยไม่ต้องอาศัยเพศก็ได้

         แต่หากเราจะพูดถึงในมุมของความงดงามแล้ว ดาวทะเล ถือเป็นสิ่งมีชีวิตใต้โลกมหาสมุทรที่เป็นเสมือนเครื่องประดับอันแสนอัศจรรย์ที่คอยแต่งแต้มโลกแห่งท้องทะเลอันกว้างใหญ่ดูงดงามตลอดไป

Categories
สัตว์น้ำ สัตว์น้ำเค็ม สัตว์บก

ปูเสฉวน สัตว์เลี้ยงหน้าใหม่แห่งวงการเลี้ยงสัตว์

สัตว์น้ำเค็ม

ใครเคยเห็นปูเสฉวนตามร้านขายสัตว์เลี้ยงบ้าง? ตอนนี้ปูเสฉวนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงหน้าใหม่ของวงการผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกอีกชนิดหนึ่ง แต่ทำไมเจ้าปูเสฉวนจึงกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ และการเลี้ยงปูเสฉวนจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ลองมาหาตำตอบดูกัน

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท: ปูเสฉวนบก และปูเสฉวนน้ำ

ปูเสฉวนบก & ปูเสฉวนน้ำ

ปูเสฉวนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ตามลักษณะถิ่นที่อยู่ ได้แก่ ปูเสฉวนบก และปูเสฉวนน้ำ ซึ่งปูเสฉวนบกจะอาศัยอยู่ตามบริเวณชายหาดห่างจากน้ำทะเลไม่เกิน 15 กิโลเมตร แต่ปูเสฉวนน้ำจะอาศัยอยู่ในน้ำทะเลลึก ปูเสฉวนเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 1-6 เซนติเมตร ปูเสฉวนมีขา 10 ขา และกินซากพืช ซากสัตว์ เป็นอาหาร

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 1-6 เซนติเมตร

ปูเสฉวนน้ำ หรือปูเสฉวนทะเล

จะใช้ชีวิตและขยายพันธุ์อยู่ใต้น้ำทะเลลึกเท่านั้น แต่ปูเสฉวนบกมีวงจรชีวิตที่น่าสนใจกว่านั้นคือ พวกมันจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ตามชายหาด อย่างที่เราเห็นโดยทั่วไปตอนไปเที่ยวทะเล แต่เมื่อปูเสฉวนบกได้ผสมพันธุ์กันแล้ว ปูเสฉวนตัวเมียจะวางไข่ลงในน้ำทะเล และเมื่อลูกปูเสฉวนฟักออกจากไข่ พวกมันจะขึ้นมาเจริญเติบโตบนชายฝั่งต่อไป

ปูเสฉวนเลี้ยง

แต่ปัจจุบันเราอาจเคยเห็นเจ้าปูเสฉวนตามร้านขายสัตว์บางแห่ง เนื่องจากมีคนบางกลุ่มเริ่มนิยมที่จะลองเลี้ยงเจ้าปูเสฉวนบกดูบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปูเสฉวนบก และหลายคนอาจเชื่อว่าปูเสฉวนบกเป็นปูเสฉวนเลี้ยงที่สามารถเลี้ยงได้ง่าย แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องจริง

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนเลี้ยง ต้องการการดูแลที่ค่อนข้างดี

ปูเสฉวนเลี้ยง ต้องการการดูแลที่ค่อนข้างดี พวกมันต้องการสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างพิเศษ การเลี้ยงปูเสฉวนจะต้องเตรียมทั้งถ้วยน้ำจืด ถ้วยน้ำเค็ม เปลือกหอยหลากหลายขนาดที่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เพื่อหากเจ้าปูเสฉวนมีการลอกคราบในตอนที่มันโตขึ้น พวกมันจะต้องเปลี่ยนขนาดของเปลือกหอยให้เหมาะสมกับขนาดตัวของมันด้วย มีการควบคุมอุณหภูมิที่ดี โดยปูเสฉวนจะสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะต้องไม่ต่ำกว่า 25 องศา อีกทั้งการเตรียมอาหารที่เหมาะสม โดยธรรมชาติ ปูเสฉวนจะกินซากพืช ซากสัตว์ ดังนั้นผู้เลี้ยงอาจจะมีการเตรียมทั้งผลไม้ ผัก หรือเนื้อเพื่อเป็นอาหารแก่เจ้าปูเสฉวน และต้องระวังไม่ให้อาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือช๊อคโกแลต

ปูเสฉวนเลี้ยงสามารถมีอายุยืนยาวได้จนถึง 10 ปี หากมีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม แต่คุณรู้ไหมว่าปัจจุบันยังไม่มีร้านขายเจ้าปูเสฉวนใดที่สามารถขยายพันธุ์เจ้าปูเสฉวนได้เอง ดังนั้นปูเสฉวนบกที่เราเห็นตามร้านขายสัตว์ ล้วนแล้วแต่ถูกจับมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น

ปูเสฉวน
ปูเสฉวนเลี้ยงสามารถมีอายุยืนยาวได้จนถึง 10 ปี หากมีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม

หากคุณสนใจการเลี้ยงปูเสฉวน ควรจะลองพิจารณาให้ดี เพราะนอกจากการจับปูเสฉวนจากธรรมชาติมาเลี้ยงจะทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุลแล้ว ถ้าคุณไม่มีความรู้ในการเลี้ยงที่ดีพอ คุณอาจจะกลายเป็นผู้ทำลายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้