Categories
ความรู้ สัตว์บก

ชินชิล่า Chinchilas สัตวเลี้ยงน่ารักที่ไม่รู้จะเรียกว่าหนูหรือกระต่ายดี ?

สัตว์บก

ชินชิล่า-Chinchilas

      ชินชิล่า ( Chinchilas ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Chinchilla lanigera เป็นสัตว์เมืองหนาวที่จัดอยู่ในจำพวกสัตว์ฟันแทะ มีถิ่นอาศัยดั้งเดิมอยู่ตามที่ราบสูงในทวีปอเมริกาใต้ แถบเทือกเขาแอนดีสทางตอนเหนือของประเทศชิลี บราซิล และอาร์เจนติน่า โดยมักพบได้ตามพื้นที่ราบสูงทั่วไป

      เป็นสัตว์ที่นิยมอย่างมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเกือบสูญพันธุ์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ต่อมาในปี ค.ศ.1923 Mathias F. Chapman วิศกรเหมืองแร่ชาวอเมริกาก็ได้นำชินชิล่ากลับมาเพาะเลี้ยงยังประเทศอเมริกาทั้งหมดจำนวน 11 ตัว ต่อมาได้มีการขยายพันธุ์ไปยังประเทศต่าง ๆ ในบ้านเราเองก็กำลังได้รับความนิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน

      โดยลักษณะของเจ้าหนูตัวนี้จะมีลักษณะหูที่กางใหญ่คล้ายกับหูของหนู แต่รูปร่างตัวจะคล้ายกับกระต่าย มีขนหนาและฟู สีขนจะมีความแตกต่างกันไป ส่วนหางจะมีลักษณะเป็นพวงคล้ายกับหางของกระรอก มองโดยรวมแล้วจึงมีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างกระต่ายกับกระรอก

นิสัยของชินชิล่า Chinchilas น่ารักแค่ไหนนะ?

ชินชิล่า-Chinchilas

      หนูชินชิล่าจัดเป็นสัตว์ที่รักความสงบ ไม่ดุร้าย ชอบสำรวจ ชอบอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และจะคอยเตือนภัยให้กันโดยมันจะฟังเสียงและส่งเสียงเตือนภัยไปยังเพื่อนๆเมื่อพบว่ามีอันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ชอบออกหากินในตอนกลางคืนโดยอาหารก็จะเป็นประเภทหญ้าและเมล็ดพืชต่าง ๆ รวมถึงแมลงตัวเล็ก ๆ ด้วย

      ชินชิล่านิสัยซุกซน อยากรู้ อยากเห็น ชอบกระโดดสูง ๆ มันมักจะใช้ 2 ขาหน้าจับแกะเปลือกอาหารเหมือนเราใช้มือหยิบจับอาหารทานนั่นเอง หางเป็นพวงชอบยืน 2 ขา หากทำให้กลัวหรือโกรธจะปล่อยกลิ่นออกมาจากต่อมที่ anus ซึ่งจะมีกลิ่นคล้ายกับเมล็ดอัลมอนด์เผาหรือวิตามิน ชินชิลล่าตัวเมียสามารถสเปรย์ปัสสาวะเมื่อโกรธหรือกลัวได้ โดยมันจะลุกขึ้นยืนด้วย 2 ขาหลังหรือกระโดดก่อนจากนั้นจะเริ่มปล่อยกลิ่นออกมา อีกทั้งยังมีการสลัดขนออกมาเมื่อมีอาการหวาดกลัวอีกด้วย

วัยเจริญพันธุ์และการสืบพันธุ์ของชินชิล่า Chinchilas

ชินชิล่า-Chinchilas

      ชินชิล่าตัวผู้จะโตเต็มที่เมื่ออายุ 8 เดือน ส่วนตัวเมียจะช้ากว่าเล็กน้อยคือ เมื่ออายุครบ 8 เดือนครึ่ง โดยธรรมชาตแล้ว จะมีการผสมพันธุ์ตามฤดูกาลโดยจะมีการเป็นสัตว์หลายรอบด้วยกัน ซึ่งจะมีวงรอบการเป็นสัดอยู่ที่ 28 วัน ทำให้ชินชิล่าสืบพันธุ์ได้เรื่อย ๆ เมื่อมีการผสมพันธุ์กันแล้วชินชิลล่าตัวเมียจะตั้งท้องเป็นเวลา 111 วัน จึงจะให้กำเนิดลูกน้อยและสืบเผ่าพันธุ์ต่อไป

 

 

 

ฝากวอเลทไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ความรู้ สัตว์บก

“ คาราคัล Caracal ” แมวป่าหน้าหล่อมีท่าเดินคล้ายเสือชีตาห์ ชอบออกล่าตอนกลางคืน

สัตว์บก

คาราคัล-Caracal
คาราคัล-Caracal

     คาราคัล ( Caracal ) มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า ลิงซ์เปอร์เซีย หรือ ลิงซ์ทะเลทราย จัดอยู่ในสกุลCaracal มีถิ่นการกระจายพันธุ์อยู่ในแถบเอเชียใต้ เอเชียตะวันตก และทวีปแอฟริกา สามารถพบได้ในแถบพื้นที่แห้งแล้งอย่างในป่าวูดแลนด์ ซะวันนา แถบป่าอะคาเซียในเขตทวีปแอฟริกา และสามารถพบได้บ่อย ๆ ในแถบชายฝั่งทางเหนือของทะเลทรายซาฮารา รวมถึงในเขตประเทศอินเดียด้วย 

     เมื่อคาราคัลโตเต็มวัยตัวผู้จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 10-18 กิโลกรัม สูงได้ประมาณ 40-50 เซนติเมตร ซึ่งตัวเมียจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวผู้แต่ขนาดตัวจะเล็กกว่าตัวผู้เล็กน้อย มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 ปี ซึ่งหากไม่โดนล่าเสียก่อนก็จัดว่าอายุยืนพอ ๆ กับสุนัขบ้านที่เราเลี้ยงกันทั่วไปเลยทีเดียว 

คาราคัล แมวผู้มีนิสัยอดทนในการใช้ชีวิตและวิธีการเอาตัวรอดจากศัตรู

คาราคัล-Caracal
คาราคัล-Caracal

     คาราคัล หรือ แมวป่าคาราคัล เป็นสัตว์ที่มักจะอาศัยอยู่ตามโขดหิน มีนิสัยอดทนต่อความร้อนและสามารถอดน้ำได้เก่ง ในช่วงที่แห้งแล้งมักจะอาศัยน้ำจากเหยื่อที่สามารถล่ามาได้ประทังชีวิต โดยจะออกหากินแค่ในช่วงเช้าและตอนกลางคืนเท่านั้น ในช่วงกลางวันมักจะหลบอยู่ตามหลืบหินเนื่องจากในช่วงกลางวันอากาศจะร้อนจัด มันมักจะล่าเหยื่อเพียงลำพังโดยการค่อย ๆ ย่องเข้าหาแล้วกระโดดตะครุบเหยื่ออย่างรวดเร็ว อาหารที่โปรดปรานของเจ้าแมวป่ามีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น นก กระรอกดิน กระต่ายป่า สัตว์เลื้อยคลาน ฯลฯ 

     เมื่อต้องเป็นฝ่ายถูกล่าบ้างเจ้าแมวคาราคัลของเราก็มักจะกระโดดปีนป่ายขึ้นต้นไม้หนีตายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มันสามารถรอดชีวิตจากการล่าของศัตรูตัวร้ายอย่างเสือดาวหรือสิงโตได้อย่างหวุดหวิด

เมื่ออยากมีคู่คาราคัลจะทำอย่างไร ? 

คาราคัล-Caracal
คาราคัล Caracal

     คาราคัลเป็นสัตว์ที่สามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหากเป็นในแถบซาฮารามันมักจะผสมพันธุ์กันในช่วงฤดูหนาว ( มกราคม ) โดยจะมีช่วงระยะเวลาที่ผสมพันธุ์ประมาณ 5-6 วัน แมวป่าคาราคัลตัวเมียสามารถมีคู่ได้หลายตัวโดยจะมีการจับคู่ตามลำดับขั้นอิงจากขนาดตัวและอายุ

     เมื่อมีการผสมพันธุ์แล้วแมวป่าคาราคัลตัวเมียจะใช้เวลาในการตั้งท้องประมาณ 71-81 วัน ให้ลูกได้ครั้งละประมาณ 1-6 ตัว จากนั้นฝ่ายตัวเมียจะทำรังให้ลูกน้อยอยู่อาศัยในโพรงหรือตามหลืบหิน รอจนลูกน้อยอายุได้ 3 สัปดาห์ จึงจะพาลูกเปลี่ยนย้ายรังไปที่ใหม่เนื่องจากรังเดิมเริ่มคับแคบแล้วลั่นเอง เมื่อครบ 10 สัปดาห์ลูกก็จะเริ่มหย่านมและจะยังอยู่ในความดูแลของแม่จนอายุครบ 1 ขวบ จึงจะค่อย ๆออกหากินและสืบพันธุ์มีครอบครัวต่อไป

 

 

 

สล็อตผ่านวอเลท ไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ความรู้ สัตว์บก

บีเวอร์ Beaver สัตว์นักวิศวกรรมศาสตร์ตัวยงที่คุณต้องหลงรัก

สัตว์บก

       บีเวอร์ ( Beaver ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง เป็นจำพวกสัตว์ฟันแทะที่อยู่ในวงศ์ CASTORIDAE มีถิ่นกำเนิดมาจากเขตฮอลอาร์กติก ปัจจุบันมีเหลือรอดอยู่ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ยูเรเซีย ( C. fiber ) และ สายพันธุ์อเมริกาเหนือ ( C. canadensis ) ส่วนสายพันธุ์แคลิฟอร์นิคัสปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว จึงคงเหลืออยู่เพียง 2 สายพันธุ์เท่านั้น บีเวอร์สามารถพบได้ตามบริเวณแหล่งน้ำจืดทั่วไป เช่น ทะเลสาบ ลำธาร แม่น้ำ สระน้ำ ฯลฯ โดยเจ้าตัวบีเวอร์มักจะกินพืช เปลือกไม้ พืชน้ำเป็นอาหาร

       บีเวอร์เป็นสัตว์ฟันแทะที่มีลักษณะเด่นเห็นได้ชัด คือ มีฟันที่แข็งแรงขนาดใหญ่ ฟันหน้ารูปทรงคล้ายสิว มีศีรษะใหญ่ ร่างกายแข็งแรง มีขนสีน้ำตาลอมเทา มีลักษณะเท้าหน้าคล้ายมือ เท้าหลังแบนเป็นพังผืด หางด้านหลังมีลักษณะเป็นเกล็ด สังเกตความต่างทางสายพันธุ์ง่ายๆ โดยพันธุ์ยูเรเซียจะมีกะโหลกศีรษะยาวกว่าและโพรงจมูกในกะโหลกมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม หางที่แคบ และมีสีขนที่อ่อนกว่าสายพันธุ์อเมริกาเหนือ

บีเวอร์ สัตว์นักวิศวกรรมตัวยง

       ตัวบีเวอร์เป็นนักวิศวกรรมที่สามารถสร้างเขื่อนธรรมชาติได้อย่างชาญฉลาด มันมักจะสร้างเขื่อนเป็นที่อยู่อาศัยและที่หลบซ่อนตัวโดยการใช้ฟันอันแข็งแรงของมันแทะกิ่งไม้นำมาใช้ทำด้วยความขยันขันแข็ง มีการนำหินและโคลนมาอุดรูที่เป็นรอยรั่ว การสร้างเขื่อนของเจ้าสัตว์ฟันแทะนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตัวมันเองแล้วยังส่งผลดีต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆในระบบนิเวศโดยรอบอีกด้วย

วิธีการใช้ชีวิตคู่ของนักวิศวกรรมอย่างเจ้าบีเบอร์

       บีเวอร์ตัวผู้และตัวเมียเมื่อถึงวัยที่เจริญเติบโตเต็มที่จะจับคู่และอาศัยอยู่รวมกันเป็นคู่ พร้อมกับลูกๆเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น เมื่อลูกๆโตมากพอก็จะเริ่มมาช่วยพ่อแม่ซ่อมเขื่อนที่เป็นที่อยู่อาศัยของตนเองและก็ช่วยเลี้ยงน้อง ตัวบีเวอร์ยังมีต่อมที่อยู่บริเวณข้างก้นเอาไว้ใช้ผลิตสารที่ชื่อว่า สารคาสโตรเรียม โดยสารนี้จะเอาไว้ใช้แสดงอาณาเขตและเอาไว้ใช้จำแนกญาติซึ่งมันจะมีกลิ่นพิเศษเฉพาะทำให้สามารถแยกได้ว่าญาติตัวไหนเป็นญาติของมันบ้าง

       กล่าวกันว่าในอดีตนิยมการล่าบีเวอร์เพื่อนำเอาขนแยกชิ้นส่วนขน-เนื้อ และสกัดเอาสารคาสโตรเรียมไปใช้ในการแพทย์ สกัดเป็นน้ำหอม และปรุงอาหาร หนังและขนก็จะเอาไว้จำหน่ายในตลาดขนสัตว์ ทำให้บีเวอร์เจ้าสัตว์ฟันแทะที่น่ารักมีจำนวนประชากรลดลงไปเป็นจำนวนมาก จนได้กลายมาเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20

 

 

 

สล็อตวอเลทไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ความรู้ สัตว์บก

ม้าลาย สัตว์โลกลายสวยที่มองเห็นเด่นมาแต่ไกล

สัตว์บก

      ม้าลาย ( Zebra ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจัดอยู่ในสกุลม้า (EGUUS ) มีขนาดเล็กกว่าม้าทั่วไป มีลักษณธของหางคล้ายกับหางของลา มีขนที่คอเป็นแผงสั้นตั้งขึ้นเหมือนขนแปรง ลำตัวมีสีสันโดดเด่น คือ มีสีขาวสลับกับสีดำทั้งตัว ซึ่งถ้าอิงตามความเชื่อของชาวพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาจะมีความเชื่อว่า ม้าลายมีพื้นขนสีดำและมีสีขาวเป็นลายพาดผ่าน

วิถีการดำรงชีวิตของม้าลาย

      ม้าลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มักจะอยุ่รวมกันเป็นฝูง โดยในฝูงหนึ่งสามารถมีม้าลายตั้งแต่ 100 ตัว-1,000 ตัวเลยทีเดียว มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า ชอบอาศัยอยู่ตามพื้นที่ราบโล่งหรือบริเวณที่มีลักษณะเป็นทุ่งกว้าง โดยจะเล็มกินหญ้าและยอดอ่อนของต้นไม้บางชนิดเป็นอาหาร ม้าลายเป็นสัตว์ที่ถือว่ามีอันตรายรอบด้าน ทั้งยังเป็นสัตว์ที่สายตาไม่ค่อยดีมีเพียงจมูกที่รับกลิ่นได้ดีและฟันที่ค่อนข้างคม มันต้องอาศัยคอยสังเกตอาการของสัตว์ใกล้เคียงเพื่อเตือนภัย

      ม้าลายเป็นสัตว์ที่มีน้ำใจโดยมันมักจะกัดแทะกินบริเวณส่วนโคนและลำต้นของต้นไม้-หญ้าและจะปล่อยให้แอนทีโลปหรือสัตว์อื่นกินยอดหญ้าแทน นับว่าเป็นการแสดงน้ำใจของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็ว่าได้เพราะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้นลึกๆแล้วมักจะมีความอ่อนโยนอยู่ภายในจิตใจไม่มากก็น้อย 

การผสมพันธุ์ของม้าลาย

      โดยปกติม้าลายจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 25-30 ปี และเมื่ออายุครบ 2 ปี เป็นวัยกำลังเจริญพันธุ์ก็จะเริ่มมีการผสมพันธุ์ เมื่อมีการผสมพันธุ์กันแล้ว ม้าลายตัวเมียจะใช้เวลาตั้งท้องนานประมาณ 345-390 วัน ซึ่งถือว่าใช้เวลาค่อนข้างนานมากเลยทีเดียวสำหรับการให้ลูก 1 ตัวต่อ 1 ครั้ง เมื่อครบกำหนดคลอดละคลอดลูกม้าออกมาลักาณะลูกม้าแรกเกิดจะมีขนนุ่มฟู ลวดลายตามลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลสลับกับสีขาว ซึ่งอาจเป็นเพราะเพิ่งคลอดทำให้สีขนยังไม่ชัดเท่าไหร่นักเมื่อเวลาผ่านไปสีจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวดำชัดขึ้นเอง

      และเพียงไม่นานลูกม้าตัวน้อยก็จะสามารถเดินและวิ่งได้อย่างคล่องแคล่ว โดยในช่วงที่ลูกม้าเล็กจะอาศัยกินนมแม่เป็นก่อนแล้วจึงค่อยๆเปลี่ยนไปกินหญ้าทีหลัง ซึ่งก็ถือว่าเป็นลักษณะพิเศษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ม้าลายไม่นิยมนำมาฝึกเพื่อใช้งานสักเท่าไหร่นักเนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย แต่ก็พบเห็นได้บ้างว่ามีการนำม้าลายมาลากรถให้คนนั่ง เช่น ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ฯลฯ นอกจากนี้ก็มักจะเป็นการนำไปแสดงหรือโชว์ลวดลายอันสวยงามในงานต่างๆ

 

 

 

ฝากไม่มีขั้นต่ํา

Categories
สัตว์บก

ไซกา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เปลี่ยนสีได้ตามสภาพอากาศ

สัตว์บก

             ไซกา หรือ กุย ( Saiga Antelope ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Saiga Tatarica อยู่ในวงศ์ Antilopinae ไซกาเป็นสัตว์ 4 เท้าที่มีลักษณะคล้ายกับกวางกึ่งสมเส็จ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีช่วงขายาวประมาณ 0.6 - 0.8 เมตร ช่วงลำตัวยาวประมาณ 180 - 146 เซนติเมตร ความยาวของหางอยู่ที่ประมาณ 6 - 13 เซนติเมตร มีดวงตาสวยกลมโต เมื่อเจริญเติบโตเต็มวัยจะสามารถมีน้ำหนักได้ประมาณ 36 - 63 กิโลกรัม มีเขา 2 ข้าง ยาวข้างละ 20 - 25 เซนติเมตร โดยตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย

             ไซกาจะมีลักษณะของจมูกเป็นงวงยื่นออกมาคล้ายจมูกของสมเสร็จเมื่อสัมผัสจะมีความยืดหยุ่น นอกจากทำหน้าที่หายใจแล้วจมูกยังทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองและอุ่นอากาศในฤดูหนาวได้อีกด้วย จัดเป็นสัตว์ที่มีความอดทนสูงสามารถทนได้แม้ในสภาพอากาศที่ค่อนข้างเลวร้าย

ไซกาผู้มาพร้อมพรสวรรค์ในการปรับตัวขั้นเทพ

             ไซกา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีนิสัยค่อนข้างขี้ตกใจง่ายและขี้กลัว จึงทำให้มันมีนิสัยระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลาและพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากการปรับตัวของไซกาในช่วงฤดูต่างๆ เช่น ขนของเจ้าไซกาจะสามารถเปลี่ยนสีไปได้ตามฤดูกาล โดยจะมีขนสีขาวในช่วงที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นขนจะยาวยื่นออกมาประมาณ 40 - 70 มิลลิเมตร และจะมีความหนาเพิ่มมากขึ้นด้วยเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย แต่พอช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนขนของมันจะมีสีเหลือง หดสั้นและบางลงอย่างมาก โดยจะมีความยาวประมาณ 18 - 30 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง

             นอกจากนี้ไซกายังสามารถว่ายน้ำได้อย่างเก่งกาจ สามารถวิ่งได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความอดทนสามารถเดินทางไกลได้มากถึง 80 - 100 กิโลเมตรต่อวัน โดยจะเห็นได้จากการอพยพในช่วงฤดูใบไม้ผลิขึ้นไปทางเหนือเพื่อที่จะไปกินหญ้าในช่วงฤดูร้อน ช่างเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่งและมีความอดทนสูงมากจริงๆ

วิถีชีวิตและการสืบพันธุ์ของไซกาสัตว์หน้าแปลก

             ไซกา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอาหารหลักคือ พืช โดยมันสามารถกินได้ทั้งพืชปกติทั่วไปแล้วก็สามารถกินพืชที่เป็นพิษบางชนิดได้ด้วย สามารถพบไซกาได้ในแถบเอเชียกลาง เช่น มองโกเลียตะวันตก จีนตะวันตกเฉียงเหนือ และไซบีเรียตอนใต้ โดยมันจะมีอายุขัยได้ประมาณ 6 - 10 ปี และจะมีการผสมพันธุ์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนปีต่อมา

             โดยตัวเมียจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุครบ 8 เดือน และตัวผู้เมื่อมีอายุครบ 20 เดือน ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้จะมีการใช้เขาแหลมๆของมันต่อสู้กันจนตายเพื่อครองตัวเมียภายในฝูง เมื่อหมดฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้ที่รอดชีวิตจะรวมตัวกันเป็นฝูงแล้วเดินทางขึ้นเหนือเพื่อเตรียมไปกินยอดหญ้าในช่วงฤดูร้อน 

             ส่วนตัวเมียก็จะยังคงอยู่ที่เดิมและให้กำเนิดลูกน้อยซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 140 วัน โดยตัวเมียสามารถคลอดลูกได้ครั้งละ 1-2 ตัว และลูกไซกาจะสามารถกินอาหารได้เองเมื่อโตได้เพียง 4 วันเท่านั้น เมื่ออายุได้ประมาณ 3-4 เดือน จะหย่านมแม่และเริ่มออกหากินเองตามธรรมชาติ เก่งตั้งแต่เด็กเลยนะเนี่ย !!

             ปัจจุบัไซกามีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีความเชื่อว่าส่วนเขาของไซกาสามารถนำไปปรุงเป็นยาจีนบำรุงร่างกายได้ ซึ่งราคาซื้อขายในตลาดตอนนี้จัดว่าแพงมากเลยทีเดียว และในปี ค.ศ 2015 มีโรคระบาดทำให้ไซกามีการติดเชื้อและตายไปเป็นจำนวนมากส่งผลทำให้มีปริมาณลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันไซกาจัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤตเลยทีเดียว

 

Categories
สัตว์บก

มดแพนด้า “ นักฆ่าวัว ”  ตัวต่อที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมด

สัตว์บก

         หลายคนอาจสงสัยว่า มดแพนด้า  ( Panda Ant ) คือมดใช่หรือเปล่า? และก็มีอีกหลายคนที่เข้าใจว่ามดแพนด้าคือ มดชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาน่ารักและลวดลายเหมือนแพนด้า แต่มดแพนด้าความจริงแล้วก็คือ ตัวต่อชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า “ Velvet Ant ” แปลว่า มดกำมะหยี่ ชื่อภาษาไทยมีชื่อว่า มดขนปก

“ นักฆ่าวัว ”ฉายาที่ได้มาโดยเจ้าตัวต่อมดแพนด้าไม่ได้ฆ่า

         นอกจากนี้เจ้ามดแพนด้ายังมีฉายาว่า “ นักฆ่าวัว ” ซึ่งฉายานี้มีที่มาจากเรื่องเล่าที่ว่า วันหนึ่งมีวัวตัวหนึ่งเดินไปเผลอเหยียบต่อตัวเมียเข้า จึงโดนตัวต่อต่อยตรงส่วนร่องเท้าที่เป็นเนื้ออ่อน วัวตัวนั้นเมื่อโดนต่อยแล้วก็ได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีก็ได้ออกวิ่งไปอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งขาของมันหักแล้วก็ได้ตายลง

         และยังมีเรื่องเล่าในทำนองเดียวกันอีกว่า มีวัวโดนตัวต่อชนิดนี้ต่อยทำให้บวมและมีอาการอักเสบ ต่อมามีหนอนตัวอ่อนของแมลงเกิดขึ้นมาในแผลนั้น สุดท้ายแล้ววัวก็ตายเพราะอาการแผลติดเชื้อ ซึ่งพอได้ยินฉายา นักฆ่าวัว ก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าวัวตายในทันทีที่โดนเจ้ามดแพนด้าต่อย ซึ่งอันที่จริงแล้วมันไม่ได้มีพิษที่ร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตายได้ เมื่อโดนต่อยจะเจ็บปวดเพียงช่วงไม่กี่นาทีแรก จากนั้นจะมีเพียงอาการคันๆนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ

วิธีจีบสาวสไตล์มดแพนด้า

         อันที่จริงแล้วมดแพนด้ามีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน และแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีสีสันที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบสังคมสักเท่าไหร่ จึงมักพบพวกมัน 1-3 ตัวเท่านั้น เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ตัวผู้ที่มีปีกแต่ไม่มีเหล็กใน จะทำหน้าที่บินไปหาตัวเมียที่ไม่มีปีกแต่มีเหล็กใน จากนั้นตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียมาก เมื่อเจอตัวเมียมันก็จะเกาะตัวเมียแล้วพาตัวเมียบินขึ้นไปผสมพันธุ์บนอากาศ

         เมื่อผสมพันธุ์เสร็จแล้วตัวผู้จะบินลงมาเพื่อปล่อยให้ตัวเมียลงพื้นดิน เพื่อหารังผึ้งหรือว่ารังตัวต่อชนิดอื่นๆ ที่ทำรังตามพื้นเอาไว้แล้ว หลังจากนั้นต่อตัวเมียก็จะทำการวางไข่ลงไปในตัวอ่อนหรือในดักแด้ของผึ้งที่ต้องการจะวางไข่ โดยไข่ 1 ฟองใช้ฟักตัวอ่อน 1 ตัว โดยมดแพนด้าตัวเมียจะทำการเอาเหล็กในเจาะเข้าไปในไข่ เจ้าตัวอ่อนด้านในก็จะค่อยๆกินไข่และฟักตัวออกมา เมื่อมันกลายเป็นตัวเต็มวัยมันก็จะกินแค่น้ำหวานกับน้ำเท่านั้นเพื่อให้เป็นพลังงาน

         โดยปกติเมื่อต่อตัวเมียต่อยมันจะปล่อยสารพิษออกมาด้วย ทำให้ได้รับความเจ็บปวดมากๆแต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต โดยจะเจ็บปวดมากๆในช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น จากนั้นก็จะรู้สึกคันๆ ซึ่งตัวต่อชนิดนี้จะไม่ใช่สายพันธุ์ที่ดุร้าย ส่วนใหญ่จะเป็นการป้องกันตัว โดยส่วนใหญ่ตามประวัติคนที่เคยถูกต่อย ส่วนใหญ่มักจะเป็นการนั่งทับหรือไปเหยียบมันก่อนมันจึงตามากัด จัดเป็นเพียงสัญชาตญาณในการป้องกันตัวของเจ้าตัวต่อมดแพนด้าเท่านั้นค่ะ

บทความที่คุณอาจสนใจ : มดง่าม สัตว์ตัวจิ๋วภายใต้สังคมชั้นสูง

 

Categories
สัตว์บก

กอลิล่า จอมพลังแห่งพงไพร ที่ทั้งแข็งกร้าวและอ่อนโยน

สัตว์บก

คงเป็นภาพที่คุ้นตาไปเสียแล้วสำหรับภาพของ กอลิล่า ในมาดที่ดูแข็งแกร่ง แข็งกร้าว มีพละกำลังมหาศาล พร้อมที่จะฟาดฟันศัตรูของมันด้วยกำปั้นอันยิ่งใหญ่และทรงพลัง พร้อมกับท่าทุบอกที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน ซึ่งนั่นเป็นเพียงสิ่งที่หลาย ๆ คนนั้นได้เห็นมาจากภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่นำเสนอให้ลิงประเภทนี้นั้นดูยิ่งใหญ่ เป็นดั่งเจ้าป่า ที่อยู่เหมือนสัตว์แทบทุกอย่างบนโลกใบนี้ ซึ่งในความจริงแล้วยังมีอีกหลายมุมมองที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับราชาวานรประเภทนี้ ซึ่งในวันนี้คุณจะได้ทำความรู้จักสัตว์ประเภทนี้ให้มากขึ้น

กอลิล่า จอมพลังแห่งผืนป่า กับสิ่งที่หลายคนยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเจ้าลิงยักประเภทนี้

อย่างที่หลาย ๆ คนรู้อยู่แล้วว่า กอลิล่า นั้นเป็นลิงที่มีขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนอกจากนั้นแล้วลิงประเภทนี้ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีองค์ประกอบทางดีเอ็นเอคล้ายคลึงกับมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยมีความใกล้เคียงกันมากกว่า 90 % เลยทีเดียว ซึ่งลิงประเภทนี้นั้นมีถิ่นอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา บริเวณเทือกเขาวีรูงกา มักอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นฝูง โดยจะมีจ่าฝูงเป็นตัวผู้ที่แข็งที่สุดเป็นผู้นำ โดยสมาชิกในฝูงนั้นมีหน้าที่คือทำตามผู้แข็งแกร่งที่สุดเพียงเท่านั้นห้ามมีปัญหาหรือข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ฉะนั้นเจ็บตัวแน่ ๆ

ซึ่งจากภาพลักษณ์ของ กอลิล่า ที่เป็นสัตว์ที่แข็งกร้าว ดุดัน ทรงพลังเช่นนี้แท้ที่จริงแล้วสัตว์ประเภทนี้นั้นเป็นมังสวิรัติ 100 % โดยกินเพียงพืชเท่านั้น โดยมักกินจำพวกลูกไม้ต่าง ๆ ที่หาได้ในธรรมชาติ และด้วยรูปร่างที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจนอาจบดบังศักยภาพอีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือพวกมันนั้นฉลาดมาก ซึ่งมีหลายครั้งมีโลกได้พบกับ กอลิล่า ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ โดยสร้างความมหัศจรรย์ให้กับโลกใบนี้ โดย 1 ในนั้นก็คงไม่พ้น โกโก้

โกโก้ กับสายสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามผ่านคำว่าสัตว์ป่า

โกโก้ เป็น กอลิล่า สายพันธุ์พิเศษที่สุ่มเสี่ยงจะสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก เกิดเมื่อปี 1971 ซึ่งในวัยเด็กของเธอนั้นเธอมีร่างกายที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่เมื่อเธอเริ่มโตขึ้นเธอก็สร้างความมหัศจรรย์ให้กับชาวโลกโดยการที่เธอนั้นค่อย ๆ ซึมซับภาษามือจาก แฟรนซีน เพนนี แพตเทอร์สัน ผู้ที่เป็นเหมือนแม่ และเพื่อนของมัน โดยมีการวิจัยในชื่อของโครงการ โกโก้ เลยทีเดียว ซึ่งจากการที่ทำการวิจัยด้วยระยะเวลาที่แสนจะยาวนานมากถึง 40 ปี สิ่งที่มหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น โดยโกโก้นั้นสามารถโต้ตอบด้วยภาษามือได้ถึง 1,000 คำ และนอกจากนั้นแล้วยังสามารถเข้าใจภาษาพูดของมนุษย์ได้มากกว่า 2,000 อีกด้วย

ซึ่งนั่นก็ทำให้ภาพลักษณ์ของ กอลิล่า นั้นเปลี่ยนไป โดยโกโกนั้นช่างเป็นกอลิล่าที่มีความอ่อนโยนเป็นอย่างมาก งานอดิเรกของเธอคือการเลี้ยงดูลูกแมวที่โกโก้นั้นเอ็นดูเหมือนลูกของตัวเอง ซึ่งในวันที่ 21 มิ.ย. 2018 โกโก้ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 46 ปี

สรุป

จากที่ได้รู้จักมุมมองต่าง ๆ ของ กอลิล่า แล้วก็ทำให้รู้เลยว่าลิงกล้ามใหญ่ชนิดนี้ไม่ได้ก้าวร้าว รุนแรงเสมอไป ยังมีมุมอ่อนโยนที่พวกมันแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนอีกด้วย อย่างเช่น โกโก้ ที่เคยได้ทำให้โลกได้ประจักษ์ถึงความชาญฉลาดของเธอ แม้วันนี้เธอจะจากลาโลกใบนี้ไปแล้ว

Categories
สัตว์บก

ตัวนิ่ม สัตว์ที่มีโชคชะตาที่เลวร้ายที่สุดในโลก

สัตว์บก

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสัตว์ที่ขึ้นชื่อได้ว่ามีความโชคร้ายที่สุดในโลก ตัวนิ่ม หรือ ตัวลิ่น เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่เหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์ไดโนเสาร์ล้านปีเลยทีเดียว เพราะรูปลักษณ์ที่คล้ายกับสัตว์ที่ไม่ได้วิวัฒนาการตามยุคตามสมัย ซึ่งในความจริงแล้วสัตว์ประเภทนี้ก็มีอายุยืนยาวมามากกว่า 80 ล้านปีก่อนแล้ว ซึ่งรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นก็ทำให้หลาย ๆ การ์ตูนหรือภาพยนตร์มักนำสัตว์ประเภทนี้ไปเป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์สำคัญของเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นตัวละคร แซนด์แพน ในเรื่อง Pokemon นั่นเอง

ความน่ารักภายใต้ชุดเกราะของ ตัวนิ่ม สัตว์ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร

แม้ว่าภาพลักษณ์ของ ตัวนิ่ม นั้นจะดูเหมือนดุดัน ด้วยการที่มีเกราะแข็งคอยป้องกันตัวเอง และมีเล็บที่ยาวดูเหมือนเป็นอาวุธที่น่าเกรงขาม แต่แท้ที่จริงนั้นไม่ใช่เสียเลยเพราะสัตว์ประเภทนี้นอกจากจะไม่ได้น่าเกรงขามเหมือนภาพลักษณ์ของมันแล้ว มันยังมีทีท่าที่เอนเอียงไปในคำว่าอ่อนแอเสียมากกว่า เพราะอาหารของสัตว์ประเภทนี้นั้นเป็นเพียง มด ปลวก แมลงต่าง ๆ เพียงเท่านั้น โดยในการกินอาหารนั้นจะใช้ลิ้นที่มีความยาวอย่างมากในการตวัดแมลงเข้าปาก โดยไม่มีแม้แต่ฟันที่ใช้ในการกัดหรือเคี้ยว

และเล็บยาวของมันนั้นก็ไม่ได้เอาไว้ทำร้ายหรือปลิดชีพสิ่งมีชีวิตอื่นแต่อย่างใดแต่มีเอาไว้เพื่อให้ ตัวนิ่ม นั้นขุดหามด หาปลวกตามพื้นดินเท่านั้นเอง ด้วยเล็บของเท้าหน้าที่ยาวเช่นนี้ทำให้การเคลื่อนไหวนั้นทำได้อย่างช้าเป็นอย่างมาก การเคลื่อนที่ที่นิยมของมันนั้นก็คือการกลิ้ง ใช่แล้วครับ มันขดตัวเป็นเหมือนลูกบอลเพื่อให้เกล็ดที่แข็งแกร่งของมันนั้นทำหน้าที่เป็นเกาะปกป้องตัวมันทั้ง 360 องศา และใช้การกลิ้งไปมาเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วที่สุดของมันแล้ว สมกับชื่อในภาษามลายูของมันที่ชื่อว่า Pengguling หรือแปลว่าการหมุนกลิ้งนั่นเอง

ชะตากรรมอันแสนโหดร้ายที่ ตัวนิ่ม ต้องเผชิญ

จากที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า ตัวนิ่ม นั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ นอกจากแมลงที่มันกินเพื่อเป็นอาหาร ซึ่งอาวุธอย่างเดียวที่มันมีเวลามีภัยอันตรายเข้ามานั่นก็คือการปล่อยกลิ่นเหม็นมาก ๆ ออกมาจากต่อมพิเศษบริเวณลิ้น เท่านั้น เอง และทำได้เพียงปีนต้นไม้ หลบตามรูตามโพรงไม้ และขดตัวเพื่อให้เกราะของมันทำงานก็เท่านั้น ซึ่งในทางกลับกัน เกราะของมันก็ทำให้ชีวิตของ ตัวนิ่ม นั้นยากลำบากยิ่งขึ้นอย่างมากอีกด้วย

เพราะในประเทศจีนมีความมีความเชื่อว่า เกล็ดของ ตัวนิ่ม นั้นเป็นตัวยาที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลายประการ เป็นเหมือนยาครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้สำหรับประเทศจีน ทำให้มีการล่าอย่างผิดกฎหมายอยู่ในทุก ๆ ปี จนในปัจจุบันสัตว์ประเภทนี้เป็นสัตว์ที่เรียกได้ว่าสุ่มเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์มาก ๆ ซึ่งสัตว์จำพวกนี้ในอดีตพบในไทยเป็นจำนวนมาก แต่ก็กลายเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยจากการล่าเพื่อนำส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งในหนึ่งปีจะมี ตัวนิ่ม ทั่วทุกมุมโลกโดนล่าอย่างผิดกฎหมายไม่ต่ำกว่าล้านตัว

สรุป

ถือว่าเป็นโชคชะตาที่เลวร้ายมาก ๆ เลยสำหรับ ตัวนิ่ม ที่กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนที่ต้องการนำร่างกายของพวกมันไปใช้ในการปรุงยา ด้วยความเชื่อผิด ๆ ทำให้สายพันธุ์ของพวกมันเหลือน้อยเต็มที ซึ่งในปัจจุบันทั่วทุกมุมโลกต่างให้ความสนใจ และอนุรักษ์เพื่อให้คงไว้ให้ลูกหลานในอนาคตได้รู้จักกับสัตว์ประเภทนี้

Categories
สัตว์บก

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สุนัขอารมณ์ดี ขี้เล่น เป็นมิตร ที่ใคร ๆ ก็รัก

สัตว์บก

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สุนัขสายพันธุ์ยอดฮิตที่คนทั่วไปนิยมเลี้ยง ด้วยนิสัยที่เป็นมิตร ขี้เล่น ฉลาด และอารมณ์ดี แต่นอกเหนือจากนิสัยหลัก ๆ เหล่านี้ มันยังเป็นสัตว์ที่มีทักษะและความสามารถพิเศษอีกเยอะแยะเลย แถมยังเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนให้ความสำคัญนอกเหนือจากการเลี้ยงเท่านั้น มาดูกันดีกว่าว่า สุนัขสายพันธุ์นี้มีความพิเศษอย่างไร

ถิ่นกำเนิดของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และการพัฒนาสายพันธุ์

เริ่มต้น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จากประเทศสก็อตแลนด์ และปรากฏตัวให้เป็นที่รู้จักในประเทศอังกฤษ และได้ถูกบันทึกให้เป็นสุนัขสายพันธุ์แท้โดย หน่วยงาน American Kennel Club หรือ AKC เจ้าโกลเด้นมีสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากกลุ่มสุนัขหลายสายพันธุ์ ทั้งกลุ่มสแปเนี่ยล กลุ่มนิวฟาวแลนด์ กลุ่มเซทเตอร์ และกลุ่มบลัดฮาวน์ ทำให้กลายมาเป็นพันธุ์สุนัขที่มีความแข็งแรง และยังมีความเฉลียวฉลาดสามารถฝึกได้

ที่มาของสุนัขล่านก สู่เจ้าหมาหน้ายิ้ม

นอกจากเจ้าโกลเด้นจะมีการพัฒนาสายพันธุ์จากสุนัขล่านก หรือล่าสัตว์ปีกในน้ำที่แข็งแรงแล้ว ปากของมันยังมีลักษณะที่อ่อนนุ่ม สามารถคาบสัตว์เล็ก ๆ อย่างนก ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้โดยที่ไม่เกิดรอยขย้ำ และเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของสุนัขพันธุ์นี้ คือ เวลาแลบลิ้นออกมา จะคล้ายกับว่ากำลังยิ้มอยู่ ทำให้ผู้คนชอบในความเป็นมิตรของมัน และมันยังเป็นสุนัขที่ชอบพบปะผู้คน และชอบเข้าสังคมมาก ๆ เลยด้วย

ขนสีบลอนด์ทองของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สามารถกันน้ำได้ถึง 2 ชั้น

สุนัขสายพันธุ์นี้ จัดเป็นสุนัขที่มีรูปร่างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ลำตัวมีขนาดปานกลางไปจนถึงใหญ่ มีทั้งขนเรียบและขนลอนสีน้ำตาลทองที่สวยงามปกคลุมทั่วตัว ความโดดเด่นของเจ้าตูบพันธุ์นี้ คือ ขน 2 ชั้นของมันสามารถกันน้ำได้ โดยจะมีการผลัดขนและทำความสะอาด เพียงสองอาทิตย์ครั้ง

ลักษณะนิสัยของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เจ้าหมาหน้ายิ้ม

และไม่ใช่แค่หน้าตาของเจ้าโกลเด้นที่เป็นมิตรเท่านั้น แต่ลักษณะนิสัยก็ยังขี้เล่น เป็นมิตร อารมณ์ดี อดทน คล่องแคล่ว มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ซื่อสัตย์กับเจ้าของ และยังสุภาพกับเด็ก ๆ ด้วย ถึงแม้ว่าจะมีสัญชาตญาณในการเฝ้าระวังไม่มาก แต่ก็ยังสามารถฝึกให้ทำตามคำสั่ง หรือเตือนขู่คนแปลกหน้าได้

งานอดิเรกของน้องโกลเด้น

การที่สุนัขสายพันธุ์นี้ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การคาบสิ่งของ หาของ วิ่งเล่น ถือเป็นความสุขของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และอีกกิจกรรมหนึ่งที่ชอบเป็นพิเศษ คือ การว่ายน้ำนั่นเอง ไม่บอกไม่รู้ ว่าสุนัขพันธุ์นี้สามารถอยู่ในน้ำเย็นได้ในช่วงระยะเวลาที่นานกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ

จุดอ่อนของสุนัขพันธุ์นี้ ง่าย ๆ แค่อย่าทิ้งเขา

เห็นมันมีนิสัยร่าเริง ขี้เล่นตลอดเวลา แต่จริง ๆ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่เป็นสุนัขชอบเข้าสังคมนั้น ไม่ชอบให้ถูกทิ้งให้อยู่ตัวเดียว เพราะจะทำให้มันเกิดความเครียดและแสดงอาการเศร้าออกมา ดังนั้น ใครที่คิดจะเลี้ยงพันธุ์นี้ จะต้องมีเวลาพาเขาไปเดินเล่น หรือหาเวลาพาเจ้าตูบนี้ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีของมัน

ความฉลาดแสนรู้ของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์

เจ้าตูบแสนรู้ตัวนี้ ว่ากันว่าเป็นสุนัขที่เฉลียวฉลาด และแสนรู้รองจากเยอรมันเชพเพิร์ด และ พุดเดิ้ล มีทักษะที่เชี่ยวชาญอื่น ๆ ทั้งว่ายน้ำเก่ง และตามรอยสัตว์บาดเจ็บได้ดี ด้วยการที่มีประสาทสัมผัสการรับรู้ถึงกลิ่นและการสะกดรอยตาม นอกจากจะนิยมเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ปัจจุบันยังใช้ฝึกเพื่อเป็นสุนัขนำทาง หรือช่วยเหลือผู้พิการ หรือสุนัขช่วยงานดับเพลิง สุนัขทีมกู้ภัย หรือแม้แต่ตรวจค้นสิ่งของที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

Categories
สัตว์บก

เสือดาว จากนักล่าในอดีต สู่การเป็นเหยื่อที่ควรแก่การอนุรักษ์

สัตว์บก

ถ้าหากพูดถึงคำว่านักล่าที่ปราดเปรียวและว่องไว หลาย ๆ คนต้องรู้จักและนึกถึง ‘เสือดาว’ หรือ เสือดำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในตระกูลเสือและแมว ที่กล่าวว่าถือกำเนิดมานานนับ 500,000 ปีมาแล้ว ความลึกลับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้มีอยู่มาก ทั้งวิถีชีวิตของมันและวิธีการล่าเหยื่อ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เรามาดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักล่าที่กลายมาเป็นเหยื่อในปัจจุบันนี้

เสือดาว และเสือดำมาจากคนละสายพันธุ์กันจริงเหรอ?

คนทั่วไปมักจะคิดว่า สัตว์สองสายพันธุ์นี้ มาจากคนละสายพันธุ์กัน แต่ความจริงแล้ว สัตว์ทั้งสองชนิดนี้อยู่ในตระกูลเดียวกัน และยังสามารถเกิดจากครอกเดียวกันได้ด้วย เสือดาว จะมีลักษณะตัวเล็กกว่าเสือโคร่ง แต่ตัวใหญ่กว่าแมว ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเหลือง มีลายจุดสีดำทั่วลำตัว ซึ่งคนในสมัยก่อนจะเรียกว่า เสือลายตลับ เสือลายจ้ำหลอด หรือเสือลายขยุ้มตีน ส่วนเสือดำ จะมีลักษณะคล้ายกันทุกประการ แตกต่างกันแค่มีขนปกคลุมสีดำทั่วตัวเท่านั้น

เสือดาว กระจายของถิ่นที่อยู่อาศัย

สัตว์สายพันธุ์นี้ จัดว่าอยู่กระจายทั่วโลกได้ไกลที่สุด เราสามารถพบสัตว์ชนิดนี้ได้ทั้งในทวีปแอฟริกา ซึ่งสายพันธุ์แอฟริกาจะมีความดุร้ายกว่า จนมาถึงทวีปเอเชียใต้ ไล่มาตั้งแต่ประเทศจีน ไทย มาเลเซีย จนถึงเอเชียตะวันออกกลาง

เสือดาว เป็นสัตว์ป่าที่จับตัวยากที่สุด

เนื่องจากมันจะอาศัยอยู่ในป่าทึบ ป่าโปร่งเป็นหลัก ชอบอาศัยอยู่บนที่สูง เคลื่อนที่ตามกิ่งไม้ เพื่อคอยหลบซ่อน อำพรางตัวและคอยล่าเหยื่อจากที่สูง แต่ในบางครั้ง มันก็สามารถปรับตัว และอาศัยอยู่ในพื้นที่โล่งอย่างทะเลทรายก็ได้ เนื่องจากมันสามารถทนความร้อนได้ดีกว่าเสือโคร่ง และยังทนความหนาวในระดับเทือกเขาหิมาลัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นสัตว์ที่ปราดเปรียว ว่องไว ดุ และมีพฤติกรรมที่สันโดษ ชอบอยู่ตัวเดียวลำพัง จะอยู่เป็นคู่เวลาถึงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น

อาหารของนักล่า

เสือดาว มักจะกินพวกสัตว์กินพืช อย่างกวาง หมู และยังมีสัตว์เล็ก ๆ อย่างนก กระต่าย อีกด้วย หรือถ้าอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งอย่างทะเลทราย มันก็จะล่างู กิ้งก่า เป็นอาหารอีกด้วย ในส่วนของสายพันธุ์แอฟริกา จะมีความแตกต่างเล็กน้อย นอกจากจะล่าพวกสัตว์กินพืชอย่าง กาเซลล์ อิมพาลา หรือหมูป่าแล้ว งูเหลือมขนาดใหญ่มันก็จับกินเป็นอาหารได้เหมือนกัน

วิธีล่าแบบ เสือดาว

เหยื่อของ เสือดาว นอกจากจะเป็นสัตว์กินพืชแล้ว แม้แต่ ลิง หรือค่าง สัตว์ชนิดนี้ ก็สามารถหาวิธีในการล่าเหยื่อได้อย่างแยบยล โดยมันจะค่อย ๆ ขย่มบนต้นไม้ แล้วแสร้งทำทีจะกระโดดขึ้นไปให้พวกลิงตกใจและกระโดดลงมาเพื่อหลบในพุ่มไม้ ถึงตอนนั้นก็โดนนักล่าสายพันธุ์นี้ ตะครุบเหยื่อขึ้นไปกินบนต้นไม้อย่างง่ายดายแล้ว การเลือกเหยื่อของมันจะใช้วิธีสุ่มมย่องไม่ให้เหยื่อรู้ตัวก่อนจึงค่อยโจมตีเหยื่อ แต่ถึงแม้นักล่าตัวนี้จะมีความปราดเปรียวแค่ไหน แต่ระยะเวลาในการวิ่งจะไม่นานเท่าเสือชีตาห์ หรือไฮยีน่าที่จะอยู่รวมกันเป็นฝูง ถึงแม้ว่า จะมีกิตติศัพท์เป็นนักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกเสือ หรือเสือตัวเล็ก ๆ ก็เป็นเหยื่อให้สิงโต หรือฝูงหมาป่ารุมล่าได้เช่นกัน

เสือดาว ที่กลายมาเป็นเหยื่อ

จากข้อมูลนักวิจัยด้านสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้กล่าวว่า กลุ่มป่าในแถบตะวันตกมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ทำให้กลุ่มเสือหากินและสามารถขยายพันธุ์ได้ แต่ เสือดาว มีจำนวนลดลงไม่ถึง 200 ตัว และยังอยู่ในสถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เนื่องมาจากภัยคุกคามอย่างการล่าของมนุษย์เพื่อเอาหนังเสือ การบุกรุกป่าตัดไม้ ซึ่งเป็นการทำลายระบบนิเวศ ทำลายที่อยู่อาศัยของเสือ ดังนั้น เราจึงควรที่จะมีจิตสำนึกและอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้ เพื่อให้รักษาระบบนิเวศของธรรมชาติต่อไป